xs
xsm
sm
md
lg

“เดินหน้า”การเมืองแบบ“บิ๊กตู่”(ตอนเจ็ด)ก่อนเลือกตั้ง..ตั้งหลักก่อนดีไหม“บิ๊กตู่”?

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


“สอดแนมการเมือง”
“ชัชวาลย์ ชาติสุทธิชัย”

“ผู้นำรัฐประหาร”ควบตำแหน่ง“นายกฯ”ชื่อ“บิ๊กตู่” พูดว่า ถ้าบ้านเมืองไม่สงบ..เลือกตั้งก็จบ!

ถ้างั้นตามโรดแมป วันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2562 จะมีเลือกตั้งไหม? คำตอบ-ไม่มีใครรู้?

อ้าว!..งั้น 6 พฤษภาคม 2562 จะมีเลือกตั้งไหมล่ะ? คำตอบ-ก็ไม่มีใครรู้อีก(ว่ะ)?

งานนี้..ดูเหมือนแม้แต่ตัว“บิ๊กตู่”เองก็ไม่รู้ว่า จะยังอยู่ในตำแหน่ง“นายกฯ”จนเลือกตั้งรึเปล่าด้วยซ้ำไป!? อ้าวแล้วกัน!..ทำไม “นายกฯตู่”จะไม่ได้อยู่จนมีการเลือกตั้งล่ะ?

คำตอบ-คือ-เรื่องแน่นอนคือเรื่องที่ไม่แน่นอน! เฮ้ย!..แบบนี้ใครๆก็ตอบได้..เฮ้อ..“เจ็บหัวโว้ย!”

“คอการเมืองคนหนึ่ง”จึงตอบอย่างขรึมขลังว่า การเมืองไทยมักมีเรื่อง“ไม่คาดฝัน-ไม่คาดคิด-คิดไม่ถึง”เกิดขึ้นเสมอ “อุบัติเหตุทางการเมือง”ผุดโผล่ขึ้นมาได้ทุกเมื่อ เพราะ“นายกฯตู่”ได้ผันตัวเองมาเป็น“นักการเมือง”ชั้น“เซียนเหยียบขี้เมฆ”เรียบร้อยแล้ว

วันนี้“นายกฯตู่”สำเร็จวิชา“พูด”แบบ“นักการเมือง”ได้ซู้ดยอดแล้ว นั่นคือ

“พูด-จริงบ้างไม่จริงบ้าง”อย่างคล่องแคล่ว! “พูดเรื่องที่-ทำไม่ได้ผสมทำได้บ้าง”ได้หน้าตาเฉย! “พูดได้ทุกเรื่อง-พูดให้คนฟังงง-พูดให้คนไม่เชื่อ-พูดให้คนเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง”ได้แบบเหลือเชื่อ! “พูดตรงไปตรงมา”น่าเชื่อถือก็ได้! “พูดทีเล่นทีจริง”น่าพิศวงชวนติดตามก็ได้! “พูดเคร่งขรึมจริงจัง”น่าศึกษาค้นคว้ามิรูจบก็ได้! “พูดดุเดือดเผ็ดมันทุกเม็ด”จนผู้คนขวัญกระเจิงก็ได้! พูดตลกราว“ตู่ชวนยิ้ม”เรียกเสียงฮาครืนก็ได้อีก! ฯลฯ

เรียกว่า..ผู้สื่อข่าวและผู้คนต้องแอบซุบซิบกันว่า “นายกตู่”คนนี้“พูด-น้ำไหลไฟดับ”บ้างล่ะ! “นายกฯตู่”คนนี้“พูดจนลิงหลับคร็อก”บ้างล่ะ! “นายกฯตู่”คนนี้“พูดเยอะจนจับต้นชนปลายไม่ถูก”บ้างล่ะ! “นายกฯตู่”คนนี้“พูดเพื่อให้ผู้คนประหยัดไฟ”บ้างล่ะ! ฯลฯ

แต่ต้องยอมรับกันนะว่า “นายกฯตู่”คนนี้ห้าวเป้งพอๆกับ“นายกฯสมัคร” นั่นคือ ชอบต่อกรต่อว่า“ผู้สื่อข่าว”อย่างดุดันถึงลูกถึงคน บางครั้งยังทำท่าทำทางถมึงทึงจังก้าน่ากลัว บางคราถึงกับหลุดคำผรุสวาทที่“เยาวชนไม่ควรได้ยินได้ฟัง”อีกด้วย

สำหรับเรื่อง“นายกฯ”กับ“ผู้สื่อข่าว”เนี่ย โดยหลักการ..ถ้าทำในเรื่องที่ถูกต้องแล้ว “นายกฯ”จะมาจากรัฐประหารและเลือกตั้ง ไม่ต้องเกรงใจ-ไม่ต้องเกรงกลัว-ไม่ต้องเอาใจ ฯลฯ “ผู้สื่อข่าว”หน้าไหนทั้งสิ้น!

“ผู้สื่อข่าว”มีหน้าที่เสนอข่าวตามความเป็นจริง อย่างตรงไปตรงมา ให้ประชาชนได้รับรู้ ดังนั้น นายกฯ-รัฐมนตรี-ข้าราชการ-พ่อค้านักธุรกิจที่ดีทั้งหลาย จะเกรงใจ-จะเกรงกลัว-จะเอาใจ“ผู้สื่อข่าว”ทำไม?

แน่นอน.. “ผู้สื่อข่าว”ก็มิได้ต่างจากอาชีพอื่นๆ ที่มีทั้ง“คนดี”และ“คนเลว”เป็นธรรมดา นั่นเป็นสิ่งที่“ผู้สื่อข่าวที่ดี”และ“องค์กรผู้สื่อข่าว” รวมทั้งนายกฯ-รัฐมนตรี-ข้าราชการ-พ่อค้านักธุรกิจ-ประชาชน จะต้องช่วยกันตรวจสอบ เพื่อให้คุณให้โทษหรือลงโทษทางสังคม ต่อบรรดา“ผู้สื่อข่าวเลว” ที่ไร้จรรยาบรรณไร้จิตสำนึก ในการปกป้องรักษาผลประโยชน์ชาติและประชาชนอย่างจริงจัง

โดยเฉพาะ“ผู้สื่อข่าวชั่วช้าสามานย์” ที่ไปสมคบกับ นายกฯ-รัฐมนตรี-นักการเมือง-ข้าราชการ-พ่อค้านักธุรกิจ ฯลฯ ร่วมกันคอร์รัปชั่นโกงชาติและขายชาติ เพียงเพื่อแสวงหาและกอบโกยผลประโยชน์ชาติ ไปเป็นผลประโยชน์ใส่ตนและพวกพ้อง

จากประวัติศาสตร์จริงของ“สื่อมวลชนไทย” ทั้งในอดีตตราบปัจจุบัน มี“สื่อมวลชน”มิใช่น้อย ที่ได้เสียสละอย่างกล้าหาญ เพื่อต่อสู้ปกป้องผลประโยชน์ของชาติและประชาชน จนชีวิตต้องลำบากยากแค้นอย่างแสนสาหัส บ้างถึงขั้นต้องบาดเจ็บพิกลพิการและล้มตาย

ในขณะเดียวกัน ก็มี“สื่อมวลชนไทย” ทั้งในอดีตตราบปัจจุบัน ที่ใช้อาชีพ“สื่อมวลชน”อย่างชั่วช้าสามานย์ ด้วยการเสนอข่าวโกหกมดเท็จ สร้างข่าวให้ร้ายป้ายสี เพียงเพื่อกอบโกยผลประโยชน์ใส่ตนและพวกพ้อง ที่สำคัญยังแอบไปรับใช้“ผู้มีอำนาจ”ในภาครัฐ และ“ผู้มั่งคั่ง”ในภาคเอกชนอยู่ตลอดเวลา โดยไม่คำนึงว่าสิ่งที่กระทำนั้น ทำร้ายชาติและประชาชนทั้งทางตรงและทางอ้อม

ดังจะเห็นได้จากประวัติศาสตร์จริงทางการเมือง ในยุค“นายกฯ”และ“รัฐบาล”ชั่วช้าสามานย์ ทั้งที่มาจากการเลือกตั้งและรัฐประหาร ที่มักมี“สื่อมวลชนเลว”ทำตัวเป็น“สุนัขรับใช้ผู้ซื่อสัตย์” ให้กับ“นายกฯและรัฐบาล”ที่คอร์รัปชั่นโกงชาติอยู่เสมอ

อย่างไรก็ตาม..แม้จะยืนหยัดอยู่ในหลักการ “ผู้มีอำนาจทุกภาคส่วน”ที่ทำดีเพื่อชาติและประชาชนไม่มีอะไรต้องเกรงกลัวและเกรงใจ“สื่อมวลชนหน้าไหน”ทั้งสิ้น แต่การได้เป็นถึง“นายกฯ”และ“รัฐมนตรี”ของชาติไทย รวมทั้งได้เป็น“ข้าราชการน้อยใหญ่ของแผ่นดิน” ก็ไม่ควรจะใช้กิริยาท่าทีก้าวร้าวต่อ“สื่อมวลชน”และประชาชนเด็ดขาด

เพราะการเป็น“บุคคลตำแหน่งสำคัญของชาติ” ถือเป็นบุคคลสาธารณะ ที่ต้องแสดงท่าทีและพูดจาในเรื่องราวต่างๆผ่านสื่อสาธารณะ สู่สายตาประชาชนทุกวัยทุกฐานะไม่มากก็น้อย ดังนั้น การแสดงท่าทีและถ้อยคำที่ไม่เหมาะสม ย่อมทำให้เด็กและเยาวชนเกิดความเข้าใจผิด โดยเฉพาะตำแหน่งนายกฯของชาติไทยไม่สมควรทำอย่างยิ่ง แม้ผู้คนจะรู้ว่า“นายกฯไทย”เป็น“คน” มิใช่พระอิฐพระปูนที่ไร้ความรู้สึก

อย่างไรก็ตาม..การเป็นบุคคลสาธารณะ การเป็นบุคคลสำคัญของชาติระดับ“นายกฯ” ก็ไม่มีเหตุผลใดให้แสดงท่าที และคำพูดที่ก้าวร้าวไม่เหมาะสม ในการให้สัมภาษณ์หรือแถลงข่าวสาร อันมีสาระเพื่อชาติและประชาชน เพราะเมื่อแสดงท่าทีและวาจาที่ไม่เหมาะสม ย่อมทำให้“สาระที่ดีของนายกฯ”หรือรัฐบาลไม่ได้รับความสนใจและด้อยค่าลงโดยปริยาย อีกทั้งจะทำให้ความน่าเชื่อถือในตัว“นายกฯ” และ“คณะรัฐบาล”ตกต่ำตามไปอีกด้วย

“นายกฯตู่”มีข้อบกพร่องในสิ่งที่กล่าวมาข้างต้น ขณะเดียวกัน“นายกฯตู่”ก็มีสิ่งที่ “สื่อมวลชน” ให้ความชื่นชมอยู่มิใช่น้อย เช่น

“บิ๊กตู่”เป็น“นายกฯ”ที่“กล้ารับผิด”และ“กล้ากล่าวคำขอโทษ” หลังใช้คำพูดและท่าทีที่ไม่เหมาะสมต่อ“สื่อมวลชน”อยู่บ่อยครั้ง กระทั่ง“นายกฯตู่”ยังเคยวิจารณ์ตนเอง และประกาศจะปฏิรูปตัวเอง เลิกใช้คำพูดและท่าทีที่ไม่เหมาะสมหลายคราอีกด้วย ซึ่งไม่มี“นายกฯไทยคนใด”กระทำเช่นนี้มาก่อน

แต่สิ่งที่น่าเสียดายก็คือ “นายกฯตู่”ก็ยัง“แพ้ภัยตัวเอง” เพราะยังทำอย่างที่พูดไม่ได้สักครา ด้วย“บิ๊กตู่”ยังคงเป็น“คนเดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย”เช่นเดิมมาจนทุกวันนี้

“สื่อมวลชน”ทั้งหลาย จึงมิได้ยึดติด ในคำพูดกับท่าที“ผีเข้าผีออก”ของ“นายกฯตู่”เป็นหลัก เพราะต้องไร้อคติ และหยิบเอา“เนื้อหาสาระดี”ในคำพูด“บิ๊กตู่” มานำเสนอต่อประชาชนเป็นหลัก โดยแยกแยะคำพูดที่ถูกน้อยถูกเยอะอย่างเที่ยงธรรม

แต่ก็อยากบอกกับ“นายกฯตู่”ว่า ถ้า“บิ๊กตู่”ลดการพูดแบบมากเรื่องมากความ จนทำให้ผู้คนจับต้นชนปลายไม่ได้ อีกทั้งยังทำให้ผู้คนเบื่อหน่ายการฟัง“นายกฯตู่พูด” ซึ่ง “นายกฯตู่”ก็รู้และเคยบ่นอยู่หลายครั้งว่า ทำไมพูดแล้วคนฟังไม่รู้เรื่อง! พูดแล้วคนเบื่อ! พูดแล้วคนเดินออก!

“นายกฯตู่”เคยพูดผ่านสื่อว่า..ตนพูดติดต่อกันนาน 5 ชั่วโมงได้เลย! แต่การพูดได้นานและการพูดเยอะเรื่องในแต่ละครั้งนั้น แน่ใจหรือว่า..ดีกว่าการพูดด้วยเวลาที่กระชับ และพูดแค่เรื่องสองเรื่องแบบตรงเป้าหมาย การพูดดีหรือไม่ดี สุดท้ายวัดผลที่คนเข้าใจเป็นหลัก แต่ถ้าพูดให้เข้าใจด้วยและพูดสนุกอีกด้วย-ยิ่งสุดยอด!

จะว่าไปแล้ว..เท่าที่ติดตาม“นายกฯคนนี้” ต้องยอมรับว่า “นายกฯตู่”มีความพยายามสูงมาก ในการจะสื่อสาระถึงผลงานทั่วไป ที่“นายกฯตู่”และรัฐบาลได้ทำมากว่า 4 ปี หวังจะให้ประชาชนยอมรับในผลงานเหล่านั้น แต่ผลงานบริหารชาติมากมายตามสไตล์ข้าราชการ ย่อมมิใช่ผลงานที่แก้ต้นเหตุปัญหาอันชั่วร้ายของชาติแน่นอน

โดยเฉพาะไร้ผลงานหลักในการปราบการโกงชาติ! การลดความเหลื่อมล้ำในสังคม! การปฏิรูปชาติในมิติต่างๆ! ดังนั้น หลักของรัฐบาลรัฐประหาร“บิ๊กตู่”จึงสอบตก..!!!

เลือกตั้งจะมีหรือไม่มี! “บิ๊กตู่-ตั้งหลัก”เดินหน้าปฏิรูปการเมืองชาติให้เสร็จก่อนดีกว่าไหม..?




กำลังโหลดความคิดเห็น