xs
xsm
sm
md
lg

การรักษาอำนาจ - สำคัญกว่า การค้นหาความจริง

เผยแพร่:   โดย: อ.สุดาทิพย์ จารุจินดา อินทร

<b>นายเบร็ทท์ คาวานอห์ สาบานตนเข้ารับตำแหน่งผู้พิพากษาสูงสุดของสหรัฐฯ</b>
เรียบร้อยโรงเรียนทรัมป์ไปแล้ว เมื่อผู้พิพากษาศาลสูงสุดของสหรัฐฯ คนใหม่ ผ่านมติการรับรองจากวุฒิสภาเต็มคณะ ด้วยคะแนน 50 ต่อ 48 ก็นับว่าเฉียดฉิว แต่ไม่ถึงกับต้องให้รองปธน.ไมค์ เพนซ์ ต้องมาลงมายกมือให้ชนะเสียงข้างมาก

เป็นเหตุการณ์ที่ซ้ำรอยกันเมื่อ 27 ปีที่แล้ว เมื่อรัฐบาลบุช (ผู้ลูก) เสนอชื่อผู้พิพากษาผิวดำคนแรกขึ้นดำรงตำแหน่งในศาลสูงสุด ครั้งนั้นก็เกิดกรณีข้อกล่าวหาว่า ผู้พิพากษาแคลเรนซ์ โทมัส ได้ทำการลวนลามผู้ร่วมงานซึ่งเป็นผู้พิพากษาหญิงผิวดำชื่อ แอนนิตา ฮิลล์ นับเป็นการคุกคามทางเพศและแคลเรนซ์ โทมัส ก็ผ่านอย่างเฉียดฉิวด้วยคะแนน 52 ต่อ 48 ซึ่งบริบทในวันนั้น (ต่างกับในวันนี้ เรื่องสิทธิสตรี) มีกรรมาธิการที่ซักไซ้คำให้การกล่าวหาของแอนนิตา ฮิลล์ เป็นชายล้วนที่ไม่ปรานีปราศรัยต่อความรู้สึกหวาดกลัวสั่นสะท้านของเธอแม้แต่น้อย และถ่ายทอดสดทางทีวีด้วย

ครั้งนั้น ปธน.บุชขอให้เอฟบีไอไปตรวจสอบคำให้การพาดพิงจากพยานของแอนนิตา ฮิลล์ โดยไปสอบอยู่ประมาณ 2-3 อาทิตย์ รวมทั้งมีผู้หญิงผิวดำต่างอาชีพถึง 1,600 คน ลงขันซื้อโฆษณาเต็มหน้านสพ. NYT ว่า เชื่อถือคำให้การของแอนนิตา ฮิลล์

แต่เหล่าชายทั้งเดโมแครตและรีพับลิกันซึ่งเป็นกรรมาธิการด้านยุติธรรม มีทัศนคติว่า การลวนลามทางเพศต่อสตรีเพศเป็นเรื่องเล็กที่ผู้ชายไม่น่าจะต้องวิตกอะไร ตราบเท่าที่ผู้ชาย (ระดับผู้พิพากษา) จะเก่งกาจด้วยงานพิจารณาคดีความ ผู้พิพากษาแคลเรนซ์ โทมัส ก็ยังนั่งดำรงตำแหน่งในศาลสูงสุดขณะนี้ โดยอยู่ในปีกฝ่ายอนุรักษนิยมของศาลสูงด้วย

สำหรับนายเบร็ทท์ คาวานอห์ (ที่เพิ่งรีบเข้าสาบานตนรับตำแหน่งในวันเสาร์นี้ หลังชนะคะแนนแค่ 50 ต่อ 48) มีความด่างพร้อยมากกว่าผู้พิพากษาแคลเรนซ์ โทมัส หลายด้าน

ผู้พิพากษาแคลเรนซ์ โทมัส จะมีผู้กล่าวหาเพียงคนเดียวคือ แอนนิตา ฮิลล์ (วันนี้เธออายุ 62 และเป็นศาสตราจารย์สอนวิชากฎหมายอยู่ในมหาวิทยาลัยเอกชน เพราะไม่สามารถทนรับราชการอีกต่อไป หลังเหตุการณ์ที่เธอถูกเหยียดหยามขณะให้การต่อคณะกรรมาธิการยุติธรรมเมื่อ 27 ปีที่แล้ว)

แต่ผู้พิพากษาเบร็ทท์ มีผู้หญิงกล่าวหาถึง 3 คน และแต่ละคนก็มีตำแหน่งหน้าที่การงานที่น่าเชื่อถือของสังคม และไม่มีผลประโยชน์ทางการเมืองใดๆ ที่ออกมาเปิดโปง เพียงต้องการทำหน้าที่พลเมืองดีที่ไม่ต้องการผู้พิพากษาศาลสูงสุดมีความด่างพร้อยด้านศีลธรรม

ผู้พิพากษาแคลเรนซ์ โทมัส ไม่ได้แสดงอาการฝักใฝ่ทางการเมืองแบบเบร็ทท์ ที่แสดงสีหน้า น้ำเสียง อารมณ์โจมตีพรรคเดโมแครตอย่างออกนอกหน้า หาว่าพรรคเดโมแครตแค้นที่ทรัมป์ชนะตำแหน่งปธน.เมื่อ 8 พ.ย. 2016 และแค้นที่เขา (เบร็ทท์) เคยอยู่ในทีมกฎหมายของอัยการพิเศษ เคนเนทท์ สตาร์ ที่สืบสวนถอดถอนปธน.คลินตัน

ทำเอาอดีตผู้พิพากษาศาลสูงสุดท่านหนึ่งที่วันนี้อายุถึง 98 ได้ไปแสดงทัศนะว่า เป็นการฝักใฝ่ทางการเมือง ไม่เหมาะขึ้นไปอยู่ศาลสูง

และความคิดเห็นของนักกฎหมายอีกจำนวนมากที่เห็นเช่นนั้น รวมทั้งกลุ่มผู้นับถือศาสนาคาทอลิกนิกายเยซูอิต ที่เคยให้การสนับสนุนเบร็ทท์ เพราะเขาจบจากร.ร.มัธยมของเยซูอิต ซึ่งกลายเป็นหน้าเป็นตาของเหล่าเยซูอิตด้วย กลับตาลปัตรออกมาถอนการสนับสนุน โดยบอกว่า เชื่อคำให้การของดร.ฟอร์ด

ดร.ฟอร์ด ขอร้องให้เอฟบีไอไปสอบคำให้การของเธอที่พาดพิงถึงบุคคลต่างๆ ที่อยู่ในเหตุการณ์ และเพื่อนในก๊วนของเบร็ทท์ที่ร.ร.มัธยม และที่มหาวิทยาลัย แต่ทางทำเนียบเขาปฏิเสธ พอๆ กับนายเบร็ทท์ที่อ้างว่า ตนผ่านตำแหน่งการงานที่เป็นที่นับหน้าถือตามามากมาย ทั้งที่ทำเนียบขาวและที่ศาลหลายแห่ง ได้ผ่านการกลั่นกรองจากเอฟบีไอมาถึง 3 ครั้ง ไม่มีประวัติด่างพร้อย

ด้านเพื่อนบางคนของเบร็ทท์ ที่เคยเรียนสมัยมัธยมและที่วิทยาลัยกฎหมายที่เยลล์ ออกมาเขียนจดหมายเปิดผนึกว่า ก๊วนของเบร็ทท์ชอบดื่มและเล่นสนุกกับการล่าผู้หญิง เคยมีเรื่องชกต่อยที่หน้าร้านเหล้าเมื่อปี 1985 (3 ปีหลังจากที่ดร.ฟอร์ดกล่าวหาว่าถูกลวนลามกระทำชำเรา)

นายเบร็ทท์ปฏิเสธลูกเดียว แต่เพื่อนชายบางคนของเขาก็ยืนยันว่า เขาจะ Black Out หรือจำอะไรไม่ได้เวลาเมามาย ซึ่งก็ตรงกับที่นายเบร็ทท์ปฏิเสธไม่เคยทำมิดีมิร้ายกับดร.ฟอร์ดเมื่อ 36 ปีที่แล้ว เพราะจำเหตุการณ์ไม่ได้เลยนั่นเอง

คำให้การของดร.ฟอร์ดน่าเชื่อถือและสะเทือนใจคนมาก จนมีผู้ชาย 1,600 คนซื้อหน้าโฆษณาเต็มหน้า NYT เปิดตัวว่า เชื่อถือคำให้การของดร.ฟอร์ด รวมทั้งทรัมป์เองก็ออกมายอมรับตอนต้น ถึงกับเปิดทางว่า จะให้เอฟบีไอไปตรวจสอบข้อมูล

แต่การรักษาอำนาจของทรัมป์และพรรครีพับลิกันที่กำลังเพลี่ยงพล้ำเรื่องเบร็ทท์ ทำให้ทำเนียบขาวส่งเอฟบีไอไปสอบถามคนในเหตุการณ์ แต่เป็นแค่ตามพิธีเท่านั้น ให้ไปสอบแค่ 2-3 คนที่อยู่กับเบร็ทท์วันที่ลวนลามดร.ฟอร์ด ทั้งๆ ที่พวกเขาได้เคยออกจดหมายเปิดผนึกแล้วว่า เขาจำเหตุการณ์ไม่ได้ (เพราะอาจเมามายมากนั่นเอง) ไม่ใช่ว่า เหตุการณ์นั้นไม่เคยเกิดขึ้น

การรวบรัดสอบของเอฟบีไอ ที่ใช้เวลาไม่ถึง 7 วัน (เอาเข้าจริงๆ แค่ 3 วัน) ก็ได้ข้อมูลที่ขาดตกมากมาย

นั่นคือการจงใจของทรัมป์ที่ไม่ต้องการเปลี่ยนตัวเบร็ทท์ เพราะจะเสียหน้าทรัมป์ และเสียคะแนนของพรรครีพับลิกัน

ทรัมป์และพรรครีพับลิกันไม่ต้องการค้นหาความจริงว่า เบร็ทท์เป็นนักล่าผู้หญิงเมื่อเมามายหรือไม่ ไม่งั้นจะต้องยืดเวลาการพิจารณาของคณะกรรมาธิการออกไปเป็นหลายอาทิตย์

เพราะตำแหน่งผู้พิพากษาศาลสูงสุด ไม่ใช่การค้นหาคนมาทำงานในตำแหน่งยามหรือคนขับรถ แต่เป็นตำแหน่งสำคัญยิ่งแก่ประเทศสหรัฐฯ ที่จะต้องตีความรัฐธรรมนูญในเวทีสำคัญๆ เช่น การอนุญาตพกพาปืน, กฎหมายทำแท้ง, การแต่งงานเพศเดียวกัน, กฎหมายเลือกตั้ง และการใช้เงินสนับสนุนผู้สมัครเลือกตั้ง รวมทั้งมาตรฐานควันพิษทำให้โลกร้อน เป็นต้น

สรุปว่า วันนี้ศาลสูงสหรัฐฯ มีคนด่างพร้อยด้านจริยธรรมนั่งอยู่ถึง 2 คน และคนล่าสุดนายเบร็ทท์เป็นผู้ฝักใฝ่ทางการเมืองยืนอยู่ข้างรีพับลิกัน และมองเดโมแครตเป็นศัตรูเต็มที่ด้วย
กำลังโหลดความคิดเห็น