xs
xsm
sm
md
lg

เฮียกวงขอเจ๊หน่อยทำการบ้าน ก่อนวิจารณ์บัตรสวัสดิการรัฐ

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์

นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณี คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ แกนนำพรรคเพื่อไทย (พท.) วิจารณ์นโยบายบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ เป็นการแบ่งแยกชนชั้นว่า รัฐบาลนี้ไม่เคยเรียกว่าบัตรคนจน อย่างที่คุณหญิงสุดารัตน์ เรียก แต่เรียกว่าบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ซึ่งเป็นโครงการที่ทำขึ้นเพื่อช่วยคนยากไร้ คนไม่มีโอกาส เป็นบัตรที่ไม่มีโทษ มีแต่คุณ ไม่รู้จะกลัวไปทำไม
"บัตรนี้มีประโยชน์เพราะช่วยคนยากไร้ คนแก่ เราดูแลไม่ให้มีการรั่วไหล มีการตรวจสอบคุณสมบัติของคนที่มีบัตรว่ายากไร้ จริงหรือไม่ ไม่มีใครเขาเรียกบัตรคนจน มีแต่คุณหญิงสุดารัตน์ หาข้อมูลหน่อยนะครับ ทำการบ้านหน่อยนะ ถ้าจะทำก็พยายามทำให้ดีกว่าบัตรสวัสดิการแห่งรัฐด้วย" นายสมคิด กล่าว
ด้านนายอรรถวิชช์ สุวรรณภักดี อดีต ส.ส. กทม. พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงโครงการไทยนิยมยั่นยืน ที่ผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ (บัตรคนจน) จำนวน 11.4 ล้านคนนั้น ตนเห็นว่าควรมีการปรับปรุงระบบ ด้วยการยกเลิกบัตรคนจน แต่เปลี่ยนรูปแบบเป็นโอนเงินเข้าบัญชีประชาชนโดยตรง เนื่องจากที่ผ่านมา การใช้บัตรดังกล่าว ประชาชนต้องซื้อสินค้าผูกขาด กับร้านร้านธงฟ้าประชารัฐ ที่มีสินค้าเฉพาะของเจ้าสัวต่างๆ ของประเทศ ขณะที่การใช้บัตรคนจน ก็ไม่สามารถขึ้นรถประจำทางได้ จนสุดท้ายรัฐบาลต้องใช้งบประมาณ แอปพลิเคชัน "ถุงเงินประชารัฐ" เพื่อแก้เกี้ยว หวังแก้ปัญหา แต่ก็เสียเงินในการพัฒนาระบบไปจำนวนมหาศาล ซึ่งตนไม่แน่ใจว่า มีการตั้งบริษัทเพื่อหวังผลประโยชน์ตรงนี้ไว้ล่วงหน้า หรือไม่
ทั้งนี้ ตนเห็นว่าควรเปลี่ยนรูปแบบการจัดเก็บข้อมูลประชาชน 11.4 ล้านคน ที่เป็นข้อมูลตาย และเปลี่ยนมาใช้ข้อมูลเป็น หรือ Negative Income Tax หรือ NIT เพราะเป็นการช่วยเหลือคนจนของรัฐบาลในรูปแบบของการโอนเงิน หรือจ่ายเช็คให้แก่บุคคลที่มีรายได้ต่ำกว่าเกณฑ์ โดยให้คนมาลงทะเบียนภาษีรับเงินทุกปี เพราะจะทำให้ทราบว่า แต่ละปีจะมีคนจนจำนวนเท่าใด เพื่อเตรียมงบประมาณให้เหมาะสม ตรงกับความเป็นจริง เพราะโครงการดีจริง คนจะต้องลดลง มิใช่สอบถามกี่ครั้งก็มีจำนวนเท่าเดิมคือ 11.4 ล้านคน
"ผมเห็นด้วยกับใช้งบประมาณไปลงสู่รากหญ้า มิใช่ผูกขาดให้กับเจ้าสัว หรือเอาเงินไปพัฒนาระบบผ่านบัตรคนจน ผ่านแอปพลิเคชัน "ถุงเงินประชารัฐ" แทนที่จะโอนเข้าบัญชีให้แก่ชาวบ้านโดยตรง เพื่อให้เพิ่มวงรอบการหมุนเงินในระบบให้เพิ่มขึ้น และ GDPจะโตกว่าที่เป็นอยู่นี้ เพราะที่ผ่านมารัฐบาลก็ใช้งบประมาณร่ายจ่ายประจำปี และ งบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมประจําปีมาหลายพันบาทแล้ว " อดีต ส.ส.ปชป. กล่าว
กำลังโหลดความคิดเห็น