xs
xsm
sm
md
lg

ผู้จัดการสุดสัปดาห์

x

รวมกันเรา“แพ้” แยกกันเสี่ยง“พัง”

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


ผู้จัดการสุดสัปดาห์ - “รวมกันเราแพ้ แยกกันชนะ”ตามสูตรที่ “นายใหญ่”ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เคาะเป็นยุทธศาสตร์หลักในการกวาดที่นั่งส.ส. แก้เกมสกัดพรรคใหญ่ผูกขาดอำนาจในสนามเลือกตั้ง

ประเภทที่เลือกคนที่รัก เลือกพรรคที่ชอบ จนกอบโกยส.ส.เป็นกอบเป็นกำ คราวนี้ใช้การไม่ได้ เพราะยิ่งได้ส.ส.เขตมากเท่าไหร่ ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ยิ่งน้อยเท่านั้น “นายใหญ่”เลยต้องใช้ยุทธการ“แตกทัพ”บุกละคนทาง ซึ่งเป็นความหวังเดียวในการสกัดดาวรุ่ง ไม่ให้ “บิ๊กตู่”พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ได้วีซ่า ในเทอมที่ 2

สารพัดพรรค แตกกอมาเป็น เพื่อธรรม เพื่อชาติ และพรรคโนเนม ที่ไปเซ้งกิจการมาอีกสองสามพรรค “นายใหญ่”ปักธงแน่น หวังจะหลบเลี้ยวกติกาฉบับใหม่ ให้ตัวเองหวนคืนอำนาจ

เหมือนจะง่าย แต่มันยาก ในทางปฏิบัติ เพราะการทำพรรคให้ประสบความสำเร็จ ไม่ใช่แค่ส่ง“เสาไฟฟ้า”แล้วบอกว่า นี่คือ บริวาร“ทักษิณ”ดังสุภาษิตไทยว่าไว้ ยิ่งมากคน ยิ่งมากความ
 
ขณะที่ปัจจัยสำคัญในสังเวียนขึ้นสู่อำนาจ “กระสุนดินดำ”มันเป็นของต้องมี ลำพัง “เพื่อไทย”พรรคเดียวก็ไม่รู้ว่า “นายใหญ่”จะควักให้เต็มที่หรือเปล่า เพราะเดี๋ยวนี้ฉลาดขึ้น ไม่ตำน้ำพริกละลายแม่น้ำเหมือนแต่ก่อน มวยไม่มั่นใจว่าชนะ ไม่มีทางอัดฉีด

แต่วันนี้มีแซมขึ้นมาอีก 2-3 หน่อ แม้ยี่ห้อ “ทักษิณ”ขายได้ แต่ถ้าไม่จ่าย ที่ว่าเคยชนะชัวร์ๆ เดี๋ยวนี้ไม่มีแล้ว แถมถ้าจะเอาแบบให้เสียงเกิน 250 ที่นั่ง ทั้ง“เพื่อธรรม-เพื่อชาติ”ต้องส่งอดีต ส.ส.ลงครบทั้ง 350 เขต สองพรรคก็ปาเข้าไป 700 คนแล้ว

ไหนจะของเดิมอย่าง “เพื่อไทย”ที่ต้องใส่ให้ครบไว้ก่อน แล้ว 3 พรรค จะไปหาสมุนลิ่วล้อ ที่ไหนมาลง สักแต่ว่าส่งตาสี ตาสา ก็เปลืองงบประมาณเปล่าๆ ปลี้ๆ

ไหนจะพื้นที่ทับซ้อน 3 พรรค ที่ต้องเกลี่ยกันให้ลงว่า จะส่งใครไม่ให้ไปตัดคะแนนกัน อย่าลืมว่า แม้ได้ส.ส.เขต แต่ถ้าคะแนนไม่ขาดเกิน 50,000 ก็เสียของอีก เหตุนี้ “นายใหญ่”เลยต้องมาบัญชาการเองที่ “ฮ่องกง”ไม่อย่างนั้นเละเทะแน่

ไหนจะเรื่องรายละเอียดปลีกย่อย อย่างการหาเสียง การส่ง 3 พรรคลงไปโม่แข้ง จะแยกแยะอย่างไรให้ประชาชนเข้าใจว่า เขตนี้ต้องเอาคนไหน เพื่อไทย เพื่อธรรม หรือ เพื่อชาติ ไปชี้นำสุ่มสี่สุ่มห้า จะโดนคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ล่อเป้าเอาได้ ที่หลอนๆกันกลัว “เพื่อไทย”จะถูกยุบ เผลอๆได้ลากกันลงเหวไปทั้งหมดน่ะแหละ ทีนี้ 

เอาว่า แค่เริ่มจะจัดตัวยังสร้างปัญหาภายในให้ “นายใหญ่”กุมขมับ เพราะแพลมๆ ว่าทัพหน้าอย่าง “เพื่อไทย”จะให้ “หญิงหน่อย”สุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ เป็นหัวขบวนนำ มันก็กลายเป็น “ดาบสองคม”ทำให้รอยร้าวในพรรคปริออกมาโชว์ให้เห็นว่า คนไม่ชอบหน้ายังหนาแน่นไปหมด

เพราะแม้ก่อนหน้านี้จะมีข่าวว่า เคลียร์ใจกันไปได้หมดกับรอยแผลไม่ลงรอยกันในอดีต แต่สุดท้ายก็แค่อาการตลบตะแลงเปื้อนยิ้ม แบบเอามือไขว้หลังถือมีดอยู่

พวกแกนนำเป้งๆ ที่ว่าจะเอาเป็นแกนหลักให้ค้ำยัน “เพื่อไทย”ไว้ หลายคนถึงกับทำใจไม่ได้ ที่ต้องอยู่ใต้บัญชาเจ้าแม่วังทองหลาง เห็นชัดๆ ก็คู่เกาเหลาแห่งชาติ อย่าง “เป็ดเหลิม”ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง แห่งบางบอน ที่แว่วว่า เตรียมเก็บผ้าเก็บผ่อน ไปสิงพรรคสาขา

พอกันกับอีก 1 นางสิงห์ “เจ๊แดง”เยาวภา วงศ์สวัสดิ์ รายนี้ก็ไม่สามารถอยู่ถ้ำเดียวกันได้ ยกสมุนในก๊กไปอยู่กับ “เพื่อธรรม”จนอัพเกรดเป็นพรรคสาขา อันดับ 1 ไม่ใช่แค่พรรคสำรองที่ว่าเอาไว้รองรับกรณี “เพื่อไทย”ถูกยุบซะแล้ว

นอกจากนี้ ยังมีบรรดาพวกปาร์ตี้ลิสต์เก่าๆ ที่อยากหนีตาย ไปลงเขตอีกเป็นโขยง ก็เตรียมมองพรรคสาขาที่ผุดขึ้นมาเพื่อ เพิ่มโอกาสในสนาม เพราะขืนอยู่ “เพื่อไทย”ต่อ ทับซ้อนเจ้าของสัมปทานเดิมอีก อย่างรายล่าสุด “เดอะอ๋อย”จาตุรนต์ ฉายแสง ก็ว่าจะเผ่นแนบ หนีระบบนี้ไปอีกคน

“เพื่อชาติ”ที่ “ยุทธตู้เย็น”ยงยุทธ ติยะไพรัช อดีตประธานสภาผู้แทนราษฎร ลงไปทำ โดยมี “สงคราม เลิศกิจไพโรจน์”เป็นกระเป๋าสตางค์ นั่นก็หนังตัวอย่าง ไม่ใช่ตั้งมาเป็นพรรคคนเสื้อแดงแบบตั้งใจ ยึดมั่นในอุดมการณ์ แต่เพราะที่ผ่านมา“เพื่อไทย”ไม่ให้พื้นที่แกนนำสายถนนได้ลงสนาม แถมปฏิบัติเยี่ยงกับ“ลูกเมียน้อย”เลยต้องแตกย่อยออกมา

ตัวหลักๆ จ้องหนีตายกันหมด แถมบางคนก็ทนไม่ได้กับ “หัวคนใหม่”มันเลยทำให้ไปๆ มาๆ ตัวดีๆ จะไม่ได้ลงแข่งในสีเสื้อ“เพื่อไทย” เรียกว่า หนีปัญหาโดนบอนไซพรรค ยังต้องมาเจอปัญหาเกลี่ยตัวผู้สมัคร ไม่ลงอีก เหมือนหนีเสือ ปะจระเข้อย่างไรอย่างนั้น
 
คิวนี้อยู่ที่ “นายใหญ่”ที่ต้องปวดกบาลหนัก เพราะถ้าจัดตัวผู้เล่นไม่สมดุล ยุทธศาสตร์แยกตี ก็ไม่ได้เปรียบ แถมออาจมีอาการแทรกซ้อน อย่างโรคน้อยเนื้อต่ำใจของคนไม่ถูกเลือกให้ลงเขต เก็บข้าวเก็บของไปอยู่กับศัตรู ที่จ้องจะดูดแบบตาไม่กระพริบ

นี่ยังไม่นับปัญหาในอนาคต ว่าสุดท้ายแล้วคือ ผู้นำที่แท้จริง เพราะ “เพื่อธรรม”ของ “เจ๊แดง”ก็มีข่าวว่า จะหนุนสามีสุดที่รักอย่าง“สมชาย วงศ์สวัสดิ์”ให้เป็นเบอร์ 1 ในบัญชีรายชื่อ ผู้ที่จะเสนอให้เป็นนายกรัฐมนตรี ซึ่งดีกรี ไม่ได้น้อยไปกว่า “หญิงหน่อย”ว่าที่ผู้นำพรรคหลักอย่าง“เพื่อไทย”

มันได้ขบเหลี่ยม เฉือนคมกันเองอีกยาวๆ เพราะดูท่าแล้ว “เจ๊แดง”ก็คงไม่หวังจะให้ศักดินาของ“เพื่อธรรม”เป็นรอง “เพื่อไทย”เพราะจะว่าไป ส.ส.ในมือของก๊วนวังบัวบาน ไม่ได้น้อยหน้าก๊วน กทม.ของ “หญิงหน่อย”เลยสักนิด
 
ขณะที่ “เจ้าแม่วังทองหลาง”ที่อาสาขึ้นมาอยู่ตรงนี้ คงไม่ได้หวังแค่เก้าอี้หัวหน้าพรรค แต่หวังใหญ่ถึงเป็นนายกรัฐมนตรี ถ้าปัญหานี้“นายใหญ่”ไม่เคลียร์ให้ชัด อนาคตมันก็จะเป็นสนิมเกิดแต่เนื้อใน ได้แตกกันอีกรอบ

เอาเป็นว่า ยุทธศาสตร์แยกกันเราชนะ ในทางทฤษฎีของ “เพื่อไทย”มันง่ายมาก ถ้าเทียบกับแบรนด์ทางตลาดที่ยังขาย “ทักษิณ”ได้ แต่ในทางปฏิบัติ มันต้องทั้งควัก ทั้งบริหารจัดการอำนาจภายในให้ลงล็อก แล้วยังต้องวางแนวทางการหาเสียงให้ดี เพราะต้องลงรายละเอียดปลีกย่อย ให้คนเข้าใจในแผนการนี้ได้ง่าย

ไม่อย่างนั้น คนสับสน ลงผิดลงถูก ไม่ได้เป็นไปอย่างที่ตั้งใจ พวกคู่แข่งที่เคยแพ้พ่ายแบบผูกปี อาจได้เป็น“ตาอยู่”ได้เก้าอี้ส.ส.ไปแทน
 
เชื่อเถอะ“นายใหญ่”โคตรเครียด




กำลังโหลดความคิดเห็น