xs
xsm
sm
md
lg

อุปสรรคและความยากลำบากของ “สันติภาพ”

เผยแพร่:   โดย: ทับทิม พญาไท


เปิดฉากสัปดาห์นี้...คงต้องขออนุญาตกลับไปดูสถานการณ์ใน “อิดลิบ” (Idlib) ประเทศซีเรียกันอีกสักรอบ เพราะไม่ว่าใครจะเห็นเป็นเรื่องเล็ก-เรื่องใหญ่ เรื่องไกลตัว-ไม่ไกลตัว ก็ตาม แต่การที่ต้องมีชีวิตของ “มนุษย์ตาดำๆ” จำนวนถึง 2.5 หรือ 3 ล้านคนเป็นเดิมพัน อันนี้...สำหรับผู้ที่ยังพอมี “หัวใจ” มี “ความเป็นมนุษย์” ติดปลายนวมอยู่มั่ง คงต้องหันไปฟังๆ จะปิดหู ปิดตา ไม่รับรู้อะไรเอาซะเลย คงไม่น่าจะ “เข้าท่า” กันสักเท่าไหร่นัก...

คือจากที่เคยคาดๆ กันเอาไว้ว่า... “ปฏิบัติการปลดปล่อยอิดลิบ” ด้วยกำลังทหารจากกองทัพรัฐบาลซีเรีย รัสเซีย และอิหร่าน น่าจะเริ่ม “เปิดประตูนรก” ขึ้นแบบฉับพลัน-ทันที หลังจากการหารือของ 3 ผู้นำประเทศที่เกี่ยวข้อง คือประธานาธิบดี “ปูติน” ของรัสเซีย ประธานาธิบดี “โรฮานี” ของอิหร่าน และประธานาธิบดี “ตอยยิป” (เทย์ยิป) ของคุณน้อง “แชมป์-ช่อง 3” หรือของตุรกีที่กรุงเตหะราน ประเทศอิหร่าน เมื่อวันศุกร์ที่ 7 กันยายนที่ผ่านมา ได้เสร็จสิ้นลงไป ชนิดโอกาสที่จะเกิดภาวะ “เลือดนองท้องช้าง” เกิด “กลียุคทางมนุษยธรรม” หรือ “หลุมศพแห่งความผิดพลาดทางมนุษยธรรม” อย่างที่เลขาธิการยูเอ็น หรือผู้นำอเมริกาได้ว่าๆ เอาไว้ก่อนนั้น น่าจะมีความเป็นไปได้สูงเอามากๆ...

แต่ก็อาจเป็นอย่างที่...รัฐมนตรีต่างประเทศอิหร่าน “นายโมฮัมหมัด ชารีฟ”(Mohammad Javad Zarif) ท่านพยายามออกมาสร้างความปลอดโปร่งโล่งใจให้กับใครต่อใคร ว่าไม่ว่ากองทัพซีเรียและพันธมิตรอย่างรัสเซีย อิหร่าน นั้น “จะใช้ความพยายามอย่างสุดเหวี่ยง เพื่อลดความสูญเสียต่อพลเรือนให้น้อยที่สุดเท่าที่จะน้อยได้” บรรยากาศการหารือ หาข้อสรุป ระหว่างผู้นำ 3 ประเทศใน “ปฏิบัติการปลดปล่อยอิดลิบ” ครั้งนี้ จึงได้สะท้อนให้เห็นถึง “ความยับยั้งชั่งใจ” ไม่ได้ออกอาการกระเหี้ยนกระหือรือใดๆ เอาเลยแม้แต่น้อย แม้ว่าการอาศัยปฏิบัติการทางทหารยึดพื้นที่จังหวัดอิบลิบกลับคืนมาจากบรรดากบฏและพวกผู้ก่อการร้ายนั้น อยู่ในสภาพไม่ต่างอะไรจาก “ลูกไก่ในกำมือ” ชนิดจะบีบก็ตาย จะคลายก็รอด ประมาณนั้น...

แต่ก็นั่นแหละ...เมื่อมองในแง่ “การเมือง” หรือมองถึง “ชัยชนะของสันติภาพ” ไม่ใช่แค่ “ชัยชนะจากสงคราม” เพียงอย่างเดียวเท่านั้น การหาทางทำอย่างไรที่จะไม่ส่งผลให้เกิดการ “ขี้รดใส่มือ” ย่อมถือเป็นเรื่องสำคัญอย่างมิอาจปฏิเสธได้ โดยเฉพาะเมื่อมีข่าวคราวเรื่องบรรดาผู้ก่อการร้าย ที่ได้รับความสนับสนุนจากอเมริกาและประเทศตะวันตก เตรียม “จัดฉาก” สร้างเหตุการณ์การใช้อาวุธเคมีปลอมๆ ขึ้นมา หรืออาศัย “เงื่อนไขทางมนุษยธรรม” นั่นเอง เป็นตัวตอบโต้ เล่นงาน พลิกสถานะความได้เปรียบทางทหารของรัฐบาลซีเรียและพันธมิตร ให้กลายเป็นความเสียเปรียบทางการเมือง จนอาจนำไปสู่การรวมมือ รวมตีนของฝ่ายตะวันตก รุมยำซีเรีย เหมือนอย่างที่เคยเป็นมาเอาง่ายๆ...

และดูเหมือนว่า...ผู้ที่ช่วยให้เกิด “ความยับยั้งชั่งใจ” ในลักษณะทำนองนี้ ก็น่าจะเป็นประธานาธิบดี “ตอยยิป” (เทย์ยิป) ของคุณน้อง “แชมป์-ช่อง 3” นั่นเอง คือถึงแม้โดยลักษณะอาการของท่านออกจะหนักไปทาง “พล็อบๆ แพล็บๆ” มาโดยตลอด และงานนี้ท่านก็อาจจะพล็อบๆ แพล็บๆ อีกหรือไม่ ประการใด ก็ยากจะสรุปได้ แต่ด้วยน้ำหนักของ “เหตุผล” และ “ข้อเท็จจริง” ที่ท่านนำมาอ้างไว้ในเวทีที่ประชุมของผู้นำ 3 ฝ่าย ก็ออกจะเป็น “ข้อเสนอที่มิอาจปฏิเสธ” ได้จริงๆ นั่นแหละ หรือถึงแม้ท่านยังมีได้-มีเสีย อยู่กับบรรดาผู้ก่อการร้ายบางกลุ่ม บางราย เช่น กลุ่ม “Hayat Tahrir al-Sham (HTS)” ที่มุ่งต่อต้านรัฐบาลซีเรียมาตั้งแต่แรก และยังคงยึดพื้นที่บางส่วนในจังหวัดอิดลิบ โดยเฉพาะด้านที่ติดอยู่กับพรมแดนตุรกี แต่ด้วยการวาดฉากสถานการณ์ให้เห็นว่า การใช้กำลังทหารบุกเข้าโจมตีพื้นที่ที่มีประชากรอาศัยอยู่ถึง 3 ล้านคนนั้น... “ผู้คนเหล่านั้นย่อมไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากต้องหนีข้ามพรมแดนไปยังตุรกี ทั้งๆ ที่ทุกวันนี้...ตุรกีต้องแบกรับภาระผู้อพยพลี้ภัยจากซีเรียจำนวนประมาณ 3.5 ล้านคนอยู่แล้ว และถ้ามากเกินไปกว่านั้น เราอาจแบกรับไม่ไหว...”

สิ่งที่ประธานาธิบดีไก่งวงตุรกี นำมากล่าวย้ำไว้ในที่ประชุมผู้นำ 3 ฝ่าย จึงออกจะมี “น้ำหนัก” รองรับอยู่ไม่น้อย โดยเฉพาะกับคำพูดที่ว่า... “เป้าหมายของเราคือต้องพยายามแก้ไขสถานการณ์ในจังหวัดอิดลิบ ผ่านทางจิตวิญญาณของข้อตกลงที่เราได้ร่วมทำไว้ที่ Astana (ข้อตกลงเพื่อกระบวนการสันติภาพในซีเรีย หรือ Syria peace process หรือ Astana Process ณ ประเทศคาชัคสถานเมื่อปี ค.ศ. 2017) เพราะความผิดพลาดใดๆ ในปฏิบัติการปลดปล่อยอิดลิบ อาจทำให้กระบวนการทางการเมืองในซีเรียต้องหกคะเมน ตีลังกาขึ้นมาได้ง่ายๆ...”

และไม่ว่าผู้นำรัสเซียและอิหร่าน จะ “เห็นควรด้วย” กับสิ่งเหล่านี้มาก-น้อยขนาดไหน แต่แนวโน้มที่ปฏิบัติการทางทหารในจังหวัดอิดลิบน่าจะถูก “ยืดเวลา” ออกไป เพื่อเปิดโอกาสให้กับทุกกลุ่ม ทุกฝ่าย ที่มีกำลังอาวุธอยู่ในมือ ตัดสินใจ “ยอมวางอาวุธ” แล้วหันไปใช้ “การเมือง” เป็นหนทางในการแก้ไขข้อขัดแย้ง จึงกลายเป็นความเห็นพ้องต้องกันของผู้นำทั้ง 3 ฝ่าย ยกเว้นแต่เฉพาะผู้ก่อการร้ายประเภทสุดโต่ง หรือผู้ก่อการร้ายที่ได้รับการสนับสนุนจากคุณพ่ออเมริกาเท่านั้น ที่ทั้งประธานาธิบดีตุรกีและอิหร่าน ต่างออกมาประสานเสียงให้กองทัพอเมริกันและผู้ที่อเมริกาสนับสนุนถอนกำลังทั้งหมดออกไปจากซีเรียโดยไว เนื่องจากถือเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้สถานการณ์ในซีเรีย ยังไม่อาจลดระดับความรุนแรงลงไปได้อย่างที่หวัง ที่คาด...

สรุปง่ายๆ ว่า...มันยังพอเหลือ “ช่องหายใจ” ให้กับแนวโน้มการหาทางออกด้วย “สันติภาพ” อยู่บ้าง โดยเฉพาะถ้าปราศจากการ “เสือก” ของประธานสมาคมเสือกกิตติมศักดิ์ อย่างคุณพ่ออเมริกา ไปจนถึงพันธมิตรอย่างอิสราเอล ที่อาศัยข้ออ้างเรื่องการขยายอิทธิพลของอิหร่านในซีเรีย ส่งเครื่องบินเข้าไปทิ้งระเบิดในซีเรียไม่ต่ำกว่า 200 เที่ยวในรอบ 18 เดือนที่ผ่านมา แต่ก็นั่นแหละ...การเรียกร้องให้อเมริกาอย่า “เสือก” อย่ากระทำการใดๆ ตาม “วาสนา” หรือตามพื้นฐานอุปนิสัยดั้งเดิมของตัวเองนั้น ออกจะเป็นเรื่องยากพอๆ กับตามหาหนวดเต่า เขากระต่าย นั่นแล...โดยเฉพาะถ้าฟังจากคำให้สัมภาษณ์ของทูตรัสเซีย ประจำสหประชาชาติ “นายVassily Nebenzia” ที่พยายามงัดเอาข้อพิสูจน์ เพื่อแสดงให้เห็นว่า กองทัพสหรัฐฯ ที่กำลังปฏิบัติการอยู่ในซีเรียขณะนี้ “มุ่งปกป้องผู้ก่อการร้ายที่ตัวเองสนับสนุน โดยไม่สนใจชีวิตของพลเรือนแม้แต่น้อย” หรือสิ่งที่ประธานาธิบดี “ปูติน” แห่งรัสเซีย ท่านอ้างว่า “เป็นหลักฐานที่ไม่อาจโต้แย้งได้” ว่าบรรดาผู้ก่อการร้ายที่สหรัฐฯ ให้การสนับสนุน ได้เตรียมใช้อาวุธเคมีเพื่อ “จัดฉาก” ให้เกิดการถล่มซีเรียรอบใหม่ อันจะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงดุลอำนาจในซีเรีย และในตะวันออกกลาง ให้กลายเป็นพื้นที่ “สงครามแบบไม่มีวันรู้จบ” ให้จงได้...!!!


กำลังโหลดความคิดเห็น