xs
xsm
sm
md
lg

เลือกตั้งกลางเทอมสหรัฐฯ- ทรัมป์ใช้วิธีเดิมที่เคยชนะ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: อ.สุดาทิพย์ จารุจินดา อินทร


ยังเป็นการขับเคี่ยวที่สูสีมากระหว่าง 2 พรรคในโค้งสุดท้ายของการเลือกตั้งกลางสมัยที่สหรัฐฯ

ในหลายๆ โพลสะท้อนระดับชาติว่าพรรคเดโมแครตน่าจะได้เสียงข้างมากในสภาล่าง แต่พรรครีพับลิกันยังรักษาเสียงข้างมากในวุฒิสภาไว้ได้ แต่ก็ชนะแค่ 1-2 เสียงเท่านั้น

สำหรับสภาผู้แทนราษฎร ฝ่ายเดโมแครตอาจไม่สามารถชนะรีพับลิกันถึง 23 ที่นั่ง เพราะใน 23 ที่นั่งเดิมของรีพับลิกัน ได้มีการประกบหาเสียงโดยปธน.ทรัมป์ ได้เดินสายช่วยหาเสียงในรัฐเหล่านั้น ซึ่งทรัมป์เคยชนะฮิลลารีชนิดเส้นยาแดงผ่าสี่ก็หลายแห่ง

อดีตปธน.บิล คลินตัน เป็นเจ้าของประโยคเด็ดที่ว่า “เศรษฐกิจเท่านั้นคือตัวตัดสินการเลือกตั้ง-It’s the ECONOMY, Stupid” เพราะในการเลือกตั้งปธน.ปี 1991 นั้น เศรษฐกิจกำลังแย่มากในสหรัฐฯ มีคนตกงานมากมาย และแม้ปธน.บุช (ผู้พ่อ) จะเพิ่งชนะสงครามอ่าวเปอร์เซีย โดยสหรัฐฯ สามารถนำกองกำลังร่วมกับสหประชาชาติเพื่อปราบอดีตปธน.ซัดดัม ฮุสเซน ที่ได้รุกเข้าไปในคูเวต แต่การเป็นวีรบุรุษที่ชนะสงครามกับซัดดัม-กลับทำให้บุชแพ้การเลือกตั้งต่อคลินตัน เพราะเศรษฐกิจที่ไม่ดีทำให้คนอเมริกันหันมาเลือกคลินตัน และนายกอร์ที่ได้เสนอวิธีฟื้นฟูเศรษฐกิจและสร้างงาน จนสามารถกลบความนิยมของบุชได้อย่างราบคาบ ทำให้บุช (ผู้พ่อ) กลายเป็นปธน.ได้เพียงสมัยเดียวเท่านั้น แม้ตนจะเพิ่งชนะสงคราม

ในปลายสมัยของอดีตปธน.โอบามา เขาได้ฟื้นเศรษฐกิจดีจนเริ่มดีขึ้น ขนาดโตถึง 5% และการจ้างงานก็สูงลิ่ว (เป็นเพราะฐานของเศรษฐกิจที่ถดถอยอย่างรุนแรงในปลายสมัยของบุช ทำให้ตัวเลขเติบโตฟื้นตัวเศรษฐกิจของโอบามาดูสูงชัน) และอาจทำให้ฝ่ายเดโมแครตชะล่าใจว่า ยังไงๆ ฮิลลารีก็ต้องชนะ เพราะเศรษฐกิจกำลังขยายตัว

แต่การขยายตัวทางเศรษฐกิจช่วงโอบามานั้น ได้กระจุกตัวอยู่ในอุตสาหกรรมใหม่ แต่ได้ละทิ้งคนผิวขาวจำนวนมากในช่วงตอนกลางประเทศที่อยู่กับพลังงานแบบเก่า เช่น เหมืองถ่านหิน รวมทั้งราคาเหล็กและโลหะหลายชนิดที่ตกต่ำ และขีดแข่งขันที่อุตสาหกรรมของสหรัฐฯ เช่น เหล็กสู้โรงงานใหม่ๆ ในต่างประเทศไม่ได้ ทำให้ชาวผิวขาวตกงานหรือรายได้ลดลงไปมาก รวมทั้งเมืองศูนย์กลางอุตสาหกรรมรถยนต์แบบดั้งเดิมที่ดีทรอยต์ก็ล้มละลายจนเป็นเมืองร้าง ทำให้คนผิวขาวเหล่านี้เปลี่ยนใจจากที่เคยเป็นเดโมแครตกลับมาลงคะแนนให้ทรัมป์ เพื่อลองของใหม่ที่ไม่ใช่นักการเมืองแบบเก่าๆ

ขณะเดียวกัน ทรัมป์ก็จี้จุดโดยยกเอาความกลัวมาเป็นประเด็นหาเสียง ป้ายความผิดของการตกงานและถูกทอดทิ้งของชาวผิวขาวเหล่านี้ไปอยู่ที่แรงงานอพยพ ถึงขนาดประกาศสร้างกำแพงกั้นไม่ให้ชาวละตินเดินทางเข้าสหรัฐฯ เพื่อขายแรงงานราคาถูก ขณะเดียวกัน ก็ป้ายความผิดให้จีนที่ค้าแบบไม่เป็นธรรมด้วยเล่ห์เพทุบายนานาชนิด ไม่ว่าจะเงินหยวนที่อ่อนเกินจริง, การขโมยลิขสิทธิ์ทางปัญญา

ทรัมป์ชนะฮิลลารีจากรัฐแถบตอนกลางประเทศ และเขากำลังนำเอาวิธีการที่เขาชนะเมื่อปี 2016 มาใช้กับการเลือกตั้งกลางเทอมครั้งนี้อีกครั้ง เพราะได้พิสูจน์แล้วว่าได้ผลอย่างมหัศจรรย์เมื่อครั้งที่แล้ว

ทรัมป์ตระเวนไปตามรัฐต่างๆ ที่เคยให้คะแนนเขาชนะ และได้สร้างความกลัวและความเกลียดชังไว้กับสาวกของเขา โดยยกเอาการเดินยาตราหางานทำของคนยากจนจำนวนเหยียบหมื่น ที่เดินเข้ามาจาก 3 ประเทศในอเมริกากลางคือ ฮอนดูรัส, กัวเตมาลา และเอลซัลวาดอร์ เพื่อไปของานทำที่สหรัฐฯ (ซึ่งปกติจะมีการคัดเลือกผู้เดินเท้าเข้าขอทำงานระดับล่าง ตามท้องไร่เกษตรกรรมและอุตสาหกรรมก่อสร้าง เป็นต้น) ซึ่งทรัมป์ได้คิดวาทกรรมเรียกขบวนยาตรานี้ว่า “ผู้รุกรานเพื่อเข้ามายึดครองสหรัฐฯ หรือ Invaders” ซึ่งเป็นคำที่ใช้สำหรับศัตรูที่มีอาวุธครบมือ บุกอย่างป่าเถื่อนเข้ามาเพื่อยึดครองดินแดนสหรัฐฯ

ทรัมป์ลงทุนถึงขนาดยกเมฆกุขึ้นมาว่า ในขบวนยาตราของคนยากไร้เหล่านี้ มีพวก “ตะวันออกกลาง” ปะปนอยู่ด้วย ความหมายคือ เป็นพวกก่อการร้ายแบบไอซิสหรืออัลกออิดะห์โน่น

เหล่านักข่าวก็ไปถ่ายทำให้ละเอียดดูถึงเหล่าขบวนยาตราของคนจน (ที่มีกลุ่มศาสนจักรโบสถ์คาทอลิกต่างๆ ให้การดูแลด้านอาหาร, และที่พักอาศัย) ว่า มีแต่พ่อ, แม่ จูงลูกเด็กเล็กแดงจะมาหางานทำ และสร้างชีวิตใหม่ในประเทศที่ขึ้นชื่อว่าเป็นประเทศแห่งผู้อพยพ เปิดประตูสำหรับผู้ที่จะทำงานขยันขันแข็งสร้างเนื้อสร้างตัวผลักดันให้เศรษฐกิจเติบโต จนอเมริกาแตกต่างกับประเทศอื่นๆ ก็ด้วยลักษณะพิเศษที่มีครอบครัวผู้อพยพใหม่ๆ เข้าไปช่วยสร้างชาติจนแข็งแกร่งขณะนี้

ทรัมป์ไม่ออกมายอมรับว่า ตัวเองได้โกหกใส่ร้ายเรื่องผู้ก่อการร้ายแฝงอยู่ในเหล่าบรรดาผู้เดินเท้า แต่กลับแชเชือนไปพูดขู่อีกว่า จะออกคำสั่งปธน.เพื่อยกเลิกมาตรา 14 แห่งรัฐธรรมนูญที่จะให้สิทธิการเป็นพลเมืองโดยอัตโนมัติแก่ผู้ใดที่เกิดในแผ่นดินสหรัฐฯ (กฎหมายนี้ออกมาเมื่อ ค.ศ. 1868 เป็นเวลา 150 ปีที่ใช้มาตลอดเพื่อให้สิทธิแก่ทาสให้เป็นเสรีชน หลังสงครามกลางเมือง และเด็กที่คลอดในสหรัฐฯ ไม่ว่าพ่อ แม่จะเป็นใครก็ตาม เด็กจะได้สัญชาติอเมริกันทันที-กฎหมายลักษณะเช่นนี้มีใช้ในอีก 33 ประเทศทั่วโลก)

เป้าหมายของทรัมป์คือ สร้างความเกลียดชังและความกลัวแก่พวกฐานเสียงของเขา ที่เขาเคยใช้เรื่องผู้อพยพ (เป็นชนกลุ่มน้อยต่างๆ ทั้งพวกละติน, คนผิวดำ, ผิวเหลือง) เป็นตัวปัญหาต่อเหล่าคนขาวที่เป็นฐานเสียงของเขา

ทรัมป์ไม่เน้นแม้แต่เรื่องเศรษฐกิจที่กำลังขยายตัวด้วยดี (จากแรงส่งมาตรการของโอบามา)

เพราะเขาจะกระตุ้นให้ฐานเสียงผิวขาวของเขาต้องรู้สึกโกรธและกลัว จนไม่อาจนอนหลับทับสิทธิ์อยู่กับบ้าน (ซึ่งมักเกิดขึ้นในการเลือกตั้งกลางสมัย) แต่จะกระวีกระวาดออกกาบัตรเลือกตั้งให้กับผู้สมัครรีพับลิกัน ดังที่อดีตปธน.นิกสันได้กล่าวเอาไว้ว่า “ผู้ลงคะแนนจะอยากเดินออกไปลงคะแนนก็ด้วยความกลัวอีกฝ่ายจะชนะ ; มากกว่าไปลงคะแนนให้กับพรรคหรือผู้สมัครที่ตัวเองชอบ” เพื่อทรัมป์จะได้ไม่ถูกถอดถอนจากสภาล่างและวุฒิสภา จากเรื่องความไม่ชอบมาพากล ที่เขาได้สร้างเอาไว้ ทั้งเรื่องการแทรกแซงการเลือกตั้ง 2016 จากรัสเซีย ; ผลประโยชน์ทับซ้อนของตัวเขา และครอบครัวในขณะการดำรงตำแหน่งปธน. เป็นต้น

เดิมพันการเป็นปธน.ของทรัมป์ถูกท้าทายอย่างไม่เคยปรากฏมาก่อนในประวัติศาสตร์สหรัฐฯ และเขาจะต้องไม่แพ้ในทั้งสองสภาเท่านั้น
กำลังโหลดความคิดเห็น