xs
xsm
sm
md
lg

"บิ๊กตู่"ขอโอกาส สานงานต่อ ก่องานใหม่

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์

"บิ๊กตู่"ขอโอกาส สานงานต่อ ก่องานใหม่

**นาทีนี้แม้ว่าจะยังไม่มีคำสั่งคลายล็อกให้พรรคการเมืองได้ทำกิจกรรมบางอย่างได้ แต่ก็ถือว่าได้เห็นแนวโน้มที่เข้มข้นขึ้นมาแล้ว นั่นคือ เริ่มมีการป้ายสี ร้องเรียน เล่นกันแรงไม่เบา
ขณะเดียวกันล่าสุดก็ได้เห็นท่าทีที่ชัดเจนของ "บิ๊กตู่" พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ว่าต้องการกลับมาเป็นนายกรัฐมนตรีอีกครั้งหนึ่ง อย่างน้อยก็ด้วยภารกิจที่ต้องการ "สานงานต่อ ก่องานใหม่"
คำพูดของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เมื่อวันที่ 4 กันยายนที่ผ่านมา ถือว่าชัดเจนที่สุดว่าเขา "เอาแน่" เพียงแต่ว่าให้รอดูหลังจากที่มีคำสั่ง"คลายล็อก" ออกมาเสียก่อน ส่วนรูปแบบจะเป็นแบบไหน จะมาแบบ "นายกฯคนนอก" หรือ "นายกฯคนใน" ในแบบที่ให้บางพรรคเสนอชื่อเป็นนายกรัฐมนตรี ส่วนจะลงสมัครรับเลือกตั้งโดยตรงนั้นปิดทางไปแล้ว เนื่องจากเขาได้ประกาศชัดเจนไปก่อนหน้านี้
** หากพิจารณาถึงความเป็นไปได้มากที่สุดก็น่าจะเป็นแบบ "นายกฯคนใน" ที่ให้บางพรรคเสนอชื่อมากกว่า
อย่างน้อยวิธีนี้มีความเสี่ยงน้อย เจอแรงเสียดทานน้อยกว่าแนวทางแรกที่เป็นแบบ "นายกฯคนนอก" เพราะแบบนี้เสี่ยงต่อการสร้าง"เงื่อนไข" ให้ฝ่ายตรงข้ามนำไปขยายผลโจมตีได้ไม่ยาก ซึ่งเคยมีบทเรียนมาแล้ว เมื่อครั้งสมัย พล.อ.สุจินดา คราประยูร แม้ว่าบริบท และสถานการณ์มันจะต่างกันมากมาย แต่หากสามารถปิดเงื่อนไขเอาไว้ได้ก่อน ก็สมควรที่จะต้องรีบดำเนินการ
เพื่อให้เห็นภาพชัดเจนก็ลองไปฟังคำพูดบางช่วงบางตอนของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เสียก่อนดังนี้
"ขอตอบว่า เมื่อกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญอีกสองฉบับโปรดเกล้าฯ ลงมาแล้ว และ เมื่อมีคำสั่ง ม.44 คลายล็อกพรรคการเมือง ซึ่งขณะนี้อยู่ในระหว่างการดำเนินการ จากนั้นขั้นตอนต่อไป คือการเดินหน้าสู่การเลือกตั้ง เพื่อนำไปสู่การเป็นประชาธิปไตยโดยสมบูรณ์ ที่จะต้องได้รัฐบาลที่มีธรรมาภิบาล โดยสถานการณ์ในช่วงนั้น จะเป็นผลในการตัดสินใจของผม ว่าจำเป็นต้องอยู่เพื่อปฏิบัติหน้าที่ต่อไป ตามรัฐธรรมนูญ หรือด้วยกลไกของรัฐธรรมนูญหรือไม่ และถ้าจำเป็น แล้วจะเป็นได้อย่างไร ซึ่งจะตัดสินใจอีกครั้งในสถานการณ์ช่วงนั้น"
"ทั้งนี้ ก็เพื่อปกป้องผลประโยชน์ของชาติและประชาชน นำประเทศชาติไปสู่การปฏิรูป และเป็นไปตามยุทธศาสตร์ชาติ ที่ได้เริ่มดำเนินการไปแล้ว นี่คือคำตอบของผม"
"วันนี้ผมยังไม่มีพรรคอะไรเลย ผมจะหาเสียงไปให้ใคร ที่สำคัญเป็นความร่วมมือระหว่างรัฐ และภาคเอกชน จึงอยากฝากไว้และอยากให้ตั้งข้อสังเกตว่า การบริหารราชการแผ่นดินของประเทศไทย เป็นของนักการเมืองเพียงอย่างเดียวหรือเปล่า เป็นของคนกลุ่มเดียวหรืออย่างไร เพราะข้าราชการอื่นๆ พลเรือน ตำรวจ ทหาร ที่เกษียณอายุแล้ว ก็มีขีดความสามารถ ที่จะเข้าสู่การเมืองได้ตามกฎหมาย ถ้าใครอยากจะทำ ในส่วนของผม ถ้าผมจะต้องทำ ก็จะไม่ทำเพื่อผล ประโยชน์ของตัวเอง แต่จะทำเพื่อผลประโยชน์ของประเทศชาติ และประชาชนเป็นหลัก ขอให้คอยดูกันต่อไป"
**ความหมายก็ชัดเจนอยู่แล้วว่า"ไปต่อ" แต่รออีกแป๊บหนึ่งว่า "ไปแบบไหน" เท่านั้นเอง ขณะที่ "พี่ใหญ่" พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ก็สนับสนุนเต็มที่ว่า "ควรเป็นนายกฯต่อไป เพื่อทำงานต่อให้จบ"
อย่างไรก็ดี ท่าทีแบบนี้ของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ไม่ใช่เรื่องเหนือความหมาย เนื่องจากพอคาดการณ์กันได้อยู่แล้ว หากพิจารณาจากปัจจัยและความจำเป็นรอบตัว รวมไปถึงโครงการสำคัญต่างๆ ที่รัฐบาลคสช. ริเริ่มลงทุนลงแรงเอาไว้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่อง "แผนยุทธศาสตร์20 ปี" ที่แม้ว่าเป็นแผนระยะยาว แต่ต้องปรับปรุงกันทุก 5 ปี นโยบายดังกล่าวนี้ ต้องสานต่อให้เป็นรูปเป็นร่างก่อน เพราะหากปล่อยมือไปตั้งแต่ตอนนี้ พวกพรรคการเมืองที่เข้ามาใหม่ ต้องรื้อแน่
และที่สำคัญที่สุดพวกเขาไม่อยากลงจากหลังเสือในตอนนี้ อย่างน้อยก็ต้องพ้นจากระยะนี้ไปก่อน หรืออย่างที่เรียกว่าผ่าน"ช่วงเปลี่ยนผ่าน"ไปก่อน ซึ่งตามระยะเวลาที่มีการออกแบบเอาไว้อย่างน้อย 5 ปี ตามบทเฉพาะกาลในรัฐธรรมนูญ ขณะเดียวกันเมื่อพิจารณาจากความนิยมก็ยังถือว่า "ยังไปได้" เมื่อเทียบกับนักการเมืองที่มีอยู่ในปัจจุบันเขายัง "กินขาด" แล้วแบบนี้จะกลับไปเลี้ยงหลานดื้อๆ ทำไม
**แต่ถึงอย่างไร แม้ว่าการจะไปต่อไม่ได้เหนือความคาดหมาย แต่เส้นทางใหม่ข้างหน้ามันไม่เหมือนเดิม แรงเสียดทานจะมากกว่าเดิม ซึ่งเขาก็น่าจะรู้ดี คงต้องปรับขบวนกันใหม่ ต้องรู้ว่าสิ่งไหน "พะรุงพะรัง" ต้องสลัดทิ้งไปบ้าง ถ้าทำได้ ก็ไปได้ไกล !!


กำลังโหลดความคิดเห็น