**แม้ว่าจะเป็นเรื่องปกติแทบจะทุกครั้งหลังมีการรัฐประหาร และมีรัฐบาลทหารเกิดขึ้นแล้ว จากนั้นก็ต้องกลับเข้าสู่วงจรเลือกตั้งที่เป็นไฟต์บังคับ ตามแรงกดดันว่าต้องเดินตามทางประชาธิปไตย ต้องมีการเลือกตั้ง ก็ต้องมีพรรคการเมืองที่จัดตั้งโดยฝ่ายทหาร หรือตั้งขึ้นมาเพื่อสนับสนุน"นายพล" อะไรสักคนหนึ่งให้อยู่ในอำนาจต่อไป
ล่าสุด ก็กำลังจะเกิดพรรคใหม่ขึ้นมาอีกพรรคที่ตามข่าวค่อนข้างยืนยันแล้วว่าชื่อ "พรรคพลังประชารัฐ" ที่ตั้งขึ้นมาเพื่อสนับสนุน "บิ๊กตู่" พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ให้ได้กลับมาเป็นนายกรัฐมนตรีต่อไป อย่างน้อยก็อีก 5 ปี ตามบทเฉพาะกาลที่มีการออกแบบไว้ในรัฐธรรมนูญ
แม้ว่าในเวลานี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จะยังไม่ยอมเปิดเผยท่าทีทางการเมืองออกมา โดยอ้างว่าไม่อยากให้ถูก "ด่าฟรี"ไปตลอด แต่ถึงอย่างไร ด้วยท่วงท่าและลีลาที่แสดงออกมาให้เห็น มันก็แทบไม่จำเป็นต้องประกาศออกมาจากปากแล้ว เพราะทุกความเคลื่อนไหวมันชัดยิ่งกว่าชัดเสียอีก
หากพิจารณาจากความเคลื่อนไหวในการลงพื้นที่ประชุมคณะรัฐมนตรีสัญจร ที่จังหวัดเลยและเพชรบูรณ์ ที่ได้เห็นความแนบแน่นกับ "กลุ่มการเมืองเร่งสมบูรณ์สุข" ที่นำทีมโดย นายปรีชา เร่งสมบูรณ์สุข อดีต ส.ส.เลย พรรคเพื่อไทย ที่เคยเป็น อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ในยุครัฐบาล ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร มาแล้ว
ที่ผ่านมารับรู้กันแล้วว่า กลุ่มการเมืองดังกล่าวเข้าร่วมกับ "กลุ่มสามมิตร" และกำลังถูกจับตามองว่า พวกเขากำลังจะเข้าร่วมสังกัดพรรค "พลังประชารัฐ" โดยมีกำหนดการเปิดประชุมพรรค ในวันที่ 29 กันยายนนี้ ส่วนจะมีใครเข้าร่วมบ้างนั้น เวลานี้ยังไม่มีใครประกาศตัวออกมาก่อน มีเพียงแต่รับรู้การเคลื่อนไหวกันว่า น่าจะมีกลุ่มการเมืองไหนเข้าร่วมบ้างเท่านั้น
แน่นอนว่าย่อมมีกลุ่ม "สามมิตร"รวมอยู่ในนั้น แม้ว่าพวกเขาจะทำอ้ำอึ้ง ว่ากำลังจะมีการประชุมในกลุ่มสัปดาห์หน้า เพื่อตัดสินใจว่าจะไปสังกัดพรรคการเมือง แต่ไม่ต้องเดารู้กันแล้วว่า ต้องเป็นพรรคพลังประชารัฐแน่นอน
**แต่ที่น่าจับตา และถูกมองว่าเซอร์ไพรส์ก็คือ ในวันที่ 29 กันยายนนี้ ที่พรรคพลังประชารัฐจะมีการประชุมนั้น จะมีนักการเมืองระดับ"เกรดเอ" ร่วมเปิดตัวหรือไม่ นอกเหนือจากกลุ่มสามมิตร ที่นำโดย นายสมศักดิ์ เทพสุทิน นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ และนายอนุชา นาคาศัย เป็นต้น แล้วหลายคนกำลังจับจ้องว่าจะมี "นายทหาร" หรือมี รัฐมนตรีในรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ลาออกมาร่วมกับพรรคนี้กี่คน และจะเป็นไปตามคาดหมาย หรือไม่
แม้ว่าในวันที่ 29 กันยายนที่จะถึงนี้ ในวันประชุมพรรคพลังประชารัฐ อาจจะยังไม่เห็นการเปิดตัวออกมาก็ได้ แต่อย่างน้อยก็ได้เห็นการเคลื่อนไหวที่ชัดเจนมากขึ้น เช่น นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ที่ตามรายงานระบุว่า จะมาเป็นเลขาธิการพรรค ก็บอกว่าให้รอฟัง วันที่ 1 ตุลาคม ส่วนนายอุตตม สาวนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ก็ย้ำแต่เพียงว่า ให้รอดูช่วงเวลาที่เหมาะสมเท่านั้น
**ล่าสุด ก็มีนายกอบศักดิ์ ภูตระกูล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ที่บอกใบ้ส่งสัญญาณว่า ให้รอเซอร์ไพรส์อีกไม่นาน ท่ามกลางข่าวที่ถูกดันลงมาเป็นโฆษกพรรคพลังประชารัฐ เป็นแกนหลักด้านการประชาสัมพันธ์ให้กับพรรค สำหรับการสู้ศึกเลือกตั้งที่จะมาถึง
ทุกอย่างถือว่าเข้าเค้า เป็นไปตามแผนว่านี่คือพรรคที่ตั้งขึ้นมาเพื่อสนับสนุน คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) สนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรี ในความหมายที่ว่า คสช. ตั้งพรรคการเมืองขึ้นมาเอง โดยไม่รอให้ใครมาสนับสนุนเป็นนายกฯ ตามโควตา "คนนอก" ที่เปิดช่องเอาไว้ ซึ่งเป็นการ "ลดเงื่อนไข" จากฝ่ายตรงข้าม
ดังนั้นถ้าพิจารณาจากการเคลื่อนไหวเท่าที่เห็นเงาตะคุ่มวูบวาบ ก็ต้องบอกว่าพรรคพลังประชารัฐไม่ธรรมดา เพียงแต่ว่า "ระดับบิ๊ก" รอจังหวะเปิดตัว และงานนี้ให้จับตาดูการบริหารจัดการแบบเดียวกับที่ ทักษิณ ชินวัตร เคยทำเมื่อครั้งตั้งพรรคไทยรักไทย สำหรับ "บิ๊กตู่"งานนี้เหมือนกับการ "ย้อนศร" กลับไป และที่เหนือกว่าก็คือ ได้กุมกลไกรัฐ ร่างกติกาอย่างเบ็ดเสร็จ
**ที่สำคัญ ผ่านมาสี่ห้าปี "กระแสเผด็จการ" ก็ยังไปได้ ฝ่าย(แอบอ้าง)ประชาธิปไตย ยังไม่มีพลังพอนั่นเอง !!
ล่าสุด ก็กำลังจะเกิดพรรคใหม่ขึ้นมาอีกพรรคที่ตามข่าวค่อนข้างยืนยันแล้วว่าชื่อ "พรรคพลังประชารัฐ" ที่ตั้งขึ้นมาเพื่อสนับสนุน "บิ๊กตู่" พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ให้ได้กลับมาเป็นนายกรัฐมนตรีต่อไป อย่างน้อยก็อีก 5 ปี ตามบทเฉพาะกาลที่มีการออกแบบไว้ในรัฐธรรมนูญ
แม้ว่าในเวลานี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จะยังไม่ยอมเปิดเผยท่าทีทางการเมืองออกมา โดยอ้างว่าไม่อยากให้ถูก "ด่าฟรี"ไปตลอด แต่ถึงอย่างไร ด้วยท่วงท่าและลีลาที่แสดงออกมาให้เห็น มันก็แทบไม่จำเป็นต้องประกาศออกมาจากปากแล้ว เพราะทุกความเคลื่อนไหวมันชัดยิ่งกว่าชัดเสียอีก
หากพิจารณาจากความเคลื่อนไหวในการลงพื้นที่ประชุมคณะรัฐมนตรีสัญจร ที่จังหวัดเลยและเพชรบูรณ์ ที่ได้เห็นความแนบแน่นกับ "กลุ่มการเมืองเร่งสมบูรณ์สุข" ที่นำทีมโดย นายปรีชา เร่งสมบูรณ์สุข อดีต ส.ส.เลย พรรคเพื่อไทย ที่เคยเป็น อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ในยุครัฐบาล ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร มาแล้ว
ที่ผ่านมารับรู้กันแล้วว่า กลุ่มการเมืองดังกล่าวเข้าร่วมกับ "กลุ่มสามมิตร" และกำลังถูกจับตามองว่า พวกเขากำลังจะเข้าร่วมสังกัดพรรค "พลังประชารัฐ" โดยมีกำหนดการเปิดประชุมพรรค ในวันที่ 29 กันยายนนี้ ส่วนจะมีใครเข้าร่วมบ้างนั้น เวลานี้ยังไม่มีใครประกาศตัวออกมาก่อน มีเพียงแต่รับรู้การเคลื่อนไหวกันว่า น่าจะมีกลุ่มการเมืองไหนเข้าร่วมบ้างเท่านั้น
แน่นอนว่าย่อมมีกลุ่ม "สามมิตร"รวมอยู่ในนั้น แม้ว่าพวกเขาจะทำอ้ำอึ้ง ว่ากำลังจะมีการประชุมในกลุ่มสัปดาห์หน้า เพื่อตัดสินใจว่าจะไปสังกัดพรรคการเมือง แต่ไม่ต้องเดารู้กันแล้วว่า ต้องเป็นพรรคพลังประชารัฐแน่นอน
**แต่ที่น่าจับตา และถูกมองว่าเซอร์ไพรส์ก็คือ ในวันที่ 29 กันยายนนี้ ที่พรรคพลังประชารัฐจะมีการประชุมนั้น จะมีนักการเมืองระดับ"เกรดเอ" ร่วมเปิดตัวหรือไม่ นอกเหนือจากกลุ่มสามมิตร ที่นำโดย นายสมศักดิ์ เทพสุทิน นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ และนายอนุชา นาคาศัย เป็นต้น แล้วหลายคนกำลังจับจ้องว่าจะมี "นายทหาร" หรือมี รัฐมนตรีในรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ลาออกมาร่วมกับพรรคนี้กี่คน และจะเป็นไปตามคาดหมาย หรือไม่
แม้ว่าในวันที่ 29 กันยายนที่จะถึงนี้ ในวันประชุมพรรคพลังประชารัฐ อาจจะยังไม่เห็นการเปิดตัวออกมาก็ได้ แต่อย่างน้อยก็ได้เห็นการเคลื่อนไหวที่ชัดเจนมากขึ้น เช่น นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ที่ตามรายงานระบุว่า จะมาเป็นเลขาธิการพรรค ก็บอกว่าให้รอฟัง วันที่ 1 ตุลาคม ส่วนนายอุตตม สาวนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ก็ย้ำแต่เพียงว่า ให้รอดูช่วงเวลาที่เหมาะสมเท่านั้น
**ล่าสุด ก็มีนายกอบศักดิ์ ภูตระกูล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ที่บอกใบ้ส่งสัญญาณว่า ให้รอเซอร์ไพรส์อีกไม่นาน ท่ามกลางข่าวที่ถูกดันลงมาเป็นโฆษกพรรคพลังประชารัฐ เป็นแกนหลักด้านการประชาสัมพันธ์ให้กับพรรค สำหรับการสู้ศึกเลือกตั้งที่จะมาถึง
ทุกอย่างถือว่าเข้าเค้า เป็นไปตามแผนว่านี่คือพรรคที่ตั้งขึ้นมาเพื่อสนับสนุน คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) สนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรี ในความหมายที่ว่า คสช. ตั้งพรรคการเมืองขึ้นมาเอง โดยไม่รอให้ใครมาสนับสนุนเป็นนายกฯ ตามโควตา "คนนอก" ที่เปิดช่องเอาไว้ ซึ่งเป็นการ "ลดเงื่อนไข" จากฝ่ายตรงข้าม
ดังนั้นถ้าพิจารณาจากการเคลื่อนไหวเท่าที่เห็นเงาตะคุ่มวูบวาบ ก็ต้องบอกว่าพรรคพลังประชารัฐไม่ธรรมดา เพียงแต่ว่า "ระดับบิ๊ก" รอจังหวะเปิดตัว และงานนี้ให้จับตาดูการบริหารจัดการแบบเดียวกับที่ ทักษิณ ชินวัตร เคยทำเมื่อครั้งตั้งพรรคไทยรักไทย สำหรับ "บิ๊กตู่"งานนี้เหมือนกับการ "ย้อนศร" กลับไป และที่เหนือกว่าก็คือ ได้กุมกลไกรัฐ ร่างกติกาอย่างเบ็ดเสร็จ
**ที่สำคัญ ผ่านมาสี่ห้าปี "กระแสเผด็จการ" ก็ยังไปได้ ฝ่าย(แอบอ้าง)ประชาธิปไตย ยังไม่มีพลังพอนั่นเอง !!