xs
xsm
sm
md
lg

"เพื่อแม้ว-พรรคสาขา" แตกฮือแย่งลงส.ส.เขต!!

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์

**ถือว่าเริ่มงวดกันเข้ามาแล้ว สำหรับการเลือกตั้ง และจนถึงนาทีนี้ มีการยืนยันจากฝ่ายที่เกี่ยวข้องไม่ว่าจะเป็นรัฐบาล คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) และล่าสุด วานนี้ (14 พ.ย.) นายอิทธิพร บุญประคอง ประธานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ก็ย้ำว่า จนถึงตอนนี้ยังไม่มีเหตุที่ทำให้ต้องเลื่อนวันเลือกตั้งจากที่กำหนดเอาไว้ วันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2562 ไปเป็นวันอื่น และอีกวันสองวันนี้ กกต.จะประกาศเขตเลือกตั้ง ลงในราชกิจจานุเบกษาต่อไป
ก็ถือว่าชัดเจนแบบร้อยละ 99.99 แล้วว่า การเลือกตั้งต้องเกิดขึ้นใน วันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2562 เพราะถ้าเปลี่ยนแปลงไปจากนี้ รับรองว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ "จมดิน" แน่ ทุกอย่างจะเสียหาย พังพินาศหมด
นาทีนี้เชื่อว่าหลายคนก็คงจะพอเข้าใจว่า หากเลื่อนการเลือกตั้งออกไปแล้ว ทำไม พล.อ.ประยุทธ์ จะเสียหายอย่างไรบ้าง
ดังนั้น เมื่อการเลือกตั้งน่าจะชัวร์แล้ว สิ่งที่น่าจับตากันมากกว่าก็คือ ความเคลื่อนไหวในแต่ละพรรคการเมือง ซึ่งจะขอโฟกัสไปที่พรรคเครือข่ายของครอบครัวทักษิณ ชินวัตร ก่อน เพราะมีการ "แตกตัว" ออกมาหลายพรรค และมีระดับ "เกรด" ต่างกันออกไป
**หากเทียบเป็นบริษัท ก็ต้องบอกว่าเริ่มจากพรรคเพื่อไทย ที่เป็น"บริษัทแม่" และกำลังแยกย่อยออกไปตั้งเป็น"บริษัทลูก" เพื่อดำเนินภารกิจใหม่ และบริษัทลูก หรือพรรคใหม่ที่กำลังมาแรง ก็น่าจะเป็น "พรรคไทยรักษาชาติ" หรือชื่อย่อที่ชวนสงสัยว่า "ทษช." และพรรคเพื่อธรรม พรรคเพื่อชาติ และยังมีประเภทพรรคแนวร่วม พรรคพันธมิตรทางการเมืองอีกมากมายหลายพรรค จนจำไม่หวาดไม่ไหว
แน่นอนว่าภายใต้เหตุผลของการ "แตกพรรค" ดังกล่าวย่อมมีเรื่องราวของความบาดหมาง มีความขัดแย้งกันภายในอยู่บ้าง เป็นเรื่องธรรมดา เพราะหากมีความสุข ไม่อึดอัด ทุกคนก็คงอยากอยู่ที่เดิม ไม่แยกกันออกมา
ขณะเดียวกัน ยังมีอีกเหตุผลหลักที่เป็นเหตุให้ต้องแตกตัวกันออกมา ก็เป็นเพราะกฎเกณฑ์ใหม่ กติกาใหม่ อย่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ที่เชื่อว่าจะทำให้การเลือกตั้งคราวนี้ จะไม่มีพรรคใดชนะแบบถล่มทลาย นั่นคือ จะไม่มีพรรคใดได้เสียงข้างมาก แต่คะแนนจะกระจายไปถึงพรรคขนาดกลาง และขนาดเล็กหลายพรรค เพราะทุกคะแนนมีความหมาย เพราะแม้จะแพ้ในเขตเลือกตั้ง คะแนนก็จะถูกนำไปนำรวมเพื่อหาจำนวน ส.ส.บัญชีรายชื่อ
ซึ่งระบบจัดสรรปันส่วนผสมแบบนี้แหละ ที่ทำให้เครือข่ายของ ทักษิณ ชินวัตร ต้องดิ้นรนเพื่อรักษาคะแนนเสียงเดิมเอาไว้ เพระหากคิดจากจำนวนคะแนนเสียงจากการเลือกตั้งคราวที่แล้ว เมื่อปี 2554 ที่พรรคเพื่อไทยเคยได้ กว่า 14 ล้านเสียง ก็ต้องแตกพรรคออกมา โดยพรรคเพื่อไทย แม้ว่าจะมีปัญหาคุกรุ่นอยู่ภายใน หลังจากคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ เข้ามามีบทบาท โดยเป็นประธานด้านยุทธศาสตร์ของพรรค แต่ก็ยังถือว่า ยังเป็นพรรค "เรือธง" เป็นพรรคหลักอยู่ดี และจะเป็นพรรคที่เน้นในเรื่อง ส.ส.ระบบเขตเป็นหลัก ซึ่งหากพิจารณาจากพื้นที่แล้ว เต็มที่ก็ไม่น่าจะได้ ส.ส.ถึง 200 ที่นั่ง
อย่างไรก็ดี ปัญหาก็คือ เมื่อเป้าหมายหลักคือ ส.ส.เขต แต่มีพื้นที่จำกัด เพราะในความเป็นจริงในพรรคเพื่อไทยก็ย่อมมี "แถวหนึ่ง" แถวสอง หรือ "ตัวจริง" ตัวสำรอง ที่น่าสนใจก็คือมีหลายคนที่เคยเป็น ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ แต่อันดับไปอยู่กลางๆ ค่อนไปทางท้ายๆ มันก็ย่อมมีความเสี่ยง
**ที่เห็นความเคลื่อนไหวแบบร้อนรน "นั่งไม่ติด" ก็เห็นจะเป็นพวก "แกนนำนปช." ไล่ตั้งแต่ ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ลงมา คนพวกนี้จะอยู่ที่เดิมลำบาก เพราะระบบเดิมยังสามารถเข้ามาได้ แต่คราวนี้ หากยังอยู่ลำดับบัญชีรายชื่อช่วงกลางๆ แบบเดิม รับรองว่ามีสิทธิ์ปิ๋ว ชัวร์แน่ และยิ่งพวก"แกนนำโนเนม" ที่ไร้อำนาจต่อรองอย่าง "เหวง โตจิราการ" แบบนี้ยิ่งไปไหนลำบาก
หากจะบากหน้าไปพรรคเพื่อชาติ ของ จตุพร พรหมพันธุ์ ที่แม้ว่าเอาเข้าจริงก็คงไปอยู่ร่วมชายคาได้ แม้ว่าจะ "เปิดหัว" กันมาไม่สวยก็ตาม แต่ความเสี่ยงมันก็ยิ่งสูงขึ้นไปอีก เพราะรู้กันอยู่แล้ว "ทุนรอนมันน้อย" เพราะเมื่อเช็กสถานะแล้ว เป็นเพียงพรรคแนวร่วมเท่านั้น และยิ่งเวลากระชั้นเข้ามาเพราะต้องรีบตัดสินใจภายในวันที่ 26 พ.ย.นี้ ก็ยิ่งร้อนรนหนัก
วกมาที่พรรคไทยรักษาชาติ (ทษช.) ที่นาทีนี้รับรู้กันแล้วว่า จะเป็น"พรรคหลัก" อีกพรรคหนึ่ง และใช้สำหรับเกลี่ยผู้สมัครที่ล้นจากพรรคเพื่อไทย ในระบบเขต และยังใช้เป็นที่พักใจของพวกที่ไม่อยากฝืนใจร่วมงานกับ "เจ๊หน่อย" คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ก็สามารถโยกมาที่นี่ได้ และที่สำคัญ พรรคนี้กลายเป็นพรรค"ไฮโซ" พรรคคุณหนูของครอบครัวชินวัตร และระดับขาใหญ่ในพรรคไปแล้ว
อย่างไรก็ดี การวางตัวผู้สมัครของพรรคไทยรักษาชาติ มันก็ย่อมมีพื้นที่จำกัด ก็ต้องเบียดกันอยู่ดี เพราะต่างคนก็ต้องการแย่งลง ส.ส.เขต หรือบัญชีรายชื่อ ลำดับต้นๆ ขณะเดียวกันจะมีการหลีกทางกันในแต่ละเขตพื้นที่กับพรรคเพื่อไทยอีกด้วย เพื่อไม่ให้ตัดคะแนนกันเอง
หรือหากพรรคไทยรักษาชาติ จะหวังคะแนนจากบัญชีรายชื่อ ก็ต้องส่งผู้สมัคร ส.ส.เขต แบบหลอกๆ เพื่อไม่หวังชนะต้องการคะแนนอันดับสอง ให้มากที่สุดในเขตนั้น คำถามก็คือ จะมีใครอาสาลงสมัคร ส.ส.เขตของพรรคแบบหลอกๆ หรือไม่ ซึ่งแนวทางแบบเดียวกันนี้ ยังต้องจับตาในอีกหลายพรรคทั้งพรรคเพื่อธรรม ของ "เจ๊แดง"เยาวภา-สมชาย วงศ์สวัสดิ์ รวมไปถึงพรรคเพื่อชาติและอีกบางพรรคที่เหลือที่เป็นแนวร่วมหรือพันธมิตร
**ดังนั้น อย่าได้แปลกใจที่เริ่มมีข่าวความเคลื่อนไหวของ ทักษิณ ชินวัตร ที่เคลื่อนไหวมา "เกาะรั้ว" อยู่แถวข้างบ้าน เพื่อช่วยเคลียร์ปัญหา หรือชี้ขาดการเกลี่ยตัวผู้สมัครในแต่ละพรรค เพื่อลดปัญหาขัดแย้งและพื้นที่ทับซ้อน ซึ่งมันก็น่าลุ้น เพราะถึงเวลาด้วยนิสัยของนักเลือกตั้ง มันก็ต้องเอาตัวรอด บางทีอีกไม่นานก็อาจเห็นการ "สาวไส้" กันเองกันอีกชุดใหญ่ ตามมาก็ได้ !!
กำลังโหลดความคิดเห็น