xs
xsm
sm
md
lg

การเมืองต้องมีเกมการเมือง…

เผยแพร่:   โดย: โสภณ องค์การณ์


การเมืองไทยไม่อยู่ในทฤษฎีรัฐศาสตร์เล่มใดทั้งนั้น ขึ้นอยู่กับสภาพการณ์ เงื่อนไข โดยมีเดิมพันคือผลประโยชน์ซึ่งขึ้นอยู่กับผู้มีอำนาจกำหนด และเป็นกลุ่มหวงแหนอำนาจ อยากอยู่ต่อ ดังนั้นการตั้งกฎกติกาต่างๆ ต้องเอื้อ อวยให้พวกตัวเองเต็มที่

เห็นความเคลื่อนไหวของกลุ่มการเมืองต่างๆ แตกตัวเป็นพรรคย่อย พรรคสาแหรก เตรียมไว้เผื่อว่าพรรคหลักโดนยุบ โดยเฉพาะในกลุ่มของพรรคเหลี่ยม ก็ได้แต่ปลง เพราะถ้ามีปัญหาอย่างนั้น แล้วจะยังดิ้นรนอยู่ต่อไป บ้านเมืองจะได้อะไร

เช่นเดียวกับฝ่ายกุมอำนาจซึ่งถูกมองว่าพยายามหาช่องที่จะกำจัดตัดตอนคู่แข่งหลักคือพรรคเหลี่ยม ก็ยังยื้อเรื่องปลดล็อก อ้างนั่นนี่โน่น ปากก็ย้ำว่ามีเลือกตั้งแน่นอน ช่วงเดือนกุมภาพันธ์ ชาวบ้านสงสัยว่าที่ย้ำบ่อยๆ เพราะคนไม่เชื่อมากกว่า

พรรคเพื่อเหลี่ยมแตกตัวเป็นพรรคย่อย มีชื่อสะท้อนให้เห็นความรักชาติ รักประชาชน จะสร้างคุณประโยชน์สุขให้ประชาชน ซึ่งก็ไม่ต่างจากพรรคอื่นๆ ซึ่งประโคมคุณภาพของตัวเอง ว่าจะทำนั่นนี่โน่นเพื่อบ้านเมือง ทำให้เหนือกว่าคนอื่น

อันที่จริง พรรคการเมืองไม่จำเป็นต้องอ้างสรรพคุณ คงไม่มีพรรคใดประกาศว่าจะสร้างความชั่วร้ายเลวทราม มุ่งโกงบ้านกินเมือง เมื่อตั้งพรรคชาวบ้านย่อมคาดหวังว่าแต่ละพรรคจะต้องทำดี มากน้อยแล้วแต่ความจริงใจ เจตนาสุจริตเพื่อชาติ

แม้ดูหน้าตาพวกที่รวมตัวกันเป็นพรรคการเมือง ชาวบ้านรู้ดีว่าเป็นมหาวายร้ายนักย้ายพรรค พร้อมขายตัวเองให้นายทุนพรรคที่ให้ราคาสูงสุด ถ้ามีราคาพอ ชาวบ้านได้เห็นนักเลือกตั้ง นักแสวงโชค ย้ายพรรคหน้าตาเฉย ไม่บอกว่าทำไมย้าย

ไม่กล้าพอที่จะบอกว่าที่ย้ายไปพรรคใหม่ เขาให้ค่าตัว หรือพรรคเก่าไม่เอาแล้ว สภาพตลาดการเมืองไม่ต่างจากตลาดประมูลวัวควายยุคนายฮ้อยควายโน่น

การเมืองไทยดูเหมือนจะเข้าออกง่าย ก่อนหน้านั้นคนอาจทำอาชีพอื่น เมื่อมีจังหวะเพราะคนอื่นชักชวน หรือดูแล้วชีวิตไม่มีอะไรต้องกังวล ก็มาเสี่ยงโชค นักการเมืองหน้าใหม่เป็นข้าราชการเกษียณ เป็นนายพล นักรัฐประหาร ฯลฯ

มีความหลากหลายทางชีวภาพ ที่มาที่ไปเป็นอย่างไรก็ช่าง ขอให้มีเงินทุนหนาเมื่อพรรคการเมืองประกาศนโยบายเรื่องการทำดี แสดงว่าถ้าไม่ประกาศ ชาวบ้านย่อมสงสัยได้ว่าอาจไม่ทำดี ดังนั้น จะทำหรือไม่ทำ ก็ต้องประกาศไว้ก่อนดีกว่า ตามมาด้วยการหาเสียง บรรยายสรรพคุณ ว่าจะทำให้เป็นจริงได้อย่างไร

ยิ่งการเมืองต้องเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงรูปแบบของกฎ กติกา จำนวนพรรคการเมืองกลับมีมากขึ้น ล่าสุดน่าจะเกินกว่า 100 พรรค ทั้งแตกตัวและตั้งใหม่ นโยบายดูแล้วก็ซ้ำๆ กัน ชวนให้คิดว่าทำไมไม่รวมกันเป็นพรรคใหญ่เพียงไม่กี่พรรค

หลายพรรคได้ไปยื่นขอจดทะเบียน ยังรอการอนุมัติจาก กกต.น่าสนใจคือ เอาเงินทุนมาจากไหนเพื่อทำกิจกรรม หาเสียง และเป็นปัจจัยดูดผู้สมัครที่มีศักยภาพ เป็นเกรดรองลงมา ถ้าพวกมีราคาโดนกวาดต้อนไปเข้าสังกัดพรรคใหญ่ เงินหนาแล้ว

ทำไมต้องแข่งกันตั้งพรรค มีมากมาย ชาวบ้านจำชื่อไม่ได้ ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าใครสังกัดพรรคใด มีคุณสมบัติเหนือกว่าพรรคอื่นๆ อย่างไร ถ้าไม่ได้มีตัวแทนถูกรับเลือกเข้ามา พรรคจะยังคงอยู่ต่อไป ไม่ยุบทิ้งเป็นพรรคเฉพาะกิจ หวังฟลุ๊กเท่านั้น

รูปแบบพรรคเยอะยั้วเยี้ยไปหมดสะท้อนให้เห็นว่าส่วนใหญ่เป็นพรรคเฉพาะกิจ ไม่มีสาระสำคัญอันใด หวังเพียงแต่ว่าถ้าลูกพรรคได้รับเลือกเพียง 2-3 คนก็สวยแล้ว มีอำนาจต่อรองขอเก้าอี้รัฐมนตรีช่วย หรือตำแหน่งอื่นๆ ซึ่งสร้างรายได้ถอนทุน

ช่วงนี้เป็นกิจกรรมของพรรคใหญ่ ทั้งค่ายสะตอที่ยังวุ่นอยู่กับการเลือกหัวหน้าพรรค มีปัญหาด้านเทคโนโลยีตามแบบของพรรคที่ต้องการสร้างความแตกต่างมีพิธีกรรมเยอะ เมื่อเกิดความขลุกขลักก็ต้องหาเป้าหมายเพื่อให้รับความผิดพลาด

ใครจะเป็นหัวหน้าพรรคก็ตาม ค่ายสะตอก็ได้โอกาสเดินสายหาเสียงแบบเนียนๆ เหตุขัดข้องเป็นเรื่องเหนือความคาดหมาย การวางแผนไม่รอบคอบ ต้องสะสางกันเอง ผลสุดท้ายจะมองหน้ามองตากันได้หรือไม่ ขึ้นอยู่กับการรู้แพ้รู้ชนะ

ที่อยู่ในสภาพทุลักทุเลคือพรรคของกำนันนกหวีด เมื่อใช้ยุทธวิธีเดินคารวะแผ่นดินแสวงหาความนิยม เหมือนยุคทองที่ชาวบ้านเป็นล้านๆ คนร่วมใจร่วมแรง ร่วมบริจาคเงินหลายร้อยล้านบาท มายุคนี้ เวลาเปลี่ยน ความคิด มุมมองก็เปลี่ยน

เดินไปตามห้างกลางเมือง ถ้าคนไม่ยินดียินร้าย ยังพอทำเนา แต่ถึงขั้นมาบอกซึ่งหน้าว่า “ห้ามเข้า” บางจุดมีคนตะโกนใส่หน้า โดนซ้ำหลายจุด ทำให้ลุงกำนันนกหวีดน่าจะสะเทือนหัวอก เสียเซลฟ์ไปเยอะ เพียงแต่เก็บอาการไม่ให้คนอื่นใจเสีย

ช่วงขาขึ้น ลุงกำนันยิ่งกว่าเทพเจ้าซุสประกาศศักดาบนเขาโอลิมปัส ทุก 2 ทุ่มคนเป็นล้านรอฟังคำปราศรัย สร้างขวัญกำลังใจให้คนฮึกเหิม ร่วมจิตร่วมพลังสู้เพื่อชาติ จากนั้นเมื่อมีประเด็นมุมมอง จุดยืนเปลี่ยน ย่อมเกิดผลกระทบต่อความศรัทธา

จากสภาพที่มีราคา จะเป็นฐานพลังของคุณท่านผู้อยากอยู่ต่อทอดยาวอำนาจ กลายเป็นเพียงชายผู้ยังมีความอยากทางการเมืองธรรมดา โอกาสที่จะพาคนร่วมพรรคไปสู่ความล้มเหลวเป็นไปได้มาก โดยเฉพาะหัวหน้าพรรคคือ “ท่านหม่อมเต่า”

คนที่เคยสบาย มีเกียรติภูมิ ตำแหน่งฐานันดร ไม่เคยก้มหัวให้ใคร กลับต้องมาเดินตากหน้าตะลอนๆ ยกมือไหว้ชาวบ้านขอความนิยมจากคนที่ไม่รู้จัก ต้องพูดจาภาษาดอกไม้ เพราะความเป็นนักการเมือง ต้องพร้อมทำอะไรก็ได้แม้ใจไม่อยากทำ

น่ากลัวเหลือเกินว่าลุงกำนันกำลังเดินตระเวนปิดฉากสุดท้ายของชีวิตการเมือง
กำลังโหลดความคิดเห็น