xs
xsm
sm
md
lg

ข่าวปนคน คนปนข่าว

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์

ข่าวปนคน คนปนข่าว

**พ่อแม่รังแกฉัน!! “แก้วสรร”สอน “อุ๊งอิ๊ง”อย่าเอาแต่โทษเผด็จการ ที่ “เฮียโอ๊ค”โดนแรงๆ เพราะ “พ่อษิณ-แม่อ้อ”เอาชื่อไปใช้แรงๆ เสี่ยงคุกตารางเอง เทียบ “เงินปากถุง”คล้าย “หุ้นชินคอร์ป”ใช้ชื่อลูกๆ ซุกจนเคยตัว เผยให้โอกาส “โอ๊ค”ชั้นสอบสวนแล้ว ไม่ยอมพูดความจริงเอง เห็นใจ“เกิดที่ไหนไม่เกิด”

เกิดที่ไหนไม่เกิด .. ย้อนศรอย่างเจ็บแสบจาก แก้วสรร อติโพธิ อดีตคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) ผ่านบทความ“กฎหมายไทย..รังแกเด็ก..รับใช้เผด็จการ ???” ..เป็นบทความที่ตอบโต้ “อุ๊งอิ๊ง”แพทองธาร ชินวัตร ที่โพสต์ข้อความโอดโอยว่า เป็นลูก ทักษิณ โดนแรงกว่าคนอื่นเสมอ .. จากกรณีที่ “เฮียโอ๊ค”พานทองแท้ ถูกอัยการสั่งฟ้องในคดีฟอกเงินกรุงไทย จากปมที่มีเช็คเงินสด 10 ล้าน ไปงอกอยู่ในบัญชี ที่ คตส. สืบสาวได้ความว่า เป็นเงินที่มาจากการทุจริตปล่อยกู้ให้กลุ่มกฤษดานคร .. “แก้วสรร”จะไล่ชำแหละให้รู้เช่นเห็นชาติด้วยว่า หลักฐานมันแน่นหนา จนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องชี้มูลความผิดฐานฟอกเงิน .. ขนาด “ดีเอสไอ”ยุคที่ ธาริต เพ็งดิษฐ์ เป็นอธิบดี อยู่ในอาณัติ “ระบอบทักษิณ”ตั้งเนิ่นนาน ยังปัดเป่าเภทภัยให้ “ลูกนายใหญ่”ไม่ได้ ..
แล้วที่ “ลูกโอ๊ค”ต้องโดนแรงกว่าลูกตาสีตาสา ก็มาจาก “ความเหี้ยม”ของ “พ่อแม่บังเกิดเกล้า”..ทั้ง “พ่อษิณ” ทักษิณ ชินวัตร - “แม่อ้อ”คุณหญิงพจมาน ดามาพงษ์ นั่นแหละ .. ด้วยพฤติการณ์ “ซุกของสกปรก”ใส่ในชื่อลูกทั้งสาม พานทองแท้-พิณทองทา-แพทองธาร จนเคยชิน .. เทียบให้เห็นจะๆ กรณี “เงินปากถุง”ทุจริตเงินกู้ กรุงไทย-กฤษฎานคร ก็ไม่ต่างจากครั้งซื้อขาย “หุ้นชินคอร์ป”ที่ใช้ชื่อลูกๆ บังหน้า .. คดีซื้อขาย “หุ้นชินคอร์ป” โชคดีหน่อยตรงที่โดนแค่ “ยึดทรัพย์”ที่ไม่พึงได้ ทำเงินหล่นไปไม่มาก 4.6 หมื่นล้าน .. แต่ “เงินปากถุงกรุงไทย”มันเป็นความอาญา ศาลชี้ปล่อยกู้โดยมิชอบ ลามไปถึง “ยอดชายนายโอ๊ค”ที่แปลงธุรกรรมเข้าข่าย “ฟอกเงิน”อย่างช่วยไม่ได้ .. ไม่เท่านั้น “มือปราบแก้วสรร”ยังออกตัวแทน “พานทองแท้”ด้วยว่า “ไม่น่าจะรู้เรื่องอะไรเลย”แต่ถูก “เลขาฯมารดา”เอา “ลายเซ็น”ไปใช้ทำธุรกรรมต่างๆ ทั้งสิ้น .. ที่สำคัญเคยให้โอกาสในชั้นสอบสวนของ คตส.แล้ว แต่ “พ่อโอ๊ค”ไม่ยอมพูดความจริง ก็เลยต้องโดนคดี .. “ลูกๆ ไม่ได้ทำอะไรแรงๆ เลย โดนแรงๆ ก็เพราะพ่อแม่เอาชื่อไปใช้แรงๆ เสี่ยงคุกตารางทั้งสิ้น” อ.แก้วสรร บอกไว้อย่างนั้น .. พร้อมลงท้ายอย่างที่จั่วหัวไว้ “มันไม่ใช่เรื่องเผด็จการ หรือประชาธิปไตยอะไรเลย...เด็กเอ๊ยยเด็ก..เกิดที่ไหนไม่เกิด”

**อีกแล้วครับทั่น!! “รัฐบาล คสช.”ถอยไม่เป็นท่า ปม ครม.ผ่านร่าง กม.เก็บภาษี-ขึ้นทะเบียนสัตว์เลี้ยง ที่ช่องโหว่อื้อ-เพิ่มภาระ ปชช. เจอ “ทาสหมา-แมว” ด่าขรมเมือง ร้อนถึง“ลุงตู่”ต้องสั่งทบทวนใหม่ “เสียรังวัด”ซ้ำรอยห้ามนั่งท้ายกระบะ-ยาแรงไม่พกใบขับขี่ จะเลือกตั้งอยู่แล้ว ยังทะเล่อทะล่า “เสียฟอร์ม-เสียแต้ม”ไม่เลิก

วิพากษ์กันหนัก .. หลังครม.ที่ “ลุงตู่”พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นั่งหัวโต๊ะ ผ่าน “ร่าง พ.ร.บ.ป้องกันทารุณกรรมและการจัดสวัสดิภาพสัตว์ ฉบับ พ.ศ... แก้ไขเพิ่มเติม 2557” .. สาระสำคัญเกี่ยวกับการขึ้นทะเบียนสัตว์เลี้ยง ตามที่ กรมปศุสัตว์ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เสนอ โดยเริ่มนำร่อง “หมา-แมว”เป็นลำดับแรก .. ไม่ทันสิ้นเสียง “ท่านไก่อู”พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกรัฐบาล ที่แถลงเรื่องนี้ ก็ถูกหยิบยกไปโจมตีในโลกสังคมออนไลน์ ในทันที .. กระแสวิพากษ์ไม่ใช่ไม่เห็นด้วยกับกฎหมายฉบับนี้ แต่ “คาใจ”ในส่วนของ “ตัวเลขค่าใช้จ่าย”ขึ้นทะเบียน .. สิริรวม 1 ตัว ตก 450 บาท หากฝ่าฝืนมีโทษปรับแรงถึง 2.5 หมื่นบาท .. ก่อเป็นกระแสดรามา โจมตีรัฐบาลอย่างหนัก บางรายถึงขั้นด่าเหมาๆ ไปว่า สงสัยถังแตก มาหารายได้จาก “ทาสหมา-ทาสแมว”..มีข้อมูลว่า “สัตว์เลี้ยง”ในเมืองไทยอัพเดต เมื่อ มี.ค. 61 มี “สุนัข-แมว”รวม 4.6 ล้านตัว .. แบ่งเป็น“น้องหมา”3.5 ล้านตัว ส่วน “น้องเหมียว”ล้านเศษๆ จำนวนนี้ถูกตีว่า “จรจัด”แค่แสนกว่าตัว .. คำนวณคร่าวๆ หากนำร่องขึ้นทะเบียนหมา-แมว สำเร็จ เจ้าของทำตามกฎหมายครบถ้วน เงินไหลเข้ากระเป๋ารัฐเหนาะๆ 2 พันล้านบาท ..
ด่ากันขรมเมือง แค่ข้ามคืน “ลุงตู่”จำต้องเสียฟอร์ม “อีกแล้วครับทั่น”สั่งข้ามประเทศ จากอินโดนีเซีย ให้ทบทวนกฎหมายฉบับดังกล่าวทันที .. มอบหมายให้กระทรวงเกษตรฯ และสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา พิจารณาหาข้อสรุปในเรื่องดังกล่าวก่อนจะเสนอเข้า ครม. พิจารณาอีกครั้ง .. ร้อนถึงเจ้าภาพอย่าง นพ.สรวิศ ธานีโต อธิบดีกรมปศุสัตว์ ที่ระบุว่า กฤษฎา บุญราช รมว.เกษตรฯ เรียกประชุมด่วน ก่อนมีมติขอ“ถอนร่างกฎหมาย”ออกมาก่อน .. อ้างคำสวยๆ ว่า ต้องไปรับฟังความคิดเห็นของประชาชนเพิ่มเติม .. แต่ถามกลับว่า ก่อนที่จะคลอดเป็น “มติ ครม.”พะนะท่าน ที่นั่งหัวโด่เด่ในที่ประชุม ไม่คิดจะทักท้วง “ช่องโหว่-ข้อห่วงใย”อะไรกันบ้างเลยหรือ .. นี่ไม่ใช่เหตุการณ์แรกที่ “รัฐบาลลุงตู่”มีพฤติกรรมในทำนอง “เสียหน้า - เสียแต้ม”แบบนี้ .. จำกันได้ดี คำสั่ง มาตรา 44 ห้ามนั่งท้ายกระบะช่วงสงกรานต์ เจอถล่มจนต้องยกเลิกการบังคับใช้ไปในท้ายที่สุด .. หรือกรณี การเพิ่มโทษปรับผู้ที่ไม่พก “ใบขับขี่” ที่ทะเล่อทะล่า ออกมาแบบไม่ถามไถ่ข้อคิดเห็นประชาชนก่อน .. เหมือนลืมไปว่าจะเลือกตั้งอยู่รอมร่อ ยังสร้างเรื่อง “เสียฟอร์ม-เสียรังวัด”ไม่เลิก.

**ไม่สนใจ หรือไม่มีใครเอา!! “เฮียมิ่ง”คงเส้นคงวา “ปั่นกระแส-สร้างราคา”เก่งเหมือนเดิม ลงทุนเปิดโรงแรม ตั้งโต๊ะแถลงเมินร่วมงาน“พลังประชารัฐ” ทั้งที่เมาต์กันแซ่ด เสนอตัวเอง แต่ “บิ๊กทหาร”ไม่สนใจ เหตุไร้ราคา พรรคพวก “ทีมเฮียกวง”ที่เจอตื๊อไม่เลิก ยังส่ายหัว ก็เลยพลิกวิกฤต แบะท่าสนใจการเมือง-คนชวนทำงานเเยอะ

วางท่าใหญ่โต .. คนดัง“เฮียมิ่ง”มิ่งขวัญ แสงสุวรรณ อดีตรองนายกฯ รัฐบาลนายสมัคร นัดแถลงข่าวด่วน .. ก็นึกว่าเรื่องคอขาดบาดตายอะไร ที่ไหนได้ ชี้แจงกรณีกระแสข่าวเตรียมไปซุก“พรรคพลังประชารัฐ” ..ประกาศชัดแจ๋ว “ไม่เคยเข้าไปพบกับหัวหน้าพรรค หรือผู้ใหญ่ในพรรค หรือขอไปอยู่กับพรรคพลังประชารัฐ ไม่คิดจะไปอยู่กับพรรคนี้เลย” ..ท้าวความกันนิด สัปดาห์ก่อน มีข่าวว่า “มิ่งขวัญ”เสนอตัวผ่าน “บิ๊กทหารใหญ่”ไปถึง “นายกฯตู่”พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ขอเข้าร่วมคอก“พลังประชารัฐ” ..ทีแรกแนวโน้ม “บิ๊กทหาร”ก็ดูสนใจ ด้วยชื่อชั้นระดับหัวหน้าทีมเศรษฐกิจ รัฐบาล พรรคพลังประชาชน .. ถ้าได้มาตีปิ๊บกันตูมๆ ว่า ดึง “แกนนำเพื่อไทย”มาร่วม “พรรคทหาร”แค่คิดก็มันยกร่อง .. ไม่เท่านั้น “เฮียมิ่ง”ยังเสนอขายพ่วง ถ้าดีลกันจริง มีพาวเวอร์ดึง “เบอร์ใหญ่ระบอบแม้ว”มาร่วมอีกโขยง .. โยงชื่อ นพดล ปัทมะ อดีต รมว.ต่างประเทศ และทนายส่วนตัว ทักษิณ ชินวัตร มาชื่อหนึ่ง .. อ้างซี้ย่ำปึ๊ก เป็นการส่วนตัว ทำเอา “บิ๊กประชารัฐ”ตาโต สอยมาได้ “ฝ่ายแม้ว”มีสะเทือนแน่ .. เพื่อให้ชัวร์ “บิ๊กประชารัฐ”ก็เลยสั่งเช็คให้แน่ ปรากฏว่า ทุกสายรายงานตรงกัน “บ่มิไก๊”หมดราคา ค่างวด ตั้งแต่เลือกตั้งปี 2554 นู่น .. ก็อยู่ดีไม่ว่าดี ก่อหวอดใช้ฐานผู้แทนอีสาน จะไปเคลมเอาตำแหน่งแคนดิเดต นายกฯ ตอนเลือกตั้งปี 54 กับ “นายใหญ่”..ไม่ประมาณตัวแบบนี้ “ทักษิณ”สั่งดองยาว ทีแรกได้ปาร์ตี้ลิสต์ เบอร์ 6 ก็ตีอกชกลม เจอส่ง “น้องปู”ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร มาเท่านั้นแหละ ก็หงอยรับประทาน .. เลือกตั้งเสร็จ อาการหนัก ไม่มีบทบาทอะไรในพรรค พอ “รัฐบาลปู”โดนประท้วงหนักๆ ปี 2556 ก็ตั้งโต๊ะแถลงลาออกจากตำแหน่ง ส.ส.-สมาชิกเพื่อไทย เจอพรรคพวกด่าไล่หลังเปิดเปิง .. หลังจากนั้นหายจ้อย ไม่มีความเคลื่อนไหวใดๆ โผล่มาอีกทีก็เป็นข่าวเสนอตัว ขอร่วม “ก๊วนประชารัฐ” ดีแหละ ..
พอรู้ตัวว่า “บิ๊กทอปบูต”ไม่เล่นด้วย จังหวะเดียวกับที่ “นพดล”เพื่อนซี้ ประกาศลั่น ไม่ไปไหน ขออยู่กับ “นายษิณ”.. ทางไม่ดี “เฮียมิ่ง”ก็โยกสายกลับมาดีลผ่านทาง“คนคุ้นเคย”อย่าง “สตาฟท์เฮียกวง”ที่เคยเป็นทีมเดียวกันมาก่อน แต่ก็เจอตอกหงาย โควตาเต็ม เข้าให้อีก .. พอตื๊อไม่เลิก ก็เลยเจอย้อนศรผ่าน “แหล่งข่าวพรรคพลังประชารัฐ” ยันอีกเสียงว่า ไม่มีใครทาบทาม “มิ่งขวัญ”มาร่วมงานด้วย .. กระทั่ง อุตตม สาวนายน ว่าที่หัวหน้าพรรค ที่เคยทำงานกับ “มิ่งขวัญ”มา ก็บอกไม่เคยพูดคุยอะไรกัน .. แล้วยังลากไส้ อีกว่า สงสัย “มิ่งขวัญ”ปล่อยข่าวเอง สร้างราคาให้อยู่ในสายตา “นาย ใหญ่ดูไบ”กระมัง .. เป็นที่มาของการแถลงข่าวด่วน ทั้งที่สาระแทบไม่มี คิดจะ “ปฏิเสธ”ก็กริ๊งกร๊าง แจ้งสื่อผ่านโทรศัพท์ หรืออัพคลิป ส่งให้อะไรก็ว่าไป .. ง่ายๆ ไม่เห็นจะต้อง “เล่นใหญ่”ไปเปิดห้องโรงแรม ตั้งโต๊ะแถลง ให้มากความ .. ฟังไปฟังมาก็ถึงบางอ้อ ที่แท้ถือโอกาสปั่นกระแส แอ๊คอาร์ต ยังสนใจงานการเมือง ห่วงปากท้องประชาชน .. ไม่แค่ปฏิเสธ “พลังประชารัฐ” ยังโวลั่น ถูกทาบทามเยอะ ยังไม่ตัดสินใจร่วมพรรคไหน .. คงเส้นคงวา “ปั่นกระแส-สร้างราคา”เก่งเหมือนเดิม เพิ่มเติมคือ “ไม่มีใครเอา” .
ช.ชฎา

+++++++++++

- แก้วสรร อติโพธิ - พานทองแท้ - แพทองธาร ชินวัตร
- กฤษฎา บุญราช - ประยุทธ์ จันทร์โอชา - พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด
- มิ่งขวัญ แสงสุวรรณ
กำลังโหลดความคิดเห็น