อ่านโศกนาฏกรรมรันทด 12 ปีเสียโอกาสประเทศไทยอันเป็นที่รักของทักษิณแล้ว ก็ได้แต่ชวนสังเวช และเสียดายทักษิณไม่ได้พูดถึงต้นเหตุของการรัฐประหารเลย
แน่นอนล่ะ การรัฐประหารมันสะท้อนภาพของประเทศที่ยังไม่มีความมั่นคงของระบอบประชาธิปไตย เรามักบอกว่า การเมืองต้องแก้ไขด้วยการเมือง ถ้ารัฐบาลไหนไม่ดีก็ตัดสินกันด้วยการเลือกตั้งครั้งหน้า แต่นั่นหมายความว่าการตรวจสอบการป้องกันการใช้อำนาจรัฐที่ฉ้อฉลของเราต้องทำงานได้ ประชาชนก็ไม่ต้องออกมาชุมนุมบนท้องถนน
แต่ในความเป็นจริง ถ้าเราเห็นรัฐบาลใช้อำนาจอย่างฉ้อฉล (Abuse of power)ในขณะที่กระบวนการตรวจสอบคานอำนาจระบบกระบวนการยุติธรรมก็ไม่สามารถทำอะไรได้เลย เราจะนิ่งเฉยปล่อยให้อยู่ไปจนครบสมัยหรือ ผมว่า มันไม่ใช่นะครับ
จอห์น ล็อก ปรัชญาเมธี บอกว่า เป็นสิทธิโดยธรรมชาติของประชาชนที่จะแข็งขืนและปราบปรามรัฐบาลที่มุ่งประโยชน์ส่วนตน ยิ่งกว่าประโยชน์ของผู้อยู่ใต้ปกครอง ดังนั้นกระบวนการต่อต้านรัฐบาลที่ฉ้อฉลจึงเป็นส่วนหนึ่งของระบอบประชาธิปไตย เพียงแต่ทุกวันนี้มันกลับด้าน ฝ่ายที่สนับสนุนรัฐบาลที่ฉ้อฉลแล้วถูกประชาชนขับไล่ดันไปเรียกตัวเองว่า ฝ่ายประชาธิปไตยเพียงเพราะมาจากการเลือกตั้ง และเรียกฝ่ายที่ต่อต้านทักษิณว่า ฝ่ายต่อต้านประชาธิปไตย
การเอาเหตุผลเพราะทักษิณมาจากการเลือกตั้งแล้วจะใช้อำนาจอย่างไรก็ได้นั้น ไม่ใช่เป็นเรื่องที่ถูกต้องโดยหลักทำนองคลองธรรมแน่ๆ การอ้างว่าเป็นนายกรัฐมนตรีที่ได้รับความนิยมมากเป็นประวัติศาสตร์ ก็ไม่ใช่เหตุผลที่ทักษิณและน้องสาวจะใช้อำนาจที่ได้รับมาจากประชาชนอย่างไรก็ได้
ทักษิณถามว่า ถ้าไม่มีการรัฐประหาร 2 ครั้ง ประเทศไทยเจริญขึ้นแล้วหรือไม่ ไม่ว่าจะเป็นระบบการศึกษา ระบบราชการบริการประชาชน ยาเสพติด การสาธารณสุข กระบวนการยุติธรรม เศรษฐกิจ แต่ผมก็มองไม่เห็นนะครับว่า 12 ปีมานี้ประเทศไทยจะตกต่ำอย่างไร ไม่รู้สิว่า ถ้าทักษิณยังอยู่ประเทศไทยจะเจริญกว่านี้มั้ย ไม่มีใครตอบได้หรอก แต่ก็ไม่ใช่เรื่องยากอะไรกับแค่เอ่ยปากว่าถ้าผมอยู่จะเจริญกว่านี้ เพราะไม่มีใครตรวจสอบผลลัพธ์ได้นั่นเอง
แน่นอนว่าทักษิณเป็นนายกรัฐมนตรีที่ทำในสิ่งที่ดีๆ หลายเรื่อง เช่น ยอมรับแนวคิดเรื่อง 30 บาทรักษาทุกโรคของนพ.สงวน นิตยารัมภ์พงศ์ มาใช้เป็นนโยบาย ทักษิณเป็นนายกรัฐมนตรีที่กล้าทำโดยไม่ยึดกับกรอบและข้อจำกัดของระบบราชการ แต่ต่อให้มีเรื่องดีๆ มากกว่านี้ร้อยแปด ก็ไม่ใช่ว่าจะให้สิทธิ์ทักษิณทำเรื่องที่ไม่ถูกทำนองคลองธรรมได้ เหมือนเราอ้างว่าเราเป็นคนใจบุญชอบไปบริจาคช่วยเหลือสังคม เราจะเอาข้ออ้างนั้นมาฆ่าคนไม่ได้
คนที่รักทักษิณมีมากแน่จึงชนะเลือกตั้งทุกครั้ง แต่ก็ไม่ใช่ว่า การมีคนรักมากแล้วจะทำอะไรที่ไม่พึงกระทำก็ได้ทั้งหมด เราไม่สามารถตัดสินผิดถูกชั่วดีแบบว่า ใครมีพวกมากกว่าเป็นคนดี เป็นฝ่ายถูกต้องโดยไม่ต้องดูพฤติกรรม เนื้อหาที่ได้กระทำลงไป บ้านเมืองต้องใช้กฎหมายเป็นบรรทัดฐาน แต่สิ่งที่ฝ่ายทักษิณทำก็คือ เมื่อถูกกระบวนการทางกฎหมายลงโทษแล้วก็บิดเบือนกล่าวหาว่า ไม่ได้รับความยุติธรรม แต่ถ้ากฎหมายตัดสินให้ตัวเองเป็นฝ่ายถูกก็บอกว่ายุติธรรม
ความดีของทักษิณก็มี ผลงานที่ดีของทักษิณมีแน่ ซึ่งเป็นหลักของปุถุชนและคนที่อาสาเข้ามารับใช้บ้านเมืองควรทำ แต่เราไม่ได้ติฉินทักษิณในเรื่องการทำดีเหล่านั้น ประชาชนที่เขาลุกขึ้นมาขับไล่ทักษิณและน้องสาวนั้น ก็เพราะใช้อำนาจโดยมิชอบและเขาติฉินในสิ่งที่ไม่ดีต่างหาก
ถ้าทักษิณเคารพประชาธิปไตยทักษิณจะยอมให้ฝ่ายที่สนับสนุนตัวเองออกมาทำร้ายประชาชนฝ่ายตรงข้ามไหม ถ้าเราย้อนไปดูในการชุมนุมของฝ่ายต่อต้านทักษิณในช่วงเริ่มก่อตัวก็ถูกฝ่ายทักษิณจัดคนไปทำร้ายไล่ตีทั้งที่สวนลุมพินี หนองประจักษ์ อุดรธานี ที่สะพานมัฆวานฯ รวมถึงปล่อยให้มีการใช้อาวุธสงครามมายิงทำร้ายฝ่ายตรงข้ามจนเสียชีวิตจำนวนมาก
การที่น้องสาวของทักษิณถูกรัฐประหารก็เช่นเดียวกัน เพราะใช้อำนาจเสียงข้างมากออกกฎหมายนิรโทษกรรมสุดซอยเพื่อหวังล้างผิดให้ทักษิณเองไม่ใช่หรือ การที่อ้างว่าเป็นเสียงข้างมากแล้วกระทำอะไรก็ได้ ทำให้ประชาชนที่ออกมาชุมนุมเขามองเห็นว่า การยุบสภาเลือกตั้งใหม่ไม่ใช่ทางออกแล้ว เพราะระบบที่มันเป็นอยู่ให้สามารถใช้เสียงข้างมากโดยไม่คำนึงถึงความถูกต้องมันมีปัญหาที่ต้องแก้ไข ผมคิดว่า นี่เป็นเหตุผลที่ผู้ชุมนุมคิดว่าต้องทำมากกว่าการเลือกตั้งใหม่นั่นคือ การปฏิรูปการเมือง
แล้วอะไรที่เป็นข้ออ้างของการรัฐประหารที่สำคัญล่ะครับ ก็เพราะฝ่ายที่สนับสนุนระบอบทักษิณเอาอาวุธสงครามมาไล่ยิงไล่ฆ่าผู้ต่อต้านไม่ใช่หรือ มันไม่ใช่อยู่ๆ ทักษิณน้องสาวบริหารประเทศอยู่ดีๆ แล้วประชาชนลุกขึ้นมาขับไล่ แล้วทหารเอาปืนมาล้มรัฐบาลเสียที่ไหนเล่า
ทำไมในบทรำพึง 12 ปีของทักษิณไม่พูดล่ะว่า ก่อนที่ผมถูกรัฐประหารนั้น ได้ใช้อำนาจออกนโยบายเพื่อเอื้อประโยชน์ให้กับตัวเองและพวกพ้องอย่างไร ทั้งในรูปการรับผลประโยชน์ที่มิควรได้หรือจัดตั้งพวกพ้องของตัวเองเข้าสู่อำนาจโดยไม่คำนึงถึงระบบคุณธรรม
จริงไหมที่ทักษิณ ปกปิดอำพรางหุ้น โดยผ่านนอมินีในการขายหุ้นบริษัทชินคอร์ปให้เทมาเส็ก แปลงสัญญาสัมปทานฯ เอื้อประโยชน์ให้บริษัทชินคอร์ปของตัวเองทำให้รัฐเสียประโยชน์
ทักษิณแก้ไขสัญญาโทรศัพท์เคลื่อนที่ ด้วยการปรับลดอัตราส่วนแบ่งรายได้จากการให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่แบบบัตรเติมเงิน (PREPAID CARD) ส่งผลให้เอไอเอส จ่ายส่วนแบ่งรายได้จากการให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ให้รัฐลดลง
แก้ไขสัญญาโทรศัพท์เคลื่อนที่ เพื่ออนุญาตให้ใช้เครือข่ายร่วม (ROAMING) และให้หักค่าใช้จ่ายจากรายรับ และกรณีการปรับลดอัตราค่าใช้เครือข่ายร่วม เป็นการเอื้อประโยชน์แก่ชินคอร์ป และเอไอเอส การแก้ไขเพิ่มเติมสัญญาที่ให้บริษัท เอไอเอส เข้าไปใช้เครือข่ายร่วมผู้ให้บริการรายอื่น จนกลายเป็นเอไอเอสได้รับผลประโยชน์ที่ไม่ต้องจ่ายเงินจำนวนดังกล่าวให้กับ ทศท.
แก้ไขสัญญาโทรศัพท์เคลื่อนที่ เพื่ออนุญาตให้ใช้โครงข่ายร่วม (โรมมิ่ง) และปรับลดอัตราการใช้เครือข่ายร่วมระหว่าง กสท กับ DPC เป็นการเอื้อประโยชน์ให้กับชินคอร์ป และเอไอเอส
กรณีแก้ไขสัญญาสัมปทานดาวเทียมโดยมิชอบละเว้น อนุมัติ ส่งเสริม สนับสนุนธุรกิจดาวเทียมตามสัญญาดำเนินกิจการดาวเทียมสื่อสารภายในประเทศโดยมิชอบหลายกรณี ได้แก่ การอนุมัติโครงการดาวเทียมไอพี สตาร์, การอนุมัติแก้ไขสัญญาสัมปทาน รวมถึงการลดสัดส่วนการถือหุ้นของบริษัทชินคอร์ป ในบริษัท ชินแซทเทิลไลท์ ที่เป็นผู้ขออนุมัติสร้างและส่งดาวเทียมไทยคม และการอนุมัติให้ใช้เงินค่าสินไหมทดแทนของดาวเทียมไทยคม ไปเช่าช่องสัญญาณต่างประเทศ ล้วนเป็นการเอื้อประโยชน์กับบริษัท ชินคอร์ป และชินแซทของตัวเอง
รวมถึงกรณีอนุมัติเงินกู้เอ็กซิมแบงก์ให้พม่า เพื่อให้พม่านำเงินไปซื้อสินค้าและบริการจากไทยคมซึ่งเป็นบริษัทของตัวเองเช่นกัน
ไม่รู้หรอกครับว่า ถ้าทักษิณยังอยู่บ้านเมืองจะเจริญไปแค่ไหน ไม่ปฏิเสธหรอกครับว่า สิ่งที่ทักษิณทำดีก็มีมาก แต่สิ่งที่ทักษิณได้กระทำโดยใช้อำนาจอย่างฉ้อฉลนั้นมีอยู่จริง มีตัวเลขชัดเจนว่าบริษัทของทักษิณร่ำรวยขึ้นมากในระหว่างมีอำนาจ แล้วเครือญาติพวกพ้องทักษิณเข้าไปยึดครองในเกือบทุกภาคส่วนของอำนาจ
แล้วคิดดูสิว่า ถ้าปล่อยให้ทักษิณบริหารประเทศมาจนถึงวันนี้บ้านเมืองจะมีชะตากรรมอย่างไร
ติดตามผู้เขียนได้ที่ https://www.facebook.com/surawich.verawan