xs
xsm
sm
md
lg

"มาร์ค"อัดรัฐบาลเลิกหลงตัวเลขจีดีพี แก้ปัญหายาง-ปาล์มให้ถูกจุด

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์

วานนี้ (12พ.ย.) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ นำทีม อดีต ส.ส.ภาคใต้ แถลงเรียกร้องให้รัฐบาลแก้ปัญหาราคายางพารา และปาล์ม ตกต่ำ โดยในส่วนของยางพารา มีข้อเสนอเร่งด่วน 3 ข้อคือ
1. การใช้ยางพาราในประเทศ ที่รัฐบาลรับหลักการมาโดยตลอด แต่ไม่สามารถผลักดันให้เกิดจริงในทางปฏิบัติ ถึงเวลาที่รัฐบาลต้องเปิดเผยว่า จากที่เคยบอกว่าจะใช้แสนตัน ได้ใช้ไปแล้วกี่ตัน เพราะเท่าที่ตรวจสอบ เป็นสัดส่วนน้อยมาก จึงต้องดูว่าเหตุใดหน่วยงานราชการจึงไม่ใช้จริง ติดขัดที่ระเบียบการจัดซื้อจัดจ้าง ขั้นตอนการประมูลหรืออะไร ต้องแก้ปัญหาทันที
2. การปลูกพืชอื่นเสริม ในสวนยาง รัฐบาลโดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ต้องประสานงานในเรื่องตลาด ไม่ให้พืชที่ปลูกเสริมล้นตลาด แล้วมีปัญหาเรื่องราคาอีก จึงต้องมีแผนการตลาดรองรับให้มั่นใจว่า ปลูกแล้วมีกำไร
3. การใช้ยางพาราโดยภาคเอกชน ยังมีศักยภาพนำยางพาราไปแปรรูปในชุมชน เช่น ผลิตหมอนยางพารา รองเท้า เพราะมีตลาดในและต่างประเทศรองรับ แต่ปัญหาอยู่ที่การจัดตั้งโรงงานระดับชุมชน มีปัญหาเรื่องผังเมือง ถ้าเร่งรัดอนุญาตก็จะทำให้ยางพาราแปรรูปได้ต่อไป
ทั้ง 3 เรื่องเร่งด่วนนี้ ถ้ารัฐบาลมีความจริงใจในการแก้ปัญหา ก็จะช่วยบรรเทาความเดือดร้อนได้ ถ้าเห็นว่าข้อเสนอดังกล่าว ยังไม่พอก็ควรนำหลักคิดเรื่องประกันรายได้เกษตรกร มาปรับใช้กับชาวสวนยางพาราด้วย
นอกจากนี้ ประเทศไทยยังเป็นผู้ผลิตและผู้ส่งออกรายใหญ่ จึงอยู่ในวิสัยเจรจาหาความร่วมมือกับผู้ค้าด้วยกันได้ แต่รัฐบาลต้องมีแผนที่ชัดเจนในการร่วมมือกับประเทศผู้ผลิตเพื่อต่อรองกับผู้ใช้ รวมถึงหาตลาดส่งออกใหม่ๆ เพื่อรองรับยางพารา และการแปรรูปที่ใหญ่กว่าระดับชุมชน รวมถึงการผลักดันนิคมอุตสาหกรรมยางพารา ต้องมีกรอบให้ชัดเจนว่าจะผลักดันให้เกิดขึ้นเมื่อไร
ส่วนปัญหาราคาปาล์มตกต่ำนั้น ปัญหาหลักคือ สต๊อกที่ล้นอยู่ ถ้าสามารถขจัดได้ 3 แสนตัน ก็มั่นใจว่ราคาปาล์ม จะขยับทันที จึงเสนอให้นำปาล์ม ไปใช้ผลิตไฟฟ้าที่โรงไฟฟ้ากระบี่ ใช้เวลาครึ่งปี เพื่อขจัดสต๊อกที่ล้น ทำให้ราคาขยับทันที ใช้งบประมาณ ประมาณ 3 พันล้านบาท ที่ผ่านมารัฐบาลเหมือนขยับในเรื่องนี้ แต่กลับไปใช้โรงไฟฟ้าบางปะกง และราชบุรี ทำให้สูญเสียค่าขนส่งโดยเปล่าประโยชน์ 1 บาท ต่อ 1 กก. และศักยภาพก็ไม่เท่าโรงไฟฟ้ากระบี่
เรื่องเร่งด่วนเหล่านี้ เป็นปัญหาที่ตอกย้ำสภาพของเศรษฐกิจที่โตยาก เนื่องจากคนส่วนใหญ่ขาดรายได้ ตอกย้ำความเหลื่อมล้ำ ที่พรรคให้ความสำคัญเป็นพิเศษ นโยบายพรรคจะเปลี่ยนวิธีคิดบริหาร ที่หลงกับตัวเลข ภาพรวมจีดีพี แต่ใส่ใจรายได้จริงของประชาชน ไม่ว่าจะเป็นยางพารา ปาล์ม ซึ่งมีคำตอบที่รัฐบาลควรทำงานเชิงรุก ถึงลูกถึงคน เพื่อช่วยประชาชนทันที
นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ รองหัวหน้าพรรคภาคใต้ ระบุว่ารัฐบาลต้องดำเนินการตามข้อเรียกร้องทั้ง 3 ข้อ ทันที เพื่อพยุงราคายางพาราให้สูงขึ้น เพราะตามแผนที่รัฐบาลระบุว่า จะให้หน่วยงานราชการใช้ 1 แสนตันนั้น ทำได้จริงเพียงแค่ 1,129 ตัน เท่านั้น
น.ส.พิมพรพี พันธุ์วิชาติกุล คณะทำงานด้านปาล์มน้ำมัน กล่าวว่า ขณะนี้ปาล์มมีสต๊อกเกิน 3 แสนตัน ทำให้ราคาน้ำมันถูกกดไว้ ทางแก้ปัญหาดีที่สุดคือ ต้องกำจัดออกจากระบบ เพื่อให้ราคาปาล์มเข้าสู่ดุลยภาพ หากรัฐบาลกำจัดปาล์มที่ล้นสต๊อกออกจากระบบจำนวน 3 แสนตัน ภายใน 6 เดือน ด้วยการนำไปใช้ในโรงไฟฟ้ากระบี่ ซึ่งจะทำให้ราคาปาล์มขยับจาก 2.80 บาทไปเป็น 4 บาท อีกทั้งประชาชนรอบโรงไฟฟ้า ก็จะได้ประโยชน์จากกองทุนด้วย
นอกจากนี้ ยังขอเรียกร้องไปยังรมว.พาณิชย์ ให้ดูแลราคาน้ำมันปาล์มขวด ที่ไม่เป็นธรรม เนื่องจากต้นทุนราคาน้ำมันปาล์มดิบอยู่ที่ 16-17 บาท แต่กลับขายราคาขวดละ 42 บาท เท่ากับในช่วงรัฐบาลอภิสิทธิ์ ที่ราคาน้ำมันปาล์มสูงถึง 30 บาท ซึ่งไม่เป็นธรรมกับผู้บริโภค จึงอยากให้กระทรวงพาณิชย์เข้าไปดูแล เพราะเมื่อราคาถูกลง การบริโภคก็จะมากขึ้น เป็นการช่วยเหลือทั้งเกษตรกรและประชาชนพร้อมๆ กันไป
ทั้งนี้พรรคประชาธิปัตย์ ได้ส่ง อดีต ส.ส.ภาคใต้ อาทิ นายสุกิจ อัถโถปกรณ์ นายสมบูรณ์ อุทัยเวียนกุล อดีต ส.ส.ตรัง นายนริศ ขำนุรักษ์ อดีต ส.ส.พัทลุง และนายเจือ ราชสีห์ อดีต ส.ส.สงขลา เข้ายื่นหนังสือถึงนายกรัฐมนตรี เพื่อเสนอมาตรการแก้ปัญหาราคายางพารา และปาล์ม ตกต่ำ ที่ศูนย์บริการประชาชน สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ด้วย
กำลังโหลดความคิดเห็น