"สุวิทย์" เปิดเกมรุก เผยพรรคพลังประชารัฐ เตรียมเปิดหลักสูตรปัญญาประชารัฐ พร้อมทีมงานวันนี้ จากนั้น 8 พ.ย.เปิดโฉมทีมพีอาร์-โซเชียล "กอบศักดิ์" คุมทีม ด้าน"เพื่อไทย" เมินคสช.เชิญหารือ ลั่นไม่สังฆกรรมด้วย จี้เลิกโยกโย้ เร่งปลดล็อกการเมือง "อนุทิน" โวภูมิใจไทย กวาด 14 ที่นั่ง ส.ส.โคราช คัดผู้สมัครเกรด เอ สู้ศึกเลือกตั้ง "เสรีศุทธ์" ชี้ตั้งพรรครัฐบาล จงใจใช้งบประมาณรัฐ ซื้อเสียง
นายสุวิทย์ เมษินทรีย์ รมว.วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ว่าที่รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) เปิดเผยว่า ภายหลังมีการเปิดตัวสถาบันปัญญาประชารัฐไปแล้ว ในวันนี้ ( 5 พ.ย.) เวลา 16.30 น. ที่ห้องศุภมิตร โรงแรมรอยัล ปริ้นเซส จะมีการเปิดทีมงานคนรุ่นใหม่ของสถาบันปัญญาประชารัฐพร้อมหลักสูตร ก่อนที่ปลายปีนี้ จะเปิดหลักสูตรปัญญาประชารัฐอย่างเป็นทางการอีกครั้งหนึ่ง เพราะใกล้วันที่ กกต. จะรับรองการจัดตั้งพรรคแล้ว
ทั้งนี้ ทีมงานจะมาดูทั้งหลักสูตร อบรมผู้นำ และนโยบายพรรค พร้อมทั้งจะเปิดตัวทีมงานมาขับเคลื่อน 10-20 คนก่อน ซึ่งมาจากหลากหลายสาขา ความจริงมีเป็นจำนวนมากที่มาเป็นทีมงาน และแบ่งเป็นหลายชุดในทีมงาน เพราะเราจะเริ่มจัดทัพแล้ว
นอกจากนี้ วันที่ 8 พ.ย. พรรคพลังประชารัฐ จะมีการเปิดตัวทีมงานประชาสัมพันธ์ และโซเชียลมีเดีย โดยมีนายกอบศักดิ์ ภูตระกูล รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าที่โฆษกพรรคพลังประชารัฐ เป็นแม่งาน และหลังกกต.รับรองพรรค จะมีการเปิดตัวทีมงานชุดต่างๆ ต่อไป ร่วมถึงเปิดสาขาพรรคในภาคต่างๆ ด้วย
พท.ไม่สนคสช.เชิญร่วมหารือ
วานนี้ (4 พ.ย.) ที่โรงแรมเดอะคัลเลอร์ ลิฟวิ่ง จ.สมุทรปราการ พรรคเพื่อไทย (พท.) จัดประชุมสมาชิกพรรค เพื่อตั้งสาขาพรรค ลำดับที่ 3 ภาคกลาง โดยมี พล.ต.ท.วิโรจน์ เปาอินทร์ หัวหน้าพรรค , นายภูมิธรรม เวชยชัย เลขาธิการพรรค และอดีต ส.ส.สมุทรปราการ เข้าร่วม
นายภูมิธรรม กล่าวว่า การประชุมจัดตั้งสาขาที่ 3 ที่ จ.สมุทรปราการ เพราะเป็นฐานสนับสนุนที่แข็งแรง โดยสาขาที่ 1 และ 2 เปิดที่ จ.เชียงใหม่ และจ.อุดรธานี ไปแล้ว ซึ่งเป้าหมายต้องทำให้ครบ ตามที่กม.กำหนด คือเปิดให้ครบ 4 สาขา ในทุกภาค จากนี้จะเปิดในพื้นที่ภาคใต้ อยู่ระหว่างเลือกพื้นที่ จ.นครศรีธรรมราช , จ.ภูเก็ต และ จ.สงขลา และจะเปิดตัวแทนพรรคประจำจังหวัด ให้ครบ 77 จังหวัด แต่ยังทำไม่ได้ในขณะนี้ เพราะ กกต. ยังไม่ประกาศเขตเลือกตั้งที่ชัดเจน
"ปัญหาตอนนี้คือ ถ้ากกต.ยังไม่ชัดเจนหลายๆ พรรคก็คงไม่ทัน และอาจจะส่งผลกระทบต่อวันเลือกตั้ง จริงๆ แล้วไม่ควรมีอะไรช้า และสามารถทำงานได้ตามกำหนด หาก กกต.ปลดล็อกให้พรรคการเมืองทำงานได้ตามปกติ ซึ่งจริงๆ แล้ววันนี้เราก็ควรลงไปทำได้ แต่ก็ยังทำอะไรไม่ได้ เพราะ กกต. ยังไม่ประกาศเขตเลือกตั้ง และหากประกาศเขตแล้ว ก็ต้องดูว่าปลดล็อกอะไรบ้าง เพราะฉะนั้น ความล่าช้าอยู่ที่ตัวผู้มีอำนาจเกี่ยวข้องมากกว่า" นายภูมิธรรม กล่าว และอยากบอกว่า อย่าใช้กฎระเบียบ หรือใช้ความไม่ชัดเจนต่างๆ ทำให้พรรคการเมืองทำงานไม่ได้เลย เพราะมันจะทำให้เกิดปัญหาต่างๆ และกระทบไปถึงการเลือกตั้ง ถ้าวันนี้ท่านตั้งใจมองเห็นว่าการเลือกตั้งจะเป็นผลดีต่อประเทศ และจะสร้างความเชื่อมั่นให้กับต่างประเทศ ก็ต้องรีบทำให้เข้าสู่ระบบปกติให้เร็วที่สุด
ผู้สื่อข่าวถามว่า รัฐบาลเตรียมหารือกับพรรคการเมืองอีกครั้งก่อนปลดล็อก นายภูมิธรรม กล่าวว่า ไม่จำเป็นต้องหารือ ทุกอย่างเหลือแค่การปลดล็อกอย่างเดียว คสช.ควรยกเลิกคำสั่ง และปลดล็อกให้พรรคทำงานได้อย่างที่ควรจะเป็นในระบอบประชาธิปไตย
"ใครทำที่ผิดกฎหมาย ก็มีกฎหมายอยู่แล้ว อย่าใช้เรื่องนี้เป็นข้ออ้าง ยิ่งใช้เป็นข้ออ้างและพรรคทำงานได้น้อย จะสะท้อนว่ารัฐบาลกำลังสร้างความได้เปรียบในการต่อสู้กับพรรคต่างๆ สำหรับพรรคมีจุดยืนว่า กกต.ควรทำหน้าที่ ถ้ากกต.เชิญมา เราจะไปหารือ แต่ถ้าคสช.เชิญ เราไม่ไป เพราะแสดงว่า คสช. กำลังครอบงำและมีบทบาทในทุกเรื่อง" นายภูมิธรรม กล่าว
"เสี่ยหนู"ลั่นกวาด14ที่นั่งส.ส.โคราช
นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย กล่าวถึง ความพร้อมของผู้สมัคร ส.ส. ในพื้นที่ จ.นครราชสีมา ว่า ตนมีบ้านอยู่ที่ อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา จึงต้องมีความรับผิดชอบในพื้นที่ดังกล่าว และถือว่าเป็นพื้นที่ใหญ่ที่มีจำนวนส.ส.14 เสียง ใหญ่กว่าพรรคการเมืองบางพรรค ซึ่งขณะนี้ได้จัดเตรียมผู้สมัคร เกรดเอไว้หมดแล้วทั้ง 14 เขต มีคุณสมบัติคือ ทุกคนเกิดที่นั่นและมีความผูกพันกับพี่น้องประชาชนมาอย่างยาวนานต่อเนื่อง ผ่านการเป็นอดีต ส.ส. อดีตนายกฯอบจ. อดีต สจ. อดีตนายกฯเทศบาล และนักธุรกิจ เป็นต้น เชื่อว่าหากได้มีการนำนโยบายพรรคไปทำความเข้าใจ ก็จะรับการยอมรับจากพี่น้องประชาชนได้อย่างแน่นอน
นายอนุทิน ยังระบุตั้งเป้าจะได้ส.ส. ใน จ.นครราชสีมา ทั้ง 14 ที่นั่ง ในส่วนการลงพื้นที่ของพรรคการเมืองอื่นๆ โดยเฉพาะคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทย เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมานั้น คุณหญิงสุดารัตน์ เป็นนายของตนคนแรกทางการเมือง แต่เวลาแข่งขัน คงไม่มีใครยอมกัน ซึ่งก็ไม่หนักใจ เพราะเรามีการเตรียมความพร้อมทุกด้าน รอเพียงการประกาศเลือกตั้งอย่างเป็นทางการ
"รธน.ที่ออกแบบให้ทุกคะแนนเสียงมีความหมาย ถือเป็นผลดี จะทำให้ทุกฝ่ายสู้อย่างเต็มที่ เพราะจะนำมาคำนวณเป็น ส.ส.บัญชีรายชื่อ หรือ 7 หมื่นเสียงจะได้ส.ส. 1 เสียง เชื่อว่าแต่ละพื้นที่ จะต้องส่งคนมาประกบและไม่มีใครยอมแพ้กัน" หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย กล่าว
ชี้ตั้งพรรครบ.จงใจใช้งบรัฐซื้อเสียง
พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย กล่าวถึง โครงการไทยนิยมยั่งยืนของรัฐบาล ว่า เป็นโครงการที่ต่อยอดมาจากโครงการประชารัฐของ คสช. ที่มีการนำชื่อโครงการดังกล่าวไปตั้งเป็นชื่อพรรคการเมือง และมีข่าวจะสนับสนุนให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคสช. เป็นนายกรัฐมนตรีอีกครั้ง ซึ่งการทำงานของคสช. เป็นการแฝงเอาการเมืองเป็นหลักมากกว่าการจะยึดผลประโยชน์ของประชาชน ที่สำคัญ จากเดิมที่โครงการดังกล่าวจะเสร็จสิ้นในเดือนก.ย. แต่เมื่อยังไม่ถึงวันเลือกตั้ง จึงมีการขยายโครงการออกไปถึงเดือนมี.ค.62 หรือหลังการเลือกตั้งที่จะถึงนี้
ทั้งนี้ ส่วนตัวมองว่า อาจเป็นการจงใจเจตนานำงบประมาณของรัฐ เพื่อซื้อเสียงล่วงหน้าให้พรรครัฐบาล หรือไม่ ที่ผ่านมารัฐบาลเอาเปรียบพรรคการเมืองอื่นมาตลอด รัฐบาลไม่ควรนำเงินงบประมาณที่มาจากภาษีของประชาชน ไปกระจายยังหมู่บ้านต่างๆ ถึง 8 หมื่นกว่าหมู่บ้าน เพราะการกระจายงบประมาณแบบนี้ รัฐบาลจะมีปัญญาในการควบคุมไม่ให้มีการทุจริต ได้หรือไม่ อาจเกิดการทุจริต คอร์รัปชันเหมือนที่ไปกล่าวหารัฐบาลก่อนๆ ได้ สรุปแล้วโครงการไทยนิยมยั่งยืนประชาชนไม่ได้รับประโยชน์ เป็นการเอาเงินภาษีของประชาชนไปใช้หาเสียงให้ตนเองมากกว่า
นายสุวิทย์ เมษินทรีย์ รมว.วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ว่าที่รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) เปิดเผยว่า ภายหลังมีการเปิดตัวสถาบันปัญญาประชารัฐไปแล้ว ในวันนี้ ( 5 พ.ย.) เวลา 16.30 น. ที่ห้องศุภมิตร โรงแรมรอยัล ปริ้นเซส จะมีการเปิดทีมงานคนรุ่นใหม่ของสถาบันปัญญาประชารัฐพร้อมหลักสูตร ก่อนที่ปลายปีนี้ จะเปิดหลักสูตรปัญญาประชารัฐอย่างเป็นทางการอีกครั้งหนึ่ง เพราะใกล้วันที่ กกต. จะรับรองการจัดตั้งพรรคแล้ว
ทั้งนี้ ทีมงานจะมาดูทั้งหลักสูตร อบรมผู้นำ และนโยบายพรรค พร้อมทั้งจะเปิดตัวทีมงานมาขับเคลื่อน 10-20 คนก่อน ซึ่งมาจากหลากหลายสาขา ความจริงมีเป็นจำนวนมากที่มาเป็นทีมงาน และแบ่งเป็นหลายชุดในทีมงาน เพราะเราจะเริ่มจัดทัพแล้ว
นอกจากนี้ วันที่ 8 พ.ย. พรรคพลังประชารัฐ จะมีการเปิดตัวทีมงานประชาสัมพันธ์ และโซเชียลมีเดีย โดยมีนายกอบศักดิ์ ภูตระกูล รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าที่โฆษกพรรคพลังประชารัฐ เป็นแม่งาน และหลังกกต.รับรองพรรค จะมีการเปิดตัวทีมงานชุดต่างๆ ต่อไป ร่วมถึงเปิดสาขาพรรคในภาคต่างๆ ด้วย
พท.ไม่สนคสช.เชิญร่วมหารือ
วานนี้ (4 พ.ย.) ที่โรงแรมเดอะคัลเลอร์ ลิฟวิ่ง จ.สมุทรปราการ พรรคเพื่อไทย (พท.) จัดประชุมสมาชิกพรรค เพื่อตั้งสาขาพรรค ลำดับที่ 3 ภาคกลาง โดยมี พล.ต.ท.วิโรจน์ เปาอินทร์ หัวหน้าพรรค , นายภูมิธรรม เวชยชัย เลขาธิการพรรค และอดีต ส.ส.สมุทรปราการ เข้าร่วม
นายภูมิธรรม กล่าวว่า การประชุมจัดตั้งสาขาที่ 3 ที่ จ.สมุทรปราการ เพราะเป็นฐานสนับสนุนที่แข็งแรง โดยสาขาที่ 1 และ 2 เปิดที่ จ.เชียงใหม่ และจ.อุดรธานี ไปแล้ว ซึ่งเป้าหมายต้องทำให้ครบ ตามที่กม.กำหนด คือเปิดให้ครบ 4 สาขา ในทุกภาค จากนี้จะเปิดในพื้นที่ภาคใต้ อยู่ระหว่างเลือกพื้นที่ จ.นครศรีธรรมราช , จ.ภูเก็ต และ จ.สงขลา และจะเปิดตัวแทนพรรคประจำจังหวัด ให้ครบ 77 จังหวัด แต่ยังทำไม่ได้ในขณะนี้ เพราะ กกต. ยังไม่ประกาศเขตเลือกตั้งที่ชัดเจน
"ปัญหาตอนนี้คือ ถ้ากกต.ยังไม่ชัดเจนหลายๆ พรรคก็คงไม่ทัน และอาจจะส่งผลกระทบต่อวันเลือกตั้ง จริงๆ แล้วไม่ควรมีอะไรช้า และสามารถทำงานได้ตามกำหนด หาก กกต.ปลดล็อกให้พรรคการเมืองทำงานได้ตามปกติ ซึ่งจริงๆ แล้ววันนี้เราก็ควรลงไปทำได้ แต่ก็ยังทำอะไรไม่ได้ เพราะ กกต. ยังไม่ประกาศเขตเลือกตั้ง และหากประกาศเขตแล้ว ก็ต้องดูว่าปลดล็อกอะไรบ้าง เพราะฉะนั้น ความล่าช้าอยู่ที่ตัวผู้มีอำนาจเกี่ยวข้องมากกว่า" นายภูมิธรรม กล่าว และอยากบอกว่า อย่าใช้กฎระเบียบ หรือใช้ความไม่ชัดเจนต่างๆ ทำให้พรรคการเมืองทำงานไม่ได้เลย เพราะมันจะทำให้เกิดปัญหาต่างๆ และกระทบไปถึงการเลือกตั้ง ถ้าวันนี้ท่านตั้งใจมองเห็นว่าการเลือกตั้งจะเป็นผลดีต่อประเทศ และจะสร้างความเชื่อมั่นให้กับต่างประเทศ ก็ต้องรีบทำให้เข้าสู่ระบบปกติให้เร็วที่สุด
ผู้สื่อข่าวถามว่า รัฐบาลเตรียมหารือกับพรรคการเมืองอีกครั้งก่อนปลดล็อก นายภูมิธรรม กล่าวว่า ไม่จำเป็นต้องหารือ ทุกอย่างเหลือแค่การปลดล็อกอย่างเดียว คสช.ควรยกเลิกคำสั่ง และปลดล็อกให้พรรคทำงานได้อย่างที่ควรจะเป็นในระบอบประชาธิปไตย
"ใครทำที่ผิดกฎหมาย ก็มีกฎหมายอยู่แล้ว อย่าใช้เรื่องนี้เป็นข้ออ้าง ยิ่งใช้เป็นข้ออ้างและพรรคทำงานได้น้อย จะสะท้อนว่ารัฐบาลกำลังสร้างความได้เปรียบในการต่อสู้กับพรรคต่างๆ สำหรับพรรคมีจุดยืนว่า กกต.ควรทำหน้าที่ ถ้ากกต.เชิญมา เราจะไปหารือ แต่ถ้าคสช.เชิญ เราไม่ไป เพราะแสดงว่า คสช. กำลังครอบงำและมีบทบาทในทุกเรื่อง" นายภูมิธรรม กล่าว
"เสี่ยหนู"ลั่นกวาด14ที่นั่งส.ส.โคราช
นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย กล่าวถึง ความพร้อมของผู้สมัคร ส.ส. ในพื้นที่ จ.นครราชสีมา ว่า ตนมีบ้านอยู่ที่ อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา จึงต้องมีความรับผิดชอบในพื้นที่ดังกล่าว และถือว่าเป็นพื้นที่ใหญ่ที่มีจำนวนส.ส.14 เสียง ใหญ่กว่าพรรคการเมืองบางพรรค ซึ่งขณะนี้ได้จัดเตรียมผู้สมัคร เกรดเอไว้หมดแล้วทั้ง 14 เขต มีคุณสมบัติคือ ทุกคนเกิดที่นั่นและมีความผูกพันกับพี่น้องประชาชนมาอย่างยาวนานต่อเนื่อง ผ่านการเป็นอดีต ส.ส. อดีตนายกฯอบจ. อดีต สจ. อดีตนายกฯเทศบาล และนักธุรกิจ เป็นต้น เชื่อว่าหากได้มีการนำนโยบายพรรคไปทำความเข้าใจ ก็จะรับการยอมรับจากพี่น้องประชาชนได้อย่างแน่นอน
นายอนุทิน ยังระบุตั้งเป้าจะได้ส.ส. ใน จ.นครราชสีมา ทั้ง 14 ที่นั่ง ในส่วนการลงพื้นที่ของพรรคการเมืองอื่นๆ โดยเฉพาะคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทย เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมานั้น คุณหญิงสุดารัตน์ เป็นนายของตนคนแรกทางการเมือง แต่เวลาแข่งขัน คงไม่มีใครยอมกัน ซึ่งก็ไม่หนักใจ เพราะเรามีการเตรียมความพร้อมทุกด้าน รอเพียงการประกาศเลือกตั้งอย่างเป็นทางการ
"รธน.ที่ออกแบบให้ทุกคะแนนเสียงมีความหมาย ถือเป็นผลดี จะทำให้ทุกฝ่ายสู้อย่างเต็มที่ เพราะจะนำมาคำนวณเป็น ส.ส.บัญชีรายชื่อ หรือ 7 หมื่นเสียงจะได้ส.ส. 1 เสียง เชื่อว่าแต่ละพื้นที่ จะต้องส่งคนมาประกบและไม่มีใครยอมแพ้กัน" หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย กล่าว
ชี้ตั้งพรรครบ.จงใจใช้งบรัฐซื้อเสียง
พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย กล่าวถึง โครงการไทยนิยมยั่งยืนของรัฐบาล ว่า เป็นโครงการที่ต่อยอดมาจากโครงการประชารัฐของ คสช. ที่มีการนำชื่อโครงการดังกล่าวไปตั้งเป็นชื่อพรรคการเมือง และมีข่าวจะสนับสนุนให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคสช. เป็นนายกรัฐมนตรีอีกครั้ง ซึ่งการทำงานของคสช. เป็นการแฝงเอาการเมืองเป็นหลักมากกว่าการจะยึดผลประโยชน์ของประชาชน ที่สำคัญ จากเดิมที่โครงการดังกล่าวจะเสร็จสิ้นในเดือนก.ย. แต่เมื่อยังไม่ถึงวันเลือกตั้ง จึงมีการขยายโครงการออกไปถึงเดือนมี.ค.62 หรือหลังการเลือกตั้งที่จะถึงนี้
ทั้งนี้ ส่วนตัวมองว่า อาจเป็นการจงใจเจตนานำงบประมาณของรัฐ เพื่อซื้อเสียงล่วงหน้าให้พรรครัฐบาล หรือไม่ ที่ผ่านมารัฐบาลเอาเปรียบพรรคการเมืองอื่นมาตลอด รัฐบาลไม่ควรนำเงินงบประมาณที่มาจากภาษีของประชาชน ไปกระจายยังหมู่บ้านต่างๆ ถึง 8 หมื่นกว่าหมู่บ้าน เพราะการกระจายงบประมาณแบบนี้ รัฐบาลจะมีปัญญาในการควบคุมไม่ให้มีการทุจริต ได้หรือไม่ อาจเกิดการทุจริต คอร์รัปชันเหมือนที่ไปกล่าวหารัฐบาลก่อนๆ ได้ สรุปแล้วโครงการไทยนิยมยั่งยืนประชาชนไม่ได้รับประโยชน์ เป็นการเอาเงินภาษีของประชาชนไปใช้หาเสียงให้ตนเองมากกว่า