xs
xsm
sm
md
lg

เดินหน้าก็ยาก ถอยก็ลำบาก...

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์

"โสภณ องค์การณ์"

ช่วงนี้วงการเมืองที่ยังมีข้อห้ามทำกิจกรรมทางการเมืองดูมีอะไรแปลกๆ แต่ยังไร้สัญญาณการเปลี่ยนแปลง ชาวบ้านได้ยินเพียงน้ำคำเจื้อยแจ้วเล่นลิ้นลีลาหาสาระแท้จริงเอาแน่เอานอนไม่ได้ คนอยากอยู่ต่อทอดยาวอำนาจยังวางท่าวางมาดลุ่มลึก

โธ่! ถ้าไม่ต้องการอยู่ต่อ ต้องประกาศ “ผมไม่เอาแล้ว” การทำท่าอ้ำอึ้งชี้ชัดว่าอยากเต็มที่ แต่ยังอมพะนำเพราะตัวเองก็ยังไม่รู้ชะตากรรมว่ามีอะไรรออยู่ต่างหาก

ยุคนี้มีอำนาจพิเศษ ใช่ว่าจะทำอะไรตามใจได้ง่าย เพราะเป็นช่วงขาลง ขาลอย จะขาหลุดเมื่อไหร่ขึ้นอยู่กับการคลายล็อก และปลดล็อกเพื่อทดสอบน้ำลายพิษของฝ่ายที่รอจังหวะถล่มช่วงก่อนเลือกตั้ง ดังนั้นความอยากยังปนอยู่กับความระย่อ หลังเย็นวาบๆ

ป่านนี้น่าจะจับสัญญาณพลังเร้นลับน่ากลัวได้ชัดแล้วมั้งนิ?!

เมื่อคุณท่านยังไม่ประกาศชัดว่าจะเอาหรือไม่เอา ชาวบ้านมองว่าแม้จะอยากแสนอยาก ก็ยังไม่กล้าผูกมัดด้วยคำพูดจริงจัง เกรงว่าจะนำไปสู่คำถามและความเคลื่อนไหวของฝ่ายตรงข้ามที่จะต้องเร่งวางแผนสกัดกั้น เพื่อให้การเล็งผลเลิศเป็นเพียงแค่ฝันค้าง

ความฝัน ความหวัง ไม่เสียค่าใช้จ่าย แต่ต้องพร้อมยอมรับความผิดหวัง การเลือกตั้งคือการแข่งขันเพื่อให้ได้คะแนนมากที่สุดจากชาวบ้านคนสนับสนุน ถ้าหวังมากย่อมมีเดิมพันสูง การเมืองด้อยพัฒนา ชัยชนะคือโอกาสได้ครอบครองขุมทรัพย์ประเทศ

แผ่นดินนี้มั่งคั่ง นักเขมือบได้รุมทึ้งทรัพย์สินแผ่นดินมาตั้งแต่ปี 2475 จาก 5-10 เปอร์เซ็นต์ ใต้โต๊ะ ตามน้ำ จนถึง 40-50 เปอร์เซ็นต์ดังเสียงร่ำลือทุกวันนี้ก็ยังไม่ล่มสลาย

การเมืองจึงเป็นเพียงเปลี่ยนหน้าคนโกงกินมาโดยตลอด แต่ผู้กระทำรัฐประหารตัวจริงยุค 2475 ไม่กล้าแบบทหารหาญ ขออ้างชื่อคณะราษฎร ภายหลังเปลี่ยนมาเป็น “คณะราษฎร” จากนั้นก็สลับกับการเลือกตั้ง รัฐบาลนักการเมืองและนักรัฐประหาร

มีความเหมือนกันอย่างหนึ่งคือ “ได้กุมอำนาจแล้วรวยกันทั่ว” ยังไม่เคยเห็นนักการเมืองขาใหญ่ยากจน นักรัฐประหารประเภทเจียมตัว มักน้อย ไม่เคยมี ถ้ามีคงไม่กล้าทำรัฐประหารเพื่ออำนาจสู่ความมั่งคั่งแม้ใช้ข้ออ้างช่วงแรกว่า “ทำเพื่อชาติ”

ได้ยินกันคุ้นหูคือ “รักชาติจนน้ำลายไหล พุงกาง หายจนทันควัน” นั่นแหละ! อีกอย่างที่เหมือนกันคือ “ไม่รับผิดชอบกับความเสียหายใดๆ ที่เกิดขึ้นกับบ้านเมือง”

ถ้าโกงหนัก มูมมามไม่ระวัง พลาดท่าโดนคดีอาญาก็หนีไปเมืองนอก!

ครั้งนี้ ถ้าจะมีเลือกตั้งตามโรดแหม็บๆ จริงเดิมพันจะสูง ถ้าบางกลุ่มพ่ายแพ้ อาจต้องหาที่อยู่ภูมิลำเนาใหม่นอกประเทศ เมื่อยังไม่มีใครกล้ารับประกันว่าจะมีเลือกตั้ง ต้องคิดไว้ก่อนว่าอาจไม่มี จะให้ใครที่มีอำนาจประกาศวันกาเบอร์ด้วยแล้วก็ยิ่งยาก

การเมืองน้ำเน่าด้อยพัฒนา จะทำอะไรมักมีคำว่า “ถ้า...” เช่น “เลือกตั้งจะมีตามโรดแมป ถ้าไม่มีใครตีกัน” นั่นนี่โน่น ดูตามสถานการณ์ที่แปรผัน วันก่อนลุงป้อม เจ้าของพลังลมใต้ปีกรัฐบาลคุณท่านยังออกท่าโลเลว่าจะอยู่ต่อเพื่ออุ้มคุณท่านหรือไม่

เป็นดาวฤกษ์ดวงสำคัญ แสดงพลังจ้าช่วยรัฐบาลมากว่า 4 ปี วันนี้ลุงป้อมอาจมองว่าเมื่อดาวเคราะห์ไร้แสงนึกว่าตัวเองเป็นดาวฤกษ์ก็อยากโบกมืออำลาขอไปอยู่บ้าน ที่ผ่านมามีปัญหาสุขภาพ เดินตรวจแถวทหารกองเกียรติยศต่างประเทศก็ดูท่าลำบาก

นี่เป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำหรับอาการอ้ำอึ้งและ “ถ้า...” ต่างๆ

กลุ่มพลังดูดเพื่อชาติที่เชื่อมั่นในอำนาจเงินและพลังแฝงเร้นบีบคั้นว่าจะดึงดูดพวกนักเลือกตั้งซื้อเสียงมาเป็นลมใต้ปีกให้คุณท่านผู้ใหญ่ผู้โตได้มากนั้น ก็เริ่มถูกมองว่าไม่มีศักยภาพของแท้ตามคำคุยโอ่วางมาดเขื่องเมื่อไปพูดตะล่อมกล่อมชาวรากหญ้าชนบท

ชาวบ้านได้ยินเสียงแปร่งๆ จากคุณท่านผู้ใหญ่ผู้โตวันก่อน เป็นอาการออกตัว หรือยังไม่แน่ใจ เป็นลีลาเดิมๆ แทงกั๊ก หรือเผื่อทางถอยหลบ ก็สุดแล้วแต่มุมมอง...ฟังดูนะ

“...วันนี้ผมยังไม่มีพรรคอะไรเลย ผมจะหาเสียงไปให้ใคร ที่สำคัญ เป็นความร่วมมือระหว่างรัฐและภาคเอกชน จึงอยากฝากไว้และอยากให้ตั้งข้อสังเกตว่า การบริหารราชการแผ่นดินของประเทศไทย เป็นของนักการเมืองเพียงอย่างเดียวหรือเปล่า เป็นของคนกลุ่มเดียวหรืออย่างไร เพราะข้าราชการอื่นๆ พลเรือน ตำรวจ ทหาร ที่เกษียณอายุแล้วก็มีขีดความสามารถ ที่จะเข้าสู่การเมืองได้ตามกฎหมาย ถ้าใครอยากจะทำ ในส่วนของผม ถ้าผมจะต้องทำก็จะไม่ทำเพื่อผลประโยชน์ของตัวเอง แต่จะทำเพื่อผลประโยชน์ของประเทศชาติ และประชาชนเป็นหลัก ขอให้คอยดูกันต่อไป”

ทุกวันนี้ไม่มีนักการเมืองจากเลือกตั้งบริหารบ้านเมือง มานานกว่า 4 ปี มีแต่ทหารนอกราชการ ข้าราชการเกษียณ คนเคยอยู่ในรัฐบาลก่อนๆ แต่กลับมีเสียงร่ำลือเรื่องทุจริต คอร์รัปชั่นบันลือโลก 50 เปอร์เซ็นต์ “กินหนักกว่าเก่า” ดูแล้วพิสดาร พิลึกมาก

แต่ก็บอกแล้วไง มหกรรมการเปิบเป็นมาอย่างนี้ตั้งแต่ยุค 2475 แล้ว! ถ้าการรัฐประหารดีจริง ได้ผล แก้ปัญหาบ้านเมืองได้ คงไม่ต้องทำ 18-19 ครั้ง มีแต่ทำแล้วรวย

ดังนั้นเมื่อคุณท่านอ้างแบบวางมาดขรึมๆ ซึมๆ ลุ่มลึก ว่าการบริหารบ้านเมืองควรให้ฝ่ายอื่นๆ นอกจากนักการเมือง มีส่วนบ้างนั้น จะให้ชาวบ้านเข้าใจว่า “คุณท่านอยากอยู่บริหารต่อเพื่อชาติ ประชาชน” ไม่ทำเพื่อผลประโยชน์ตัวเอง ใช่หรือไม่?

เคยมีคณะผู้ก่อตั้งรัฐบาลใดที่ประกาศเปิดเผยว่าจะเข้ามา “เพื่อผลประโยชน์ส่วนตัวและเพื่อนพ้องน้องพี่” บ้างหรือเปล่า? แต่ก็ร่ำรวยอู้ฟู่กันทั้งนั้น ใช่หรือไม่?

ยังมีคำถามคาใจชาวบ้าน เช่น ทำไมจึงไม่แถลงผลงานกว่า 4 ปีอย่างเปิดเผย จริงจัง ให้โอกาสประชาชน สื่อ หรือกลุ่มต่างๆ ซักถาม ทั้งประเด็นสงสัยเรื่องการทุจริตในงานจัดซื้อจัดจ้าง การไม่ปฏิรูป นโยบายต่างๆ ที่ชาวบ้านไม่ได้ขอ การอวยกลุ่มทุนใหญ่

อ้อ! เดี๋ยวนี้มีกลุ่มหนุนใหม่ เป็นคนชุมชนโลกมายา นักแสดง มากหน้าหลายตา คนในวงการบันเทิง ให้กำลังใจ ทำเอาคุณท่านปลื้มสุดๆ ยิ้มระรื่นแก้มแทบปริ

เมื่อคุณท่านจะอยู่ต่อ ช่วยประกาศว่าจะรับผิดชอบกับผลงาน และความเสียหายที่ผ่านมาได้หรือไม่ จะรับผิดชอบอย่างไร เพื่อสร้างประวัติศาสตร์ใหม่ให้วงการเมืองหลุดจากบ่อน้ำเน่าได้หรือไม่! เพื่อความแฟร์ๆ กรุณาอย่าประกาศนิรโทษกรรมตัวเองนะ




กำลังโหลดความคิดเห็น