xs
xsm
sm
md
lg

สั่งฟ้อง'พ่อศิธา' ฟอกเงินกรุงไทย นำส่งศาล31ต.ค.

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์

ผู้จัดการรายวัน 360 - อัยการ นัดส่งตัวฟ้อง “มานพ ทิวารี” บิดา “น.ต.ศิธาธิวารี” อดีตกรรมการบริหาพรรคไทยรักไทย พร้อม“กาญจนาภา-วันชัย” คดีร่วมฟอกเงินแบงก์กรุงไทย 31 ต.ค.นี้ หลังจากมีความเห็นสั่งฟ้องพร้อม "โอ๊ค พานทองแท้" ตั้งแต่ 10 ต.ค.ที่ผ่านมา แต่ผู้ต้องหาไม่เดินทางมาตามนัด

วานนี้ (16 ต.ค.) นายธรัมพ์ ชาลีจันทร์ รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุดออกแถลงการณ์ชี้แจงกรณีคณะทำงานของพนักงานอัยการ สำนักงานคดีพิเศษยังไม่ฟ้องนายมานพ ทิวารี ผู้ต้องหา ข้อหาร่วมกันฟอกเงินและสมคบกันฟอกเงินการอนุมัติสินเชื่อของธนาคารกรุงไทยให้กลุ่มกฤษดามหานคร โดยมิชอบ ว่า พนักงานอัยการได้มีความเห็นและคำสั่งฟ้องนายมานพ และนางกาญจนาภา หงษ์เหิน ผู้ต้องหาที่ 2 และนายวันชัย หงษ์เหิน ผู้ต้องหาที่ 3 เป็นผู้ต้องหากลุ่มผู้รับโอนเงินที่ได้มาจากการกระทำความผิดแล้ว ตั้งแต่เมื่อวันที่ 10 ตุลาคมที่ผ่านมา

อย่างไรก็ตาม ผู้ต้องหาทั้ง 3 คน ไม่เดินทางมาพบพนักงานอัยการตามนัด พนักงานอัยการจึงไม่สามารถฟ้องบุคคลทั้ง 3 ในวันดังกล่าวได้ ดังนั้นพนักงานอัยการ สำนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีพิเศษ 4 สำนักงานคดีพิเศษได้แจ้งให้นายมานพ ทิวารี นางกาญจนาภา และนายวันชัย มาพบพนักงานอัยการเพื่อฟ้องต่อศาลในวันที่ 31 ต.ค.นี้ เวลา 10.00 น.

สำหรับคดีดังกล่าวสืบเนื่องจากศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ได้มีคำพิพากษาเกี่ยวกับกรณีมีการอนุมัติสินเชื่อของธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) โดยมิชอบและมีคำพิพากษาลงโทษจำคุก นายวิชัย กฤษดาธานนท์ กับพวก และผู้บริหารธนาคารกรุงไทยจำนวนหลายคน ซึ่งนายวิชัย ทำธุรกรรมกับผู้รับโอนเงินหลายรายเกี่ยวกับคดีการสั่งฟ้องกลุ่มผู้ต้องหาในข้อหาร่วมกันฟอกเงินและสมคบกันฟอกเงินดังกล่าวได้แยกผู้ต้องหาออกเป็น 2 กลุ่ม

โดยกลุ่มแรก คือ กลุ่มผู้โอนเงินที่ได้มาจากการกระทำความผิด โดยเมื่อวันที่ 1 มีนาคม 2560 พนักงานสอบสวน กรมสอบสวนคดีพิเศษได้ส่งสำนวนการสอบสวนกล่าวหานายวิชัย กฤษดาธานนท์ กับพวก รวม 13 คน กระทำความผิดฐานสมคบกันฟอกเงินและร่วมกันฟอกเงินเกี่ยวกับการโอนและรับโอนธุรกรรมทางการเงินที่ได้จากการอนุมัติสินเชื่อธนาคารกรุงไทยโดยมิชอบจำนวนหลายรายการ ซึ่งพนักงานอัยการสั่งฟ้องนายวิชัย กับพวก ผู้โอน และฟ้องต่อศาลแล้ว

ขณะเดียวกันผู้ต้องหาในกลุ่มแรกนี้ มี นายมานพ ทิวารี บิดาของ น.ต.ศิธา ทิวารี อดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย เป็นผู้ต้องหารวมอยู่ด้วย แต่เนื่องจากพยานหลักฐานข้อเท็จจริงทางคดีพบ นายมานพ อยู่ในกลุ่มผู้รับโอน พนักงานอัยการจึงมีคำสั่งให้รวมการพิจารณาสั่งของผู้ต้องหารายนี้ไปพร้อมกับกลุ่มผู้รับโอนด้วย

ส่วนกลุ่มที่ 2 คือ กลุ่มผู้รับโอนเงินที่ได้มาจากการกระทำความผิด ประกอบด้วยนางเกศินี จิปิภพ ผู้ต้องหาที่ 1 กับพวกรวม 4 คน ได้แก่ นางเกศินี นางกาญจนภา หงษ์เหิน ผู้ต้องหาที่ 2 นายวันชัย หงษ์เหิน ผู้ต้องหาที่ 3 และนายพานทองแท้ ชินวัตร ผู้ต้องหาที่ 4 และนายมานพ ทิวารี ผู้ต้องหา ที่แยกมาจากกลุ่มผู้โอน โดยผู้ต้องหาทุกคนถูกกล่าวหาว่ากระทำความผิดฐานสมคบกันฟอกเงินและร่วมกันฟอกเงินเกี่ยวกับการรับโอนธุรกรรมทางการเงินที่เกี่ยวพันกับคดีพิเศษโดยดีเอสไอได้ส่งสำนวนมาตั้งแต่วันที่ 25 ก.ค. 2561

อย่างไรก็ตาม เมื่อวันที่ 10 ตุลาคมที่ผ่านมา อัยการได้มีคำสั่งฟ้องนายพานทองแท้ ฐานสมคบกันฟอกเงิน และร่วมกันฟอกเงินกรณีเช็ค 10 ล้านบาท ส่วนกรณีเช็ค 26 ล้านบาท มีความเห็นสั่งไม่ฟ้อง นางเกศินี จิปิภพ ผู้ต้องหาที่ 1 นายพานทองแท้ ชินวัตร ผู้ต้องหาที่ 4 ฐานสมคบกันฟอกเงินและร่วมกันฟอกเงินจำนวน 26 ล้านบาท แต่สั่งฟ้องนางกาญจนาภา และนายวันชัย หงษ์เหิน ฐานสมคบกันฟอกเงินและร่วมกันฟอกเงิน
กำลังโหลดความคิดเห็น