ข่าวปนคน คนปนข่าว
**แถวนี้มันเถื่อน ไม่แน่จริงอยู่ไม่ได้!! “ลุงตู่”ลงสมรภูมิโซเชียล เจอ“กองแช่ง - กองชัง”ดาหน้ารับน้อง ข้ามวันยอดไลค์ แฟนเพจทะลุแสน กลายเป็น “ศูนย์รวมความบันเทิง”คอมเมนต์ แซะ-ด่ากระจาย ทีมงานไล่ลบวุ่น สาบสูญหลายพันเมนต์ “เฟสบุ๊ก”ยังแค่เด็กๆ ของจริงต้อง“ทวีตภพ”ที่ “ตัวเจ็บ-ตัวจี๊ด”เรียงหน้ามาเป็นฟอลโลเวอร์ ลับมีดรอแล้ว
เปรี้ยงปร้างอย่างใจหวัง .. ยอดไลค์-ยอดแชร์ แฟนเพจ“ประยุทธ์ จันทร์โอชา Prayut Chan-o-cha”เพจอย่างเป็นทางการ (ส่วนตัว) ของ “ลุงตู่”พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ถล่มทลาย .. เผลอแพรบเดียว ทะยานผ่านหลักแสนไปอย่างสบายๆ แถมเป็นยอดติดตามแบบ“ธรรมชาติ” ยังไม่ผ่านการตีปิ๊บ “บูทโพสต์-ซื้อไลค์”อะไรด้วยซ้ำ .. แรงกระชุ่นอย่างดี คงเป็นการเปิดเผยของ “เสี่ยบี”พุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ รองเลขานายกฯ ที่ยืนยันว่าเพจนี้ของจริง “นายกฯตู่”เป็นหนึ่งในแอดมินเองเสียด้วย .. ยิ่งในโพสต์เปิดตัวทิ้งท้าย“ต้องการแลกเปลี่ยนความคิดเห็น เขียนเล่าสู่กันฟังได้ครับ”เรียกแขกได้เป็นอย่างดี .. ทั้งโพสต์หน้าเพจ ทั้งคอมเมนต์ใต้ภาพ กลายเป็น“ศูนย์รวมความบันเทิง”แห่งใหม่ .. “กองแช่ง - กองชัง”ดาหน้ามาคอมเมนต์แซะ-คอมเมนต์ด่ากันสนุกสนาน แว่วว่า “ทีมงานลุงตู่”ต้องไล่ลบกันวุ่น สาบสูญหลายพันความเห็น .. มองผิวเผินในแง่ “ปริมาณ”ผู้ติดตามก็โอเคอยู่หรอก แต่เรื่อง “คุณภาพ”ลงลึกในเนื้อหา ก็ย้ำอีกทีว่า “น่าเป็นห่วง”..
เพราะต้องยอมรับว่า กองเชียร์พอมี แต่กองแช่ง-กองชัง เยอะกว่าหลายเท่า .. ยามปกติยังกระหึ่มขนาดนี้ เกิดมี “ประเด็นดรามา”จากตัวนายกฯ หรือนโยบายรัฐบาลขึ้นมา จาก“บันเทิง”จะเป็น “บรรลัย”ได้ง่ายๆ .. จนมีคำถามว่า คนอ่อนไหวทางอารมณ์อย่าง“ลุงตู่”จะ “ทนได้สักกี่น้ำ”ด้วยเปิดตัวว่า เป็นแอดมินเอง มอร์นิเตอร์ด้วยตัวเอง .. จะทำเป็นตีมึน เมินกระแส ไม่สนขาแซะ สรุปเอาว่า“ส่วนใหญ่เขียนเอาสนุก”อย่างโพสต์ขอบคุณล่าสุดไปได้นานแค่ไหน .. ก็ดูอย่างที่ผ่านมา “บิ๊กตู่”ใช้บัญชีแฝง แปลงกลายเป็น“นักท่องโซเชียล”ยังเก็บมาเป็นอารมณ์บูดบึ้งออกสื่อเป็นประจำ .. ถึงขนาดออกตัวว่า ค้นพบวิถีความสุข ต้องไม่เล่นเฟซบุ๊ก ไม่ดูโซเชียล ให้หงุดหงิดหัวใจ .. สำคัญที่งวดนี้ “ทีมลุงตู่”เลือกปูพรมเปิดแนวรบโซเชียลทุกแพลตฟอร์ม เฟซบุ๊ก-เวบไซต์-อินสตาแกรม-ทวิตเตอร์ .. เป็นที่รู้กันในสังคมออนไลน์ว่า สมรภูมิ “เฟซบุ๊ก” แม้ดูจะเป็นที่นิยมสูงสุดในเมืองไทย แต่ก็เป็น“สนามเด็กเล่น”ไปเลยเมื่อเทียบกับ“ทวิตเตอร์”.. ด้วย “โลกทวิตเตอร์”หรือที่เรียกขานกัน “ทวีตภพ”นั้น เป็นศูนย์รวม“โซเชียลสายดาร์ก”ที่ทำให้เฟซบุ๊ก ดูใสๆไปเลย .. แค่เปิดหัวทวีตแรก “สวัสดีพี่น้องประชาชนที่รัก…”ยอดรีทวีตถล่มทลาย เหยียบหมื่น แบบที่เรียกว่า “ร้อยละ 90”ย้อนศร สร้อยข้อความ “เชิงลบ”ทั้งสิ้น .. ยิ่งลองเข้าไปไล่ดูรายชื่อฟอลโลเวอร์ ที่เรียกว่า“หัวหมู่กองชังทหาร”ประเภท “ตัวเจ็บ-ตัวจี๊ด”ลับมีดรอจังหวะอยู่อื้อ .. จะให้ดีควรให้ทีมงานสกรีนคอมเมนต์ ให้เหมือนเดิม หรือถ้าอย่ากอ่านเอง “ลุงตู่”ควรเตรียมยาดม-ยาหม่องไว้ให้พร้อม น่ากลัวความดันจะพุ่งปรึ๊ดเฉียบพลัน .. บอกเลย“แถวนี้มันเถื่อน ไม่แน่จริงอยู่ไม่ได้”
**เดือดร้อนกันถ้วนหน้า!! “พานทองแท้”โวยวายไม่เลิก โดนฟ้องรับเงินปากถุง ทีคนอื่นไม่เห็นจะโดน ก็คนอื่นเขาพิสูจน์เส้นทางการเงินจนเจ้าพนักงานสิ้นสงสัยหมดแล้ว เหลือแต่“เครือข่ายบิ๊กบอส”ที่ฟังไม่ค่อยขึ้น ลือกระฉ่อน อัยการสั่งไม่ฟ้อง“พ่อผู้พันปุ่น”รับเช็คเงินกู้กรุงไทย 172 ล้านบาท ร้อนถึง “อธิบดีดีเอสไอ”ออกมาย้ำ คดียังอยู่ในเส้นทาง
โวยวายไม่เลิก .. คิวที่“เสี่ยโอ๊ค”พานทองแท้ ชินวัตร ลูกบิ๊กบอส ตกร่องเป็น “ผู้ต้องหา”ถูกอัยการสั่งฟ้องคดีร่วมกันฟอกเงินทุจริตปล่อยกู้ธนาคารกรุงไทย ให้กลุ่มกฤษดามหานคร .. ขุดเอาวาทกรรมเก่าเก็บ “ไม่ได้รับความเป็นธรรม”แตกต่างจาก “บุคคลอื่นอีกร้อยกว่าราย”ที่ทำธุรกรรมการเงินในลักษณะเดียวกัน-เงินก้อนเดียวกัน แต่ไม่โดนคดี .. ก็อยากให้อ่านช้าๆ เอาให้ชัดๆ “บุคคล-นิติบุคคล”ที่รับเช็คจาก วิชัย กฤษดาธานนท์ และผู้บริหารเครือกฤษดามหานคร ในห้วงเวลานั้น มีทั้งหมดกว่า 190 ราย .. ใน 190 ราย “ส่วนใหญ่”มีหลักฐานพิสูจน์มูลหนี้-เหตุผลการจ่ายเงิน ที่พิสูจน์จนเจ้าพนักงานสิ้นสงสัย .. “ดีเอสไอ”สรุปสำนวน มีความเห็น“สั่งไม่ฟ้อง”เสนอให้อัยการฝ่ายคดีพิเศษ จบไปแล้ว .. มีเพียง “ส่วนน้อย”เท่านั้นที่มีพิรุธ ชี้แจงถึงที่มาที่ไปไม่ได้ หรือชี้แจงแล้ว เจ้าพนักงานเห็นว่า“ฟังไม่ขึ้น” ..ขอเสริมท่านอธิบดีฯ นิด บังเอิญว่า “ส่วนน้อย”ที่ว่านั้น ดันเป็น“เครือข่ายบิ๊กบอส” ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ในขณะนั้นพอดี .. “ส่วนน้อย”ที่ว่าประกอบด้วย 4 ราย ได้แก่ “พานทองแท้”ลูกชายทักษิณ รับเช็คจาก “เสี่ยวิชัย”และ รัชฎา กฤษดาธานนท์ ลูกเสี่ยวิชัย อ้างว่าชำระค่าหุ้น และร่วมลงทุน .. 2. กาญจนาภา หงส์เหิน เลขาฯ ส่วนตัวคุณหญิงพจมาน ดามาพงษ์ และวันชัย หงส์เหิน สามีกาญจนาภา กรณีรับเช็ค 26 ล้านบาท .. 3. มานพ ทิวารี รับเช็คจากบริษัทในเครือกฤษดามหานคร 172 ล้านบาท อ้างว่ายืม“เสี่ยวิชัย”เพื่อเข้าซื้อหุ้นกฤษดามหานคร .. และ 4. บริษัท ฮาวคัม จำกัด และบริษัท มาสเตอร์โฟน จำกัด ที่ “ลูกเสี่ยวิชัย”นำเงินจากเงินกู้กรุงไทย ไปซื้อหุ้นจอง AOTแล้วมาขายให้กับพนักงาน“ฮาวคัมฯ-มาสเตอร์โฟนฯ”ที่เป็นของ“พานทองแท้”..
เป็น 4 กรณี ที่แม้จะพยายามชี้แจง “เส้นทางการเงิน”ในลักษณะ “ชำระหนี้ต่อกัน”แล้ว แต่เจ้าหน้าที่ก็ “แย้ง”และเห็นว่าพัวพัน“คดีใหญ่”ที่เป็นคดีทุจริตในลักษณะ “เงินปากถุง”..พอท้วงกันหนักว่า ทำไมคนอื่นไม่โดนด้วย แล้วลือกันไปว่า สำนวนของ “มานพ ทิวารี”นั้น “อัยการสั่งไม่ฟ้อง” ..ร้อนถึงเจ้าของเรื่องอย่างดีเอสไอ โดยพ.ต.อ.ไพสิฐ วงศ์เมือง อธิบดี ต้องออกมาชี้แจง .. ระบุว่า คดีของ “มานพ”บิดาของ “ผู้พันปุ่น”น.ต.ศิธา ทิวารี อดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย เพื่อนซี๊ ก๊วนเดียวกับ “พานทองแท้”นั้น .. พนักงานสอบสวนดีเอสไอ มีความเห็น “สมควรสั่งฟ้อง”สรุปพร้อมความเห็นไปให้พนักงานอัยการฝ่ายคดีพิเศษพิจารณาสั่งคดีแล้ว .. ถึงขณะนี้ อัยการยังไม่มีความเห็นทางคดี และไม่ได้สั่งให้สอบสวนเพิ่มเติม .. ว่ากันว่า น่าจะไปในทิศทางเดียวกับคดี “ลูกบิ๊กบอส-เลขาฯนายหญิง”นั่นแหละ .. ท่อนท้ายนี่ “อธิบดีดีเอสไอ”ไม่ได้กล่าวไว้นะจ๊ะ
**ตกปลาในบ่อเพื่อน!! “ลิ่วล้อเพื่อไทย”ดูดไม่ค่อยขึ้น “ไดโว่ประชารัฐ”ย้ายวิกสอย“ผู้แทนค่ายสะตอ”เข้าทางสามเกลอ “ณัฏฐพล-พุทธิพงษ์-สกลธี” สุมพาวเวอร์ สร้างมุ้งต่อรองเก้าอี้หลังเลือกตั้ง เสียตรงบารมีไม่ถึง ดูดส.ส.กทม.ไม่ขึ้น เลยเก็บ 3 อดีตส.ก. มาแก้เกี้ยว แล้วยังดูด สะเปะสะปะ ไปทับพื้นที่ สระบุรี จน“ลูกปองพล”โวยวาย
ติดเครื่องต่อเนื่อง .. “พลังดูดประชารัฐ”แต่ก็ดูจะเพลาๆ เป้าหมายทางฝั่ง“เพื่อไทย”ไปบ้างแล้ว .. ด้วยที่ดูดๆ มาจาก “ค่ายแม้ว”ส่วนใหญ่ “ของปลอมทำเหมือน”คะแนนในพื้นที่ไม่ได้มากมาย อาศัย “กระแสพรรค”เหาะเข้าสภาซะมากกว่า .. แถมยังโลเล หลายใจ ใครควักก็พร้อมไปกับเขาทั่ว พอเปย์ไม่ได้ขนาด ก็เปิดก้น เผ่นกลับเข้าคอกเดิมก็มี .. ได้มาบ้างก็พวก“อดีตผู้บริหารท้องถิ่น” ส่วน“ดาวฤกษ์-เกรดเอ”ก็เจอประเภท “ลอดช่อง”ดูดไม่ค่อยขึ้น .. หลายคนพื้นที่ เหนือ-อีสาน กลัวต้านทาน“กระแสทักษิณ”ไม่ได้ ทำเอาหัวหด ขออยู่พรรคเดิม มุด“คอมฟอร์ตโซน”ต่อไป .. พอดูด“เพื่อ แม้ว”ไม่ค่อยเข้าเป้า ก็ย้ายวิกมาไล่เก็บจากฝั่ง“ประชาธิปัตย์”แทน .. ก่อนหน้านี้ก็กระชากตัวเด็ดไปได้หลายพื้นที่ โดยเฉพาะโซนตะวันออก ที่ได้อานิสงส์ จาก“เขตเศรษฐกิจอีอีซี”..ทั้ง สรวุฒิ เนื่องจำนงค์ อดีต ส.ส.ชลบุรี พล.ต.ท.พิทักษ์ จารุสมบัติ อดีต ส.ส.ฉะเชิงเทรา บุญเลิศ ไพรินทร์ อดีต ส.ส.ฉะเชิงเทรา วิชัย ล้ำสุทธิ อดีต ส.ส.ระยอง .. 4 อดีตผู้แทนฯ ประชาธิปัตย์ ที่แจ้งความจำนงค์จะไปร่วม “กลุ่มสามมิตร”ของ สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ-สมศักดิ์ เทพสุทิน-อนุชา นาคาศัย .. ทว่ากลับกลายเป็น “3ลูกกรอก กปปส.”เที่ยวไปเคลมทั่วว่า เป็นฝีมือการดูดของก๊วนตัวเอง ตามสูตร “ตกปลาในบ่อเพื่อน”ไล่ชักชวนเพื่อร่วมสังกัดเก่ามาร่วมกับ“พลังประชารัฐ”..
ด้วย “ก๊วน 3 ลูกกรอก”อันได้แก่ “เสี่ยตั้น”ณัฏฐพล ทีปสุวรรณ ดีกรี อดีต ผอ.พรรคประชาธิปัตย์ “เสี่ยบี”พุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ เลขาฯนายกฯ “เสี่ยจั๊ม”สกลธี ภัททิยกุล รองผู้ว่าฯ กทม. ที่ได้ตำแหน่งใหญ่ในรัฐบาลนี้ รวมถึงตำแหน่งใหญ่ในพรรค .. ต่างตั้งตัวเป็น“กุนซือใหญ่ประชารัฐ”เบ่งกล้าม แสดงพาวเวอร์ หวังสุมกำลังสร้าง “มุ้ง”ไว้ต่อรองเก้าอี้รัฐมนตรี หลังเลือกตั้ง .. ใครไปใครมา ก็“เคลม”ว่าทีมตัวเองมีส่วนทาบทามทั้งสิ้น สวนทางความจริง ที่แทบจะยังไม่มีใครติดเบ็ด “สามเกลอ”เลย .. ว่ากันว่า “เสี่ยตั้น-เสี่ยบี-เสี่ยจั้ม”เที่ยวไปคุยโวกับ “บิ๊กประชารัฐ”กางแผนไล่ดูด อดีตผู้แทนภาคเหนือ-กลาง-กทม. ของอดีตต้นสังกัดมาได้เป็นกอบเป็นกำ .. แต่เผอิญ “เครดิต”แต่ละหน่อยังไม่เข้าขั้น ถูกมองว่าเป็น“เด็กรุ่นหลัง”พื้นที่ตัวเองยังเอาตัวแทบไม่รอด ครั้นจะไปดูดระดับ ส.ส.ของค่ายสีฟ้า ก็คงยาก .. โดยเฉพาะในพื้นที่กทม.ที่แต่ละคนต่างก็ฐานเสียงแน่น ไม่ต้องพึงอานิสงส์ ของ“สามเกลอ”แต่ประการใด .. ล่าสุด “แก้เกี้ยว”ไปไล่เก็บ 3 อดีต ส.ก. มาได้ ประกอบด้วย “กานต์กนิษฐ์ แห้วสันตติ - กรณิศ งามสุคนธ์รัตนา - กนกนุช กลิ่นสังข์”มากู้หน้าไปก่อน .. ขณะที่ระดับ ส.ส.พูดได้คำเดียวว่า “ยากส์”คราวนี้ก็เลยหันไปหาผู้แทนภูธรบ้าง ไม่รู้คิดยังไง ดันไปจีบ“เจ๊นก”กัลยา รุ่งวิจิตรชัย อดีต ส.ส.สระบุรี พรรคประชาธิปัตย์ .. ทำเอา “เสี่ยปาล์ม”ร.ต.ปรพล อดิเรกสาร ทายาท ปองพล อดิเรกสาร ที่มาเช็กชื่อเป็นผู้ร่วมก่อตั้งพรรคพลังประชารัฐ แต่ต้น ถึงกับฉุนขาด .. ด้วย“เจ๊นก-เสี่ยปาล์ม”ถือเป็นคู่แข่งในพื้นที่ตัวเมืองสระบุรีมาโดยตลอด จู่ๆไปดึงมาอยู่พรรคเดียวกัน เข้าทำนองเสือสองตัวอยู่ถ้ำเดียวกันไม่ได้ .. แม้รอบนี้ “เสี่ยปาล์ม”จะแจ้งแล้วว่า ไม่ลงเอง แต่ก็ได้เตรียมตัวผู้สมัครไว้เรียบร้อยแล้ว อีกทั้งได้รับการรับรองจาก“บิ๊กประชารัฐ”แล้วด้วย .. ก้มหน้าก้มตาจะสร้างแต่พาวเวอร์ตัวเอง จนไม่สนใจคนอื่น ไม่รีบจูนกันให้ติด ระวังจะเสียการใหญ่
ช.ชฎา
-----------
รูป
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา
พานทองแท้ ชินวัตร - มานพ ทิวารี
พุทธิพงษ์ ปุณณกันต์- สกลธี ภัททิยกุล - ณัฏฐพล ทีปสุวรรณ - ร.ต.ปรพล อดิเรกสาร
**แถวนี้มันเถื่อน ไม่แน่จริงอยู่ไม่ได้!! “ลุงตู่”ลงสมรภูมิโซเชียล เจอ“กองแช่ง - กองชัง”ดาหน้ารับน้อง ข้ามวันยอดไลค์ แฟนเพจทะลุแสน กลายเป็น “ศูนย์รวมความบันเทิง”คอมเมนต์ แซะ-ด่ากระจาย ทีมงานไล่ลบวุ่น สาบสูญหลายพันเมนต์ “เฟสบุ๊ก”ยังแค่เด็กๆ ของจริงต้อง“ทวีตภพ”ที่ “ตัวเจ็บ-ตัวจี๊ด”เรียงหน้ามาเป็นฟอลโลเวอร์ ลับมีดรอแล้ว
เปรี้ยงปร้างอย่างใจหวัง .. ยอดไลค์-ยอดแชร์ แฟนเพจ“ประยุทธ์ จันทร์โอชา Prayut Chan-o-cha”เพจอย่างเป็นทางการ (ส่วนตัว) ของ “ลุงตู่”พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ถล่มทลาย .. เผลอแพรบเดียว ทะยานผ่านหลักแสนไปอย่างสบายๆ แถมเป็นยอดติดตามแบบ“ธรรมชาติ” ยังไม่ผ่านการตีปิ๊บ “บูทโพสต์-ซื้อไลค์”อะไรด้วยซ้ำ .. แรงกระชุ่นอย่างดี คงเป็นการเปิดเผยของ “เสี่ยบี”พุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ รองเลขานายกฯ ที่ยืนยันว่าเพจนี้ของจริง “นายกฯตู่”เป็นหนึ่งในแอดมินเองเสียด้วย .. ยิ่งในโพสต์เปิดตัวทิ้งท้าย“ต้องการแลกเปลี่ยนความคิดเห็น เขียนเล่าสู่กันฟังได้ครับ”เรียกแขกได้เป็นอย่างดี .. ทั้งโพสต์หน้าเพจ ทั้งคอมเมนต์ใต้ภาพ กลายเป็น“ศูนย์รวมความบันเทิง”แห่งใหม่ .. “กองแช่ง - กองชัง”ดาหน้ามาคอมเมนต์แซะ-คอมเมนต์ด่ากันสนุกสนาน แว่วว่า “ทีมงานลุงตู่”ต้องไล่ลบกันวุ่น สาบสูญหลายพันความเห็น .. มองผิวเผินในแง่ “ปริมาณ”ผู้ติดตามก็โอเคอยู่หรอก แต่เรื่อง “คุณภาพ”ลงลึกในเนื้อหา ก็ย้ำอีกทีว่า “น่าเป็นห่วง”..
เพราะต้องยอมรับว่า กองเชียร์พอมี แต่กองแช่ง-กองชัง เยอะกว่าหลายเท่า .. ยามปกติยังกระหึ่มขนาดนี้ เกิดมี “ประเด็นดรามา”จากตัวนายกฯ หรือนโยบายรัฐบาลขึ้นมา จาก“บันเทิง”จะเป็น “บรรลัย”ได้ง่ายๆ .. จนมีคำถามว่า คนอ่อนไหวทางอารมณ์อย่าง“ลุงตู่”จะ “ทนได้สักกี่น้ำ”ด้วยเปิดตัวว่า เป็นแอดมินเอง มอร์นิเตอร์ด้วยตัวเอง .. จะทำเป็นตีมึน เมินกระแส ไม่สนขาแซะ สรุปเอาว่า“ส่วนใหญ่เขียนเอาสนุก”อย่างโพสต์ขอบคุณล่าสุดไปได้นานแค่ไหน .. ก็ดูอย่างที่ผ่านมา “บิ๊กตู่”ใช้บัญชีแฝง แปลงกลายเป็น“นักท่องโซเชียล”ยังเก็บมาเป็นอารมณ์บูดบึ้งออกสื่อเป็นประจำ .. ถึงขนาดออกตัวว่า ค้นพบวิถีความสุข ต้องไม่เล่นเฟซบุ๊ก ไม่ดูโซเชียล ให้หงุดหงิดหัวใจ .. สำคัญที่งวดนี้ “ทีมลุงตู่”เลือกปูพรมเปิดแนวรบโซเชียลทุกแพลตฟอร์ม เฟซบุ๊ก-เวบไซต์-อินสตาแกรม-ทวิตเตอร์ .. เป็นที่รู้กันในสังคมออนไลน์ว่า สมรภูมิ “เฟซบุ๊ก” แม้ดูจะเป็นที่นิยมสูงสุดในเมืองไทย แต่ก็เป็น“สนามเด็กเล่น”ไปเลยเมื่อเทียบกับ“ทวิตเตอร์”.. ด้วย “โลกทวิตเตอร์”หรือที่เรียกขานกัน “ทวีตภพ”นั้น เป็นศูนย์รวม“โซเชียลสายดาร์ก”ที่ทำให้เฟซบุ๊ก ดูใสๆไปเลย .. แค่เปิดหัวทวีตแรก “สวัสดีพี่น้องประชาชนที่รัก…”ยอดรีทวีตถล่มทลาย เหยียบหมื่น แบบที่เรียกว่า “ร้อยละ 90”ย้อนศร สร้อยข้อความ “เชิงลบ”ทั้งสิ้น .. ยิ่งลองเข้าไปไล่ดูรายชื่อฟอลโลเวอร์ ที่เรียกว่า“หัวหมู่กองชังทหาร”ประเภท “ตัวเจ็บ-ตัวจี๊ด”ลับมีดรอจังหวะอยู่อื้อ .. จะให้ดีควรให้ทีมงานสกรีนคอมเมนต์ ให้เหมือนเดิม หรือถ้าอย่ากอ่านเอง “ลุงตู่”ควรเตรียมยาดม-ยาหม่องไว้ให้พร้อม น่ากลัวความดันจะพุ่งปรึ๊ดเฉียบพลัน .. บอกเลย“แถวนี้มันเถื่อน ไม่แน่จริงอยู่ไม่ได้”
**เดือดร้อนกันถ้วนหน้า!! “พานทองแท้”โวยวายไม่เลิก โดนฟ้องรับเงินปากถุง ทีคนอื่นไม่เห็นจะโดน ก็คนอื่นเขาพิสูจน์เส้นทางการเงินจนเจ้าพนักงานสิ้นสงสัยหมดแล้ว เหลือแต่“เครือข่ายบิ๊กบอส”ที่ฟังไม่ค่อยขึ้น ลือกระฉ่อน อัยการสั่งไม่ฟ้อง“พ่อผู้พันปุ่น”รับเช็คเงินกู้กรุงไทย 172 ล้านบาท ร้อนถึง “อธิบดีดีเอสไอ”ออกมาย้ำ คดียังอยู่ในเส้นทาง
โวยวายไม่เลิก .. คิวที่“เสี่ยโอ๊ค”พานทองแท้ ชินวัตร ลูกบิ๊กบอส ตกร่องเป็น “ผู้ต้องหา”ถูกอัยการสั่งฟ้องคดีร่วมกันฟอกเงินทุจริตปล่อยกู้ธนาคารกรุงไทย ให้กลุ่มกฤษดามหานคร .. ขุดเอาวาทกรรมเก่าเก็บ “ไม่ได้รับความเป็นธรรม”แตกต่างจาก “บุคคลอื่นอีกร้อยกว่าราย”ที่ทำธุรกรรมการเงินในลักษณะเดียวกัน-เงินก้อนเดียวกัน แต่ไม่โดนคดี .. ก็อยากให้อ่านช้าๆ เอาให้ชัดๆ “บุคคล-นิติบุคคล”ที่รับเช็คจาก วิชัย กฤษดาธานนท์ และผู้บริหารเครือกฤษดามหานคร ในห้วงเวลานั้น มีทั้งหมดกว่า 190 ราย .. ใน 190 ราย “ส่วนใหญ่”มีหลักฐานพิสูจน์มูลหนี้-เหตุผลการจ่ายเงิน ที่พิสูจน์จนเจ้าพนักงานสิ้นสงสัย .. “ดีเอสไอ”สรุปสำนวน มีความเห็น“สั่งไม่ฟ้อง”เสนอให้อัยการฝ่ายคดีพิเศษ จบไปแล้ว .. มีเพียง “ส่วนน้อย”เท่านั้นที่มีพิรุธ ชี้แจงถึงที่มาที่ไปไม่ได้ หรือชี้แจงแล้ว เจ้าพนักงานเห็นว่า“ฟังไม่ขึ้น” ..ขอเสริมท่านอธิบดีฯ นิด บังเอิญว่า “ส่วนน้อย”ที่ว่านั้น ดันเป็น“เครือข่ายบิ๊กบอส” ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ในขณะนั้นพอดี .. “ส่วนน้อย”ที่ว่าประกอบด้วย 4 ราย ได้แก่ “พานทองแท้”ลูกชายทักษิณ รับเช็คจาก “เสี่ยวิชัย”และ รัชฎา กฤษดาธานนท์ ลูกเสี่ยวิชัย อ้างว่าชำระค่าหุ้น และร่วมลงทุน .. 2. กาญจนาภา หงส์เหิน เลขาฯ ส่วนตัวคุณหญิงพจมาน ดามาพงษ์ และวันชัย หงส์เหิน สามีกาญจนาภา กรณีรับเช็ค 26 ล้านบาท .. 3. มานพ ทิวารี รับเช็คจากบริษัทในเครือกฤษดามหานคร 172 ล้านบาท อ้างว่ายืม“เสี่ยวิชัย”เพื่อเข้าซื้อหุ้นกฤษดามหานคร .. และ 4. บริษัท ฮาวคัม จำกัด และบริษัท มาสเตอร์โฟน จำกัด ที่ “ลูกเสี่ยวิชัย”นำเงินจากเงินกู้กรุงไทย ไปซื้อหุ้นจอง AOTแล้วมาขายให้กับพนักงาน“ฮาวคัมฯ-มาสเตอร์โฟนฯ”ที่เป็นของ“พานทองแท้”..
เป็น 4 กรณี ที่แม้จะพยายามชี้แจง “เส้นทางการเงิน”ในลักษณะ “ชำระหนี้ต่อกัน”แล้ว แต่เจ้าหน้าที่ก็ “แย้ง”และเห็นว่าพัวพัน“คดีใหญ่”ที่เป็นคดีทุจริตในลักษณะ “เงินปากถุง”..พอท้วงกันหนักว่า ทำไมคนอื่นไม่โดนด้วย แล้วลือกันไปว่า สำนวนของ “มานพ ทิวารี”นั้น “อัยการสั่งไม่ฟ้อง” ..ร้อนถึงเจ้าของเรื่องอย่างดีเอสไอ โดยพ.ต.อ.ไพสิฐ วงศ์เมือง อธิบดี ต้องออกมาชี้แจง .. ระบุว่า คดีของ “มานพ”บิดาของ “ผู้พันปุ่น”น.ต.ศิธา ทิวารี อดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย เพื่อนซี๊ ก๊วนเดียวกับ “พานทองแท้”นั้น .. พนักงานสอบสวนดีเอสไอ มีความเห็น “สมควรสั่งฟ้อง”สรุปพร้อมความเห็นไปให้พนักงานอัยการฝ่ายคดีพิเศษพิจารณาสั่งคดีแล้ว .. ถึงขณะนี้ อัยการยังไม่มีความเห็นทางคดี และไม่ได้สั่งให้สอบสวนเพิ่มเติม .. ว่ากันว่า น่าจะไปในทิศทางเดียวกับคดี “ลูกบิ๊กบอส-เลขาฯนายหญิง”นั่นแหละ .. ท่อนท้ายนี่ “อธิบดีดีเอสไอ”ไม่ได้กล่าวไว้นะจ๊ะ
**ตกปลาในบ่อเพื่อน!! “ลิ่วล้อเพื่อไทย”ดูดไม่ค่อยขึ้น “ไดโว่ประชารัฐ”ย้ายวิกสอย“ผู้แทนค่ายสะตอ”เข้าทางสามเกลอ “ณัฏฐพล-พุทธิพงษ์-สกลธี” สุมพาวเวอร์ สร้างมุ้งต่อรองเก้าอี้หลังเลือกตั้ง เสียตรงบารมีไม่ถึง ดูดส.ส.กทม.ไม่ขึ้น เลยเก็บ 3 อดีตส.ก. มาแก้เกี้ยว แล้วยังดูด สะเปะสะปะ ไปทับพื้นที่ สระบุรี จน“ลูกปองพล”โวยวาย
ติดเครื่องต่อเนื่อง .. “พลังดูดประชารัฐ”แต่ก็ดูจะเพลาๆ เป้าหมายทางฝั่ง“เพื่อไทย”ไปบ้างแล้ว .. ด้วยที่ดูดๆ มาจาก “ค่ายแม้ว”ส่วนใหญ่ “ของปลอมทำเหมือน”คะแนนในพื้นที่ไม่ได้มากมาย อาศัย “กระแสพรรค”เหาะเข้าสภาซะมากกว่า .. แถมยังโลเล หลายใจ ใครควักก็พร้อมไปกับเขาทั่ว พอเปย์ไม่ได้ขนาด ก็เปิดก้น เผ่นกลับเข้าคอกเดิมก็มี .. ได้มาบ้างก็พวก“อดีตผู้บริหารท้องถิ่น” ส่วน“ดาวฤกษ์-เกรดเอ”ก็เจอประเภท “ลอดช่อง”ดูดไม่ค่อยขึ้น .. หลายคนพื้นที่ เหนือ-อีสาน กลัวต้านทาน“กระแสทักษิณ”ไม่ได้ ทำเอาหัวหด ขออยู่พรรคเดิม มุด“คอมฟอร์ตโซน”ต่อไป .. พอดูด“เพื่อ แม้ว”ไม่ค่อยเข้าเป้า ก็ย้ายวิกมาไล่เก็บจากฝั่ง“ประชาธิปัตย์”แทน .. ก่อนหน้านี้ก็กระชากตัวเด็ดไปได้หลายพื้นที่ โดยเฉพาะโซนตะวันออก ที่ได้อานิสงส์ จาก“เขตเศรษฐกิจอีอีซี”..ทั้ง สรวุฒิ เนื่องจำนงค์ อดีต ส.ส.ชลบุรี พล.ต.ท.พิทักษ์ จารุสมบัติ อดีต ส.ส.ฉะเชิงเทรา บุญเลิศ ไพรินทร์ อดีต ส.ส.ฉะเชิงเทรา วิชัย ล้ำสุทธิ อดีต ส.ส.ระยอง .. 4 อดีตผู้แทนฯ ประชาธิปัตย์ ที่แจ้งความจำนงค์จะไปร่วม “กลุ่มสามมิตร”ของ สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ-สมศักดิ์ เทพสุทิน-อนุชา นาคาศัย .. ทว่ากลับกลายเป็น “3ลูกกรอก กปปส.”เที่ยวไปเคลมทั่วว่า เป็นฝีมือการดูดของก๊วนตัวเอง ตามสูตร “ตกปลาในบ่อเพื่อน”ไล่ชักชวนเพื่อร่วมสังกัดเก่ามาร่วมกับ“พลังประชารัฐ”..
ด้วย “ก๊วน 3 ลูกกรอก”อันได้แก่ “เสี่ยตั้น”ณัฏฐพล ทีปสุวรรณ ดีกรี อดีต ผอ.พรรคประชาธิปัตย์ “เสี่ยบี”พุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ เลขาฯนายกฯ “เสี่ยจั๊ม”สกลธี ภัททิยกุล รองผู้ว่าฯ กทม. ที่ได้ตำแหน่งใหญ่ในรัฐบาลนี้ รวมถึงตำแหน่งใหญ่ในพรรค .. ต่างตั้งตัวเป็น“กุนซือใหญ่ประชารัฐ”เบ่งกล้าม แสดงพาวเวอร์ หวังสุมกำลังสร้าง “มุ้ง”ไว้ต่อรองเก้าอี้รัฐมนตรี หลังเลือกตั้ง .. ใครไปใครมา ก็“เคลม”ว่าทีมตัวเองมีส่วนทาบทามทั้งสิ้น สวนทางความจริง ที่แทบจะยังไม่มีใครติดเบ็ด “สามเกลอ”เลย .. ว่ากันว่า “เสี่ยตั้น-เสี่ยบี-เสี่ยจั้ม”เที่ยวไปคุยโวกับ “บิ๊กประชารัฐ”กางแผนไล่ดูด อดีตผู้แทนภาคเหนือ-กลาง-กทม. ของอดีตต้นสังกัดมาได้เป็นกอบเป็นกำ .. แต่เผอิญ “เครดิต”แต่ละหน่อยังไม่เข้าขั้น ถูกมองว่าเป็น“เด็กรุ่นหลัง”พื้นที่ตัวเองยังเอาตัวแทบไม่รอด ครั้นจะไปดูดระดับ ส.ส.ของค่ายสีฟ้า ก็คงยาก .. โดยเฉพาะในพื้นที่กทม.ที่แต่ละคนต่างก็ฐานเสียงแน่น ไม่ต้องพึงอานิสงส์ ของ“สามเกลอ”แต่ประการใด .. ล่าสุด “แก้เกี้ยว”ไปไล่เก็บ 3 อดีต ส.ก. มาได้ ประกอบด้วย “กานต์กนิษฐ์ แห้วสันตติ - กรณิศ งามสุคนธ์รัตนา - กนกนุช กลิ่นสังข์”มากู้หน้าไปก่อน .. ขณะที่ระดับ ส.ส.พูดได้คำเดียวว่า “ยากส์”คราวนี้ก็เลยหันไปหาผู้แทนภูธรบ้าง ไม่รู้คิดยังไง ดันไปจีบ“เจ๊นก”กัลยา รุ่งวิจิตรชัย อดีต ส.ส.สระบุรี พรรคประชาธิปัตย์ .. ทำเอา “เสี่ยปาล์ม”ร.ต.ปรพล อดิเรกสาร ทายาท ปองพล อดิเรกสาร ที่มาเช็กชื่อเป็นผู้ร่วมก่อตั้งพรรคพลังประชารัฐ แต่ต้น ถึงกับฉุนขาด .. ด้วย“เจ๊นก-เสี่ยปาล์ม”ถือเป็นคู่แข่งในพื้นที่ตัวเมืองสระบุรีมาโดยตลอด จู่ๆไปดึงมาอยู่พรรคเดียวกัน เข้าทำนองเสือสองตัวอยู่ถ้ำเดียวกันไม่ได้ .. แม้รอบนี้ “เสี่ยปาล์ม”จะแจ้งแล้วว่า ไม่ลงเอง แต่ก็ได้เตรียมตัวผู้สมัครไว้เรียบร้อยแล้ว อีกทั้งได้รับการรับรองจาก“บิ๊กประชารัฐ”แล้วด้วย .. ก้มหน้าก้มตาจะสร้างแต่พาวเวอร์ตัวเอง จนไม่สนใจคนอื่น ไม่รีบจูนกันให้ติด ระวังจะเสียการใหญ่
ช.ชฎา
-----------
รูป
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา
พานทองแท้ ชินวัตร - มานพ ทิวารี
พุทธิพงษ์ ปุณณกันต์- สกลธี ภัททิยกุล - ณัฏฐพล ทีปสุวรรณ - ร.ต.ปรพล อดิเรกสาร