xs
xsm
sm
md
lg

ระหว่างนิยายฆาตกรรมกับนิยายการเมือง

เผยแพร่:   โดย: ทับทิม พญาไท


ไปๆ-มาๆ...กลายเป็นนิยายที่คลาสสิกซะยิ่งกว่านิยายสืบสวน สอบสวน ฆาตกรรมปริศนาของ “อกาธา คริสตี้” ไปแล้ว ไม่รู้กี่เท่าต่อกี่เท่า สำหรับกรณี “ฆ่าหั่นศพ” “นายจามาล คาช็อกกี” นักหนังสือพิมพ์ชื่อดังชาวซาอุฯ คอลัมนิสต์หนังพิมพ์วอชิงตัน โพสต์ ที่ถูกระบุว่าถูก “ทีมฆ่า” จำนวน 15 ราย ผู้ได้รับคำสั่งให้บินตรงจากราชอาณาจักรซาอุฯ มาปฏิบัติการอันสุดแสนสยดสยอง ณ สถานกงสุลซาอุฯ ประจำตุรกี ในช่วงวันอังคารที่ 2 ตุลาคมที่ผ่านมา...

คือมันกลายเป็นกรณีที่บานปลาย ปลายบาน ไปจนเกิดรายการ “วอนทั้งโลกโขกหัวเธอ” หรือเกิดการพุ่งเป้าเข้ากดดัน เล่นงานรัฐบาลซาอุฯ อย่างชนิดมิอาจหลีกเลี่ยงได้ จะด้วยเหตุเพราะความน่าสยดสยอง หรือเพราะ “นายจามาล คาช็อกกี” รายที่ว่าไม่ใช่แค่ชาวซาอุฯ ธรรมดาๆ หรือแค่นักหนังสือพิมพ์กระจอกๆ ก็แล้วแต่จะว่ากันไป แต่เอาเป็นว่า...ความ “ทรงพระเหี้ยม” ของมกุฎราชกุมาร เจ้าชาย “MbS” (Mohammad bin Salman) ในกรณีฆาตกรรมผู้คนนับเป็นพันๆ หมื่นๆ ปิดล้อม เล่นงานเด็กๆ สตรี คนชรา “ชาวเยเมน” ตลอดช่วงระยะ 3 ปีที่ผ่านมา จนประชากรนับสิบๆ ล้าน ขาดอาหาร น้ำดื่ม ยารักษาโรค ชนิดแทบจะเป็นจะตายกันทั้งประเทศ แต่ก็ยังเทียบไม่ได้กับความหนักหน่วง รุนแรง ในกรณีการฆาตกรรม “นายคาช็อกกี” ที่ได้กลายเป็น “หนังสยองขวัญ” ไปทั่วทั้งโลกไปแล้วในทุกวันนี้...

อย่างที่ “อาจารย์สุดาทิพย์ จารุจินดา อินทร” ท่านได้เล่าสู่กันฟังไว้ในคอลัมน์ “รู้-เท่าทันโลก” เมื่อวัน-สองวันที่ผ่านมานี้นั่นแหละว่า ทั้งอภิมหานักธุรกิจระดับโลก ระดับระหว่างประเทศ ไม่ว่าตัวบุคคล หรือสถาบัน ทั้งสื่อมวลชนระดับ “สื่อกระแสหลัก” แห่งโลกตะวันตกทั้งหลาย ตลอดไปจนผู้มีบทบาทอำนาจในรัฐบาลประเทศใหญ่ อย่างอังกฤษ ฝรั่งเศส เยอรมนี ไปจนถึงแคนาดา ฯลฯ ต่างหยิบเอานิยายสยองขวัญเรื่องนี้มาตั้งคำถามกดดันเล่นงานรัฐบาลซาอุฯ จนตลาดหุ้นริยาดห์ ร่วงกราวไปถึง 500 จุดภายในวันเดียว และด้วยแรงกดดันดังกล่าวนี่เอง ที่ทำให้มหามิตรของราชอาณาจักรซาอุฯ หรือผู้อุปถัมภ์ ค้ำชูกษัตริย์ซาอุฯ และสมาชิกราชวงศ์ “อัล-ซาอุด” ชนิด “ถ้าหากไม่มีเราคอยช่วยปกป้อง คุ้มครอง พระองค์อาจอยู่ไม่รอดเกิน 2 สัปดาห์” อะไรประมาณนั้น นั่นก็คือผู้นำอเมริกาอย่าง “ทรัมป์บ้า” จึงอดไม่ได้ที่จะต้อง “หลุดปาก” ออกมาว่า พร้อมที่จะ “ลงโทษอย่างรุนแรง” (Severe Punishment) ถ้าหากมีหลักฐาน ข้อพิสูจน์ยืนยันอย่างแน่ชัด ว่าสมาชิกราชวงศ์ซาอุฯ อย่างเจ้าชาย “MbS” เข้าไปเกี่ยวข้อง พัวพันกับกรณีฆาตกรรมดังกล่าวแบบจริงๆ จังๆ...

อันนี้...ก็เลยต้องเป็นหน้าที่ของ “นักสืบปัวโรต์” แห่งตุรกี ภายใต้การอำนวยการของประธานาธิบดี “เออร์โดกัน” ที่กำลังแย่งชิงตำแหน่ง “พี่เบิ้มใหญ่แห่งตะวันออกกลาง” กับซาอุฯ อย่างขมักเขม้น ชนิดพร้อมกระโดดเข้าไป “อุ้มกาตาร์” ขณะถูกซาอุฯ ไล่เตะ ไล่ถีบอย่างเมามันส์ส์ส์ ว่าจะสามารถค้นหาหลักฐาน ข้อพิสูจน์ ยืนยันมาได้ขนาดไหน ตาม “รายงานข่าว” ที่ถูกระบุเอาไว้ในหนังสือพิมพ์วอชิงตัน โพสต์ ว่ามีหลักฐานทั้ง “เสียง” และ “ภาพ” ซึ่งสามารถยืนยันได้ว่า “นายคาช็อกกี” ถูกฆ่า ถูกทรมานภายในกงสุลซาอุฯ ประจำตุรกีอยู่แล้วแน่ๆ แต่สุดท้ายแล้ว...บรรดาหลักฐานและข้อพิสูจน์เหล่านี้จะถูกนำมาเปิดเผย ในช่วง “หักมุมจบ” แบบนิยายสืบสวน สอบสวนของ “อากธา คริสตี้” หรือไม่ อย่างไร หรือจะจบกันแบบ “นิยายการเมือง” ประเภทการฆาตกรรม “เคนเนดี้” การวินาศกรรม “ตึกเวิลด์เทรด เซ็นเตอร์” ฯลฯ ที่ท้ายที่สุด...คงต้องออกไปในแนวจับมือใครดมแทบไม่ได้ จนต้องลืมๆ กันไป หรือกลายเป็น “ปริศนาทางการเมือง” ตราบเท่าทุกวันนี้...

แต่ความคลาสสิกของนิยายสยองขวัญเรื่องนี้...ก็คงไม่ได้อยู่แค่การหาหลักฐานและข้อพิสูจน์มายืนยันเท่านั้น แต่ยังอยู่ที่สิ่งซึ่งผู้นำอเมริกาเรียกว่าการ “ลงโทษอย่างรุนแรง” ต่อรัฐบาลซาอุฯ อีกด้วย ว่าเอาไป-เอามาแล้ว มันจะแรงแบบปุยนุ่น หรือแรงแบบฆ้อนทุบกันแน่!!! เพราะถึงแม้ “ทรัมป์บ้า” จะ “เสพติดการแซงชั่น” ชนิดมักต้องลงโทษใครต่อใครด้วยการ “แซงชั่น” มาโดยตลอด แต่สำหรับรายของซาอุฯ แล้ว...แค่เจอกับ “รายได้จากการขายอาวุธ” ซึ่งอาจหดหายลงไปเท่านั้น “ทรัมป์บ้า” ก็ทำท่าว่าจะไม่เอาแล้ว ไม่คิดจะงัดเอามาตรการง่ายๆ กล้วยๆ ทำนองนี้ มาใช้กับซาอุดีอาระเบียโดยเด็ดขาด...

ยิ่งถ้าต้องเจอกับการตอบโต้การลงโทษ หรือการแซงชั่นอย่างที่ “นายTurki Al Dakhli” นักคิด นักเขียน ผู้มีฐานะเป็นถึงผู้จัดการทั่วไปของสำนักข่าว “Al-Arabiya” หรือ “Saudi International News Network” ได้ขู่เอาไว้ล่วงหน้า อันนี้...ถึงจะ “ทรัมป์บ้า” ก็เถอะ ก็น่าจะ “หายบ้า” เอาง่ายๆ คือด้วยการ “ขู่” เอาไว้ว่า รัฐบาลซาอุฯ เตรียมมาตรการตอบโต้เอาไว้ถึง 30 วิธีด้วยกัน ไม่ว่าไล่มาตั้งแต่การหันไปผูกมิตรกับ “คู่กัด” ของอเมริกาอย่างอิหร่าน หันไปคบหากับพวกฮามาสและเฮซบอลเลาะห์ ในปาเลสไตน์และเลบานอน หันไปขายน้ำมันซาอุฯ ด้วยเงินหยวนแทนเงินดอลลาร์ ลดปริมาณการผลิตน้ำมันให้เกิดอาการขาดตลาดยิ่งขึ้นไปอีก จนระดับราคาอาจพุ่งขึ้นไปถึง 100 หรือ 200 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล อันจะทำให้เศรษฐกิจอเมริกายิ่งพังพินาศ หรือฟองสบู่แตกเร็วขึ้นไปใหญ่ ไปจนกระทั่งการเชื้อเชิญให้กองทัพรัสเซีย เข้ามาปักหลัก ปักฐาน อยู่ในจังหวัด Tabuk บริเวณช่องแคบใกล้ทะเลแดง เพื่อช่วยดูแลเส้นทางการค้าระหว่างอิสราเอลและจอร์แดน...ฯล ฯลฯ เพียงเท่านี้ “ทรัมป์บ้า” ก็ไม่น่าจะ “บ้า” อีกต่อไปแล้ว และนั่นเอง...ที่อาจทำให้ข้อสรุปครั้งล่าสุดของผู้นำอเมริกา ในกรณีการฆาตกรรม “คาช็อกกี” ถูกสรุปเอาไว้ประมาณว่า น่าจะเป็นฝีมือของ “นักฆ่าขี้โกง” (Rogue Killers) ซึ่งก็ไม่รู้ว่า...เป็นใครกันแน่ หรือต้องเป็นไปตามแบบฉบับ “นิยายการเมือง” ไม่ใช่ “นิยายฆาตกรรม” ตามแนวทางของ “อกาธา คริสตี้” ได้เลย...

สรุปรวมความแล้ว...ด้วยเหตุเพราะสิ่งที่เรียกว่า “การเมือง” อีกนั่นแหละ ที่ทำให้ “ความเป็นมนุษย์” ไม่ว่าจะเป็นมนุษย์ที่มีระดับอย่าง “นายจามาล คาช็อกกี” หรือมนุษย์ที่ไม่ได้ถูกจัดให้มีระดับใดๆ อย่างบรรดา “ชาวเยเมน” ทั้งหลาย เลยต้องกลายเป็นสิ่งที่ไร้ค่า ไร้ราคาไปอีกจนได้ หรือส่งผลให้บรรดา “นักการเมือง” ไม่ว่าในระดับโลก หรือในระดับประเทศก็ตาม หนีไม่พ้นต้องหันมามองถึง “ผลประโยชน์” ไม่ว่าในแง่ส่วนตัว หรือในแง่ความเป็นชาติของตัวเอง จนต้องมองข้าม “คุณค่าแห่งความเป็นมนุษย์” ไปอย่างน่าเสียดาย อะไรต่อมิอะไรในโลกใบนี้...มันถึงได้ “เหี้ย...มม์ม์ม์” ยิ่งขึ้นเรื่อยๆ...
กำลังโหลดความคิดเห็น