ผู้สื่อข่าวรายงาน กรณี นายธรรมวิชญ์ และ นายอัฏฐพล โพธิพิพิธ บุตรชายของ นายประชา โพธิพิพิธ หรือ กำนันเซียะ อดีตส.ส.กาญจนบุรี พรรคประชาธิปัตย์ ถูกดูดไปร่วมงานการเมืองกับ พรรคพลังประชารัฐ ว่า กรณีดังกล่าวมีการเจรจาโดยใช้เงื่อนไขคดีบุกรุกที่ดินราชพัสดุจังหวัดกาญจนบุรี ถึงราชบุรี ของนายประชา ที่ศาลฎีกาตัดสินจำคุก 2 ปี 8 เดือน และหลบหนีไปอยู่ในประเทศเพื่อนบ้าน
โดยรายงานข่าวอ้างว่ามีการยื่นข้อเสนอผ่าน"ซ้อเขม" หรือ นางเขมพร ต่างใจเย็น ภรรยากำนันเซียะ ที่หลบหนีไปพร้อมกับสามีว่าผู้ใหญ่ในพรรคพลังประชารัฐ ตั้งเป้าจะปักธงที่กาญจนบุรีให้ได้ ใช้เวลาประสานนานกว่าสองสัปดาห์ ให้นายธรรมวิชญ์ และนายอัฏฐพล ตัดสินใจ ให้ทำเพื่อพ่อจะได้กลับมารักษาตัวระหว่างรับโทษในประเทศไทย
อีกทั้งกำนันเซียะ อยากกลับเมืองไทยเพราะสูงอายุแล้ว และมีโรคประจำตัว ซึ่งมีการอ้างถึงผู้มีอำนาจว่า จะช่วยดูแลให้ในลักษณะเดียวกับนายสมชาย คุณปลื้ม หรือ กำนันเป๊าะ ที่ได้รับการพักโทษไปก่อนหน้านี้ ก่อนที่กลุ่มพรรคพลังชล ของนายสนธยา คุณปลื้ม บุตรชาย จะเข้าซบพลังประชารัฐ ทำให้บุตรชายกำนันเซียะทั้งสองคน จำเป็นต้องย้ายไปสังกัดพรคพลังประชารัฐ โดยได้แจ้งให้ นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน อดีตเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ ที่บุคคลทั้งสอง ให้ความเคารพ รับทราบเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา
นอกจากนี้ ยังมีความพยายามที่จะดูด อดีต ส.ส.กาญจนบุรี พรรคประชาธิปัตย์ อีก 2 คน คือ นายปารเมศ โพธารากุล หรือ กำนันบอย และนายฉัตรพันธ์ เดชกิจสุนทร ให้ไปร่วมงานด้วย โดยมี“ซ้อเขม”เป็นผู้ประสานงาน พร้อมกับขอร้องให้ตัดสินใจ เพื่อช่วยกำนันเซียะให้กลับประเทศไทยเร็วขึ้น เนื่องจากผู้มีอำนาจตั้งเงื่อนไขว่า จ.กาญจนบุรี ต้องได้ยกจังหวัด
ด้านนายปารเมศ เปิดเผยว่าถูกทาบทามจากผู้มีอำนาจหลายด้าน ทั้งตำรวจ ทหาร และผู้ใหญ่ที่นับถือว่าขอให้ย้ายไปอยู่ พรรคพลังประชารัฐ จะได้พัฒนา จ.กาญจนบุรี เป็นกลุ่มจังหวัดในทิศทางเดียวกัน จะได้ไม่มีความขัดแย้ง ซึ่งตนยังไม่ได้ตัดสินใจ
ส่วนนายฉัตรพันธ์ ยอมรับว่า มีการทาบทามตนให้ไปสังกัดพรรคพลังประชารัฐจริง แต่ตัดสินใจที่จะยืนหยัดอยู่กับพรรคประชาธิปัตย์ต่อ เนื่องจากพรรคการเมืองนี้ ให้โอกาสตนได้แจ้งเกิดทางการเมือง
ขณะที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวเพียงสั้นๆว่า รับทราบถึงสถานการณ์ และเงื่อนไขของอดีต ส.ส.กาญจนบุรี ทั้งสองคนเป็นอย่างดี จึงไม่อยากพูดอะไรมาก ขอให้ไปสัมภาษณ์ นายสาธิต ปิตุเตชะ รองหัวหน้าพรรค ที่ดูแลภาคกลางแทน อย่างไรก็ตามไม่หนักใจ ต่อกระแสดูดที่ยังคงมีการดึงตัวอดีต ส.ส.ของพรรคไปสังกัดพรรคพลังประชารัฐ อย่างต่อเนื่อง
โดยรายงานข่าวอ้างว่ามีการยื่นข้อเสนอผ่าน"ซ้อเขม" หรือ นางเขมพร ต่างใจเย็น ภรรยากำนันเซียะ ที่หลบหนีไปพร้อมกับสามีว่าผู้ใหญ่ในพรรคพลังประชารัฐ ตั้งเป้าจะปักธงที่กาญจนบุรีให้ได้ ใช้เวลาประสานนานกว่าสองสัปดาห์ ให้นายธรรมวิชญ์ และนายอัฏฐพล ตัดสินใจ ให้ทำเพื่อพ่อจะได้กลับมารักษาตัวระหว่างรับโทษในประเทศไทย
อีกทั้งกำนันเซียะ อยากกลับเมืองไทยเพราะสูงอายุแล้ว และมีโรคประจำตัว ซึ่งมีการอ้างถึงผู้มีอำนาจว่า จะช่วยดูแลให้ในลักษณะเดียวกับนายสมชาย คุณปลื้ม หรือ กำนันเป๊าะ ที่ได้รับการพักโทษไปก่อนหน้านี้ ก่อนที่กลุ่มพรรคพลังชล ของนายสนธยา คุณปลื้ม บุตรชาย จะเข้าซบพลังประชารัฐ ทำให้บุตรชายกำนันเซียะทั้งสองคน จำเป็นต้องย้ายไปสังกัดพรคพลังประชารัฐ โดยได้แจ้งให้ นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน อดีตเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ ที่บุคคลทั้งสอง ให้ความเคารพ รับทราบเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา
นอกจากนี้ ยังมีความพยายามที่จะดูด อดีต ส.ส.กาญจนบุรี พรรคประชาธิปัตย์ อีก 2 คน คือ นายปารเมศ โพธารากุล หรือ กำนันบอย และนายฉัตรพันธ์ เดชกิจสุนทร ให้ไปร่วมงานด้วย โดยมี“ซ้อเขม”เป็นผู้ประสานงาน พร้อมกับขอร้องให้ตัดสินใจ เพื่อช่วยกำนันเซียะให้กลับประเทศไทยเร็วขึ้น เนื่องจากผู้มีอำนาจตั้งเงื่อนไขว่า จ.กาญจนบุรี ต้องได้ยกจังหวัด
ด้านนายปารเมศ เปิดเผยว่าถูกทาบทามจากผู้มีอำนาจหลายด้าน ทั้งตำรวจ ทหาร และผู้ใหญ่ที่นับถือว่าขอให้ย้ายไปอยู่ พรรคพลังประชารัฐ จะได้พัฒนา จ.กาญจนบุรี เป็นกลุ่มจังหวัดในทิศทางเดียวกัน จะได้ไม่มีความขัดแย้ง ซึ่งตนยังไม่ได้ตัดสินใจ
ส่วนนายฉัตรพันธ์ ยอมรับว่า มีการทาบทามตนให้ไปสังกัดพรรคพลังประชารัฐจริง แต่ตัดสินใจที่จะยืนหยัดอยู่กับพรรคประชาธิปัตย์ต่อ เนื่องจากพรรคการเมืองนี้ ให้โอกาสตนได้แจ้งเกิดทางการเมือง
ขณะที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวเพียงสั้นๆว่า รับทราบถึงสถานการณ์ และเงื่อนไขของอดีต ส.ส.กาญจนบุรี ทั้งสองคนเป็นอย่างดี จึงไม่อยากพูดอะไรมาก ขอให้ไปสัมภาษณ์ นายสาธิต ปิตุเตชะ รองหัวหน้าพรรค ที่ดูแลภาคกลางแทน อย่างไรก็ตามไม่หนักใจ ต่อกระแสดูดที่ยังคงมีการดึงตัวอดีต ส.ส.ของพรรคไปสังกัดพรรคพลังประชารัฐ อย่างต่อเนื่อง