xs
xsm
sm
md
lg

ผู้จัดการสุดสัปดาห์

x

คำเตือน: โปรดระวัง ‘นักรักชาติ...!’

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


"โสภณ องค์การณ์"

ช่วงตลาดการเมืองดูเหมือนจะยังคึกคัก คนส่วนหนึ่ง หรือส่วนใหญ่เชื่อว่าจะมีเลือกตั้งแน่ๆ ไม่มีทางเลือกเป็นอื่น ด้วยสถานการณ์สุกงอมเต็มที่ กลุ่มกุมอำนาจปัจจุบันอยากเลือกตั้ง ไม่ต้องยื้ออีกแล้วเพราะการเลือกตั้งเป็นหนทางที่จะได้อยู่ยาว อ้างได้เต็มปาก

“พวกผมมาจากการเลือกโดยประชาชน” แต่ไม่ยอมพูดต่อว่าชาวบ้านไม่ต้องการให้ใครก็ตามที่ชนะเลือกตั้งทั้งการซื้อเสียง โกง หรือเลือกจริง เข้ามาแสวงหาผลประโยชน์ แม้จะรู้ว่างาช้างไม่มีวันงอกออกจากปากหมา ลงทุนหลายล้านมากินเงินเดือนแสนเดียว

มันต้องถอนทุน เอากำไรคืน จะกี่เท่าแล้วแต่โอกาสจะโกงได้ เจ๊ใหญ่คนหนึ่งเคยบอกเสาหลักประชาธิปไตยในน้ำเน่าว่า “การเมืองคือการลงทุนอย่างหนึ่ง” เมื่อลงเงินไปแล้วต้องถอนทุน บวกกำไร บ้านเมืองล่มจมก็ช่าง เพราะกฎหมายเปิดช่องให้มีเลือกตั้ง

บ้านเมืองห่างเหินจากมหกรรมกาเบอร์มากว่า 4 ปี สมควรมาสำรวจภูมิประเทศของวงการเลือกตั้งให้ทันสถานการณ์ แน่นอน สภาวะน้ำเน่ายังข้นคลั่กดูแล้วไร้การพัฒนาเหมือนเดิม แต่จำเป็นต้องรับรู้ว่า “การเมือง” และคนในวงการเมืองเป็นอย่างไร

ช่วงหลังคำว่า “เล่นการเมือง” กลายเป็นคำอุจาด นักเลือกตั้ง นักซื้อเสียง นักเสี่ยงโชคทางการเมืองชอบใช้คำว่า “ทำงานการเมือง” ฟังแล้วดูเหมือนดี แหกตาชาวบ้านบ้องตื้นพวกนิยมคำขวัญ “เงินไม่มา กาไม่เป็น” เฝ้ารอ “คืนหมาหอน” คนมาจ่ายเหมายกครัว

แม้กระทั่งคำว่า “นักการเมือง” ยังฟังมีแววอุจาด ด้วยพฤติกรรมปากมันงาบทุกอย่างที่ขวางหน้าและเข้าทาง ใต้โต๊ะ ตามน้ำ ทวนน้ำ หักดิบ มูมมามแบบไม่ต้องอาย และพวกสายพันธุ์นี้มักเป็นข้ออ้างของ “นักรัฐประหารแล้วรวย” ฉวยโอกาสชุบมือเปิบ

ที่ผ่านมา การผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันเข้ามาโกงบ้านกินเมืองยังเป็นวงจรอุบาทว์ระหว่าง “นักการเมือง” และ “นักรัฐประหาร” หลักฐานเรอะ? ถ้านักการเมือง หรือนักรัฐประหารเป็นคนดี บ้านเมืองคงไม่อยู่ในสภาพน่าอนาถ น่าเวทนาอย่างนี้ตั้งแต่ปี 2475

บ้านเมืองอยู่ภายใต้นักรัฐประหารนานกว่า 4 ปี ดังนั้นผู้กุมอำนาจรัฐประหารบางคนแสดงอาการอยากอยู่ต่อเพื่อรักษาผลประโยชน์ที่ได้กอบโกยไว้ และรู้ดีที่ผ่านมาได้ขี่หลังเสือโดยตลอด การลงอย่างปลอดภัยไม่ใช่เรื่องง่ายเพราะได้สะสมโจทย์ไว้เยอะ

ฝรั่งว่าไว้ “มีโครงกระดูกซุกซ่อนอยู่ในตู้” นั่นแหละ!

ดังนั้น ชาวบ้านได้เห็นอาการกระมิดกระเมี้ยน คำพูดพลิกไปพลิกมาเชิงเล่นลิ้นของผู้ใหญ่ผู้โตว่า “เป็นนักการเมือง” “อยากทำงานการเมือง” “ไม่เป็นนักการเมืองอาชีพ” “เป็นทหารแต่ทำงานการเมือง” บ้าง อะไรก็สุดแล้วแต่จะสรรหาปั้นคำมาแหกตาชาวบ้าน

คนบ้องตื้นหน้าซื่อตาใสมักตามไม่ทันเกมพวกเจ้าเล่ห์ร้อยลิ้นกะลาวน ลีลาหลอกล่อยิ่งกว่านักตกทอง อันที่จริงคำพูดหาเสียง หาอะไรก็แล้วแต่ ต้องถือว่าเป็นกลอุบายของ “แก๊งตกทองทางการเมือง” ที่อ้างว่า “ต้องการทำงานการเมือง รับใช้ประชาชน”

นักการเมืองเจนสนาม หรือพวกเข้ามาใหม่ มีคุณสมบัติไม่ต่างกัน คือต้องมีสภาพผิวหน้ากล้าหาญแข็งแรง ริมฝีปากพร้อมฉีกยิ้มฉับไว ปฏิกิริยาเร็วเฉียบพลันพร้อมยกมือไหว้ ถ้าได้ยินเสียงหมาขี้เรื้อนตะกุยผิว ลมพัดใบตองกล้วยแห้งแกรกกราก นึกว่าคนทัก

การสังเกตว่า “ใคร” หรือ “บุคคลประเภทใด” คือนักเสี่ยงโชคทางการเมือง นักลงทุนการเมือง นักซื้อเสียง นักเลือกตั้งขนานแท้ ดูไม่ยาก อดีตเป็นอะไร มีอาชีพอะไรมาก่อนก็ตาม ในที่สุดจะมีคำพูดและพฤติกรรมเหมือนกัน เป็นรูปแบบเฉพาะ เลี่ยงไม่ได้

อันดับแรกคนพวกนี้จะอ้าง “ความเสียสละ” “ความรักชาติ” “ต้องการทำงานเพื่อบ้านเมือง” นี่คือความผิดปกติชัดเจน ชาวบ้านทั่วไป มีสติ ความรู้สึกปกติ ไม่มีเจตนาชั่วร้ายจะไม่อ้าง “ความรักชาติ” หรือ “อยากทำงานเพื่อชาติ” เพราะไม่ต้องบอกให้ใครรู้ก็ได้

คนรักชาติแท้จะไม่ประกาศว่าตัวเองรักชาติ อ้างความรักชาติ เพราะความรักชาติแท้ไม่ต้องมีคำประกาศ ไม่มีเงื่อนไข ไม่มีวันเริ่มต้นและวันหมดอายุ ดังนั้น ใครก็ตามที่ประกาศเสียงดังว่าตัวเอง “รักชาติ” แสดงว่า “เพิ่งจะรักชาติ” และต้องการให้คนอื่นรับรู้

ชาวบ้านเจอหรือได้ยินใครพูดอย่างนี้ต้องถาม “ก่อนหน้านี้ทำอะไร ไม่รักชาติหรือ?” ถึงต้องมาบอกตอนนี้ จริงหรือไม่ที่ฝรั่งว่า “ความรักชาติคือข้ออ้างสุดท้ายของคนโกง” ใครที่อ้างว่า “อยากทำงานเพื่อชาติ” แสดงว่าที่ผ่านมายังไม่เคยทำอะไรเพื่อชาติ

ตั้งแต่เกิดมา ไม่เคยเห็นชาวบ้านที่ไหนยืนตะโกนบอกคนอื่นว่า “ผมรักชาติ อยากทำงานเพื่อบ้านเมือง” นอกจากคนบ้า พวกลวงโลก ปากมันลื่นยิ่งกว่าปลาไหลทาน้ำมัน ระวัง! ถ้าได้ยินคำพูดแบบนี้จากปากใคร เชื่อได้เลยว่า “ไอ้หมอนั่นเป็นคนขี้โกงแน่ๆ”

ถ้าประเทศไทยมีคนรักชาติได้บริหารบ้านเมือง เราจะไม่เป็นเช่นนี้! กว่า 10 ปีที่ผ่านมา “นักรักชาติ” จากการเลือกตั้ง แต่งตั้ง และรัฐประหาร ถูกมองว่าเป็นนักยกระดับเร่งสร้างความมั่งคั่งให้ตัวเองและพวกพ้องด้วยอัตราโกงกิน 40 เปอร์เซ็นต์หรือกว่านั้น

เรามีประสบการณ์กับคำพูด “ผมรวยแล้ว ผมไม่โกง ขอทำงานตอบแทนบุญคุณบ้านเมือง” ผลสุดท้าย จากที่มีไม่กี่หมื่นล้าน งอกเงยโป่งพองเป็นหลายแสนล้านบาท

“นักรักชาติ” จะน่ากลัวกว่าพวก “อยากทำงานการเมือง” ในอดีตวงการเมืองได้ยินคำว่า “รักชาติจนน้ำลายไหล” “รักชาติจนพุงกาง” ยุคนี้ ชาวบ้านได้ยิน “นักรักชาติ” เสียงดังท่าทางขึงขัง เพราะรู้ดีว่าถ้าไม่ออกลีลาห้าวเช่นนั้น จะแหกตาคนบ้องตื้นไม่ได้ง่ายๆ

พวกที่ประกาศตัวเองว่าเป็น “นักรักชาติ” ตาไม่กะพริบ ต้องมีความกล้าหาญ ความแข็งแรงของผิวหน้ามากกว่านักเลือกตั้งธรรมดา 2 ถึง 3 เท่าตัว จะไม่ยอมรับว่าเป็น “นักขายชาติ” แม้จะมีรูปแบบพฤติกรรมขายชาติให้ชาวบ้านได้เห็นสม่ำเสมอ มือไม่ตก

ข้อสังเกต ที่ผ่านมาชาวบ้านจะไม่ได้เห็นหรือได้ยินคนอ้าง “ความรักชาติ” บ่อย นักเลือกตั้งอาชีพยิ่งไม่กล้าอ้าง เพราะรู้ดีด้วยว่าชาวบ้านไม่ยอมหลงกล ประเด็นที่ควรระวังให้มากคือ “พฤติกรรมพูดอย่างทำอย่าง” ชนิดถาวรเรื้อรัง เป็นอันตรายต่อบ้านเมืองมาก

ให้สงสัยไว้ก่อนว่า “นักรักชาติ” ที่แท้คือนักขายชาติ” ใช่หรือไม่?! และอะไรที่ “น่าสงสัย” ก็ไม่ต้องสงสัย รับรอง “ใช่แน่” ...บางรายออกลายให้ชาวบ้านเห็นจนอายแทน

ย้ำอีกครั้ง โปรดระวัง “นักรักชาติ” เสียท่าแล้วจะไม่เหลือแม้แต่กางเกงในไว้นุ่ง!




กำลังโหลดความคิดเห็น