xs
xsm
sm
md
lg

ซาอุฯ ซื้ออาวุธ-เพื่อเป็นการติดสินบน

เผยแพร่:   โดย: อ.สุดาทิพย์ จารุจินดา อินทร

<b>เจ้าชายโมฮัมเหม็ด บิน ซัลมาน มกุฎราชกุมาร ซาอุฯ และประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ</b>
เห็นได้ชัด เมื่อปธน.ทรัมป์ออกมาอุ้มผู้กุมอำนาจบริหารของซาอุฯ หลังจากมีข่าวอย่างไม่เป็นทางการของซาอุฯ ว่า นายคาช็อกกีตายด้วยอุบัติเหตุ จากการต่อสู้แบบวิวาทชกต่อย (Fist Fight) ภายในสถานกงสุลของซาอุฯ ที่เมืองอิสตันบูล

เป็นเหตุผลที่มีไว้หลอกเด็กอมมือ และเป็นการหมุน 180 องศา จากคำอธิบายเดิม (ที่โกหก) ว่า นายคาช็อกกีได้ออกไปจากสถานกงสุล (ด้วยตัวเป็นๆ) แล้ว โดยทางการซาอุฯ ไม่รู้ไม่เห็น ว่า นายคาช็อกกีจะเป็นตายร้ายดีอย่างไร เพราะได้ออกไปทางประตูหลังของสถานกงสุลแล้ว

แทบไม่มีใครเชื่อต่อคำอธิบายของทางการซาอุฯ ที่ออกมาพร้อมคำสั่งของพระราชาธิบดีซัลมาน แห่งซาอุฯ ว่าจะมีการปฏิรูปใหญ่ในหน่วยงานข่าวกรองและความมั่นคง ด้วยการแต่งตั้งมกุฎราชกุมาร MbS (โมฮัมเหม็ด บิน ซัลมาน) เป็นประธานในการยกเครื่องหน่วยงานข่าวกรองนี้

พร้อมคำสั่งปลดรองผอ.ข่าวกรอง พลตรีอัสสิริ (Assiri) พร้อมอีก 3-4 คนออกจากราชการ และมีการจับตัวเจ้าหน้าที่อีก 18 คนที่มีส่วนรู้เห็น และปฏิบัติการที่ทำให้นายคาช็อกกีถึงแก่ความตาย

คำสั่งเหล่านี้ ได้กัน MbS ออกจากการเป็นผู้ออกคำสั่งสำหรับหั่นศพนายคาช็อกกี, โดยจะมีลูกน้องของ MbS กลายเป็นแพะที่ต้องแสดงให้ชาวโลกเห็นว่า ทางการซาอุฯ โดยพระราชาธิบดีและมกุฎราชกุมาร มิได้เพิกเฉยต่อการกระทำที่อุกอาจโหดเหี้ยมอำมหิตในแผ่นดินของประเทศอื่น (ตุรกี) แต่ต้องการลงโทษปฏิบัติการที่ทำผิดกฎหมาย

หลายคนตระหนักดีถึงพระพลานามัยของพระราชาธิบดีซัลมาน ที่ทรงป่วยกระเสาะกระแสะด้วยพระชนมายุสูงมาก และทรงมีอาการอัลไซเมอร์สูงด้วย ซึ่งน่าจะเป็นคำสั่งที่ MbS เขียนขึ้นเอง แล้วให้พระบิดาลงพระนามเท่านั้น เพราะ MbS คือผู้บริหารสูงสุดในการยึดอำนาจประเทศไว้หมด ไม่ว่าจะในตำแหน่งรมต.กลาโหม, มหาดไทย และประธานฝ่ายเศรษฐกิจทั้งหมด

มันเป็นนวนิยายชนิดมวยล้มต้มคนดู เพราะ MbS จนมุมด้วยหลักฐานที่ทางการตุรกีนำออกมาเผยแพร่ผ่านสื่อ ทำให้ MbS ต้องหาทางลงแบบข้างๆ คูๆ อย่างไม่เนียน

ซึ่งเห็นได้จากการประกาศคว่ำบาตรเข้าร่วมสัมมนา “ดาวอสแห่งทะเลทราย (Davos in the Desert)” ที่ทยอยประกาศออกมาจากภาครัฐและเอกชนในอุตสาหกรรมใหญ่ๆ ของโลก จนแทบไม่เหลือคนสำคัญๆ ที่จะเข้าร่วม บางบริษัทก็เลือกที่จะส่งพนักงานระดับเล็กๆ เข้าร่วม อย่างพยายามเก็บเยื่อใยไว้พอเป็นพิธีเท่านั้น

รมต.จากประเทศสำคัญๆ เช่น รมต.คลังของสหรัฐฯ และรมต.การค้าระหว่างประเทศของอังกฤษ ได้ประกาศถอนตัวจากการประชุม แต่ไม่ได้บอกเหตุผล รวมทั้งผู้บริหารสูงสุดขององค์กรระหว่างประเทศเช่น ธนาคารโลก, ไอเอ็มเอฟ เป็นต้น รวมทั้งประธานคณะมนตรีสิทธิมนุษยชนของยูเอ็น (อดีตปธน.ของประเทศชิลี-นางมิเชล บาเชเล็ต) ก็ได้ออกมากดดันให้ตุรกีถอนเอกสิทธิ์ทางการทูตของเจ้าหน้าที่สถานกงสุลซาอุฯ ประจำอิสตันบูล

ส.ว.รีพับลิกันคนสำคัญคือ นายลินซี แกรมม์ จากรัฐเซาท์แคโนไลนา ซึ่งกำลังคั่วตำแหน่งรมต.ยุตธรรม (คาดว่าจะมาแทนเจฟฟ์ เซสซั่น หลังการเลือกตั้งกลางเทอม) ทนไม่ไหวกับความอำมหิตของ MbS ได้ออกมาให้สัมภาษณ์ครั้งแรก-ก่อนการเข้าไปหาหลักฐานโดยทีมร่วมซาอุฯ-ตุรกี-ว่า-เป็นฝีมือคำสั่งของ MbS และ “ MbS-ต้องออกจากตำแหน่ง” เพราะได้ทำลักษณะไม่เกรงกลัวกฎหมายนานาชาติมาหลายครั้ง

กรณีการลักพาตัวนายกฯ ฮารีรีของเลบานอน มาโผล่ที่ริยาดห์ โดยใช้ลูกและภรรยาของนายกฯ ฮารีรีเป็นตัวประกัน เพื่อบีบให้เขาประกาศลาออกจากตำแหน่งนายกฯ อย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย ก็เป็นฝีมือของ MbS

หลังจากทางการซาอุฯ ออกมายอมรับว่า นายคาช็อกกีได้เสียชีวิตแล้ว และเป็นการทำเกินกว่าเหตุของทีมที่ตั้งใจไปลักพาตัวนายคาช็อกกีกลับมาซาอุฯ จนเกิดวิวาทต่อสู้กัน และเจ้าหน้าที่ซาอุฯ ทำเกินกว่าเหตุจนนายคาช็อกกีตาย...เรื่องนี้ ส.ว.ลินซี แกรมม์ บอกว่า เป็นนิทานโกหกสำหรับเด็กอมมือเท่านั้น

ที่สำคัญคือ นักวิเคราะห์การเมืองชื่อ นายJames Jatras อดีตนักการทูตกระทรวงต่างประเทศสหรัฐฯ และเคยทำงานเป็นที่ปรึกษาของฝ่ายนำรีพับลิกันมาหลายสมัย มาเปิดโปงผ่าน Russian Today ว่า อาวุธที่ซาอุฯ ซื้อไปจำนวนมหาศาลจากสหรัฐฯ ในปีนี้จะมียอดสูงถึง 1 แสน 1 หมื่นล้านเหรียญ (ประมาณ 4 ล้านล้านบาท) นั้น ซื้อไปแล้วไม่ได้นำมารบอะไรมากมาย ก็มีบ้างที่ไปรบที่เยเมน และซีเรีย แต่ความที่จำนวนยุทโธปกรณ์มีมากเกินไป ก็ได้แต่เก็บเอาไว้ในโกดัง Warehouse มากมาย

เหตุผลเรื่องยอดขายอาวุธที่ทรัมป์ภูมิใจนักหนาว่า ตนเองสร้างประวัติศาสตร์ขายอาวุธยอดสูงสุดกว่าปธน.คนก่อนๆ เป็นการสร้างงานให้คนอเมริกัน และยังจะมียอดที่จะตามมาอีกประมาณ 2 แสนล้านในปีต่อๆ ไปจากซาอุฯ

นาย James Jatras วิเคราะห์ว่า การซื้ออาวุธของซาอุฯ (ซื้ออาวุธนำเข้า-เป็นยอดสูงสุดของทั้งโลก แม้มีประชากรแค่ 32 ล้านคนเท่านั้น ยอดสั่งซื้ออาวุธต่อหัวประชากรสูงสุดในโลก!) ก็เพราะการสั่งซื้ออาวุธจากซาอุฯ เป็นวิธีติดสินบนรัฐบาลใหญ่ๆ ของโลก ไม่ว่าจะเป็นสหรัฐฯ, อังกฤษ, ฝรั่งเศส...โดยเฉพาะ MbS จะใช้วิธีปิดปากรัฐบาลที่จะอาจถล่มเขาในเรื่องละเมิดสิทธิมนุษยชนทั้งที่ซาอุฯ เอง และในประเทศอื่นๆ ด้วย ไม่ว่าจะที่เยเมน, ซีเรีย, ปาเลสไตน์ และที่สถานกงสุลซาอุฯ ในตุรกี เป็นต้น

MbS ติดสินบนทรัมป์ได้สำเร็จ ก็ด้วยยอดซื้ออาวุธนี้เอง นี่ยังไม่รวมที่ทรัมป์ต้องพึ่ง MbS สำหรับการผลิตน้ำมันส่งตลาดโลกมาแทนที่น้ำมันอิหร่านที่ทรัมป์ได้คว่ำบาตรไม่ให้ออกมาขายในตลาดโลก ทั้งในช่วงเลือกตั้งกลางเทอมปี 2018 ในอีก 2 อาทิตย์นี้ และช่วงเลือกตั้งปธน.ในปี 2020 ด้วย

เมื่อทรัมป์รับสินบนจาก MbS ก็ต้องออกมาปกป้อง MbS ให้บริสุทธิ์ผุดผ่องน่าเชื่อถือนั่นเอง


กำลังโหลดความคิดเห็น