xs
xsm
sm
md
lg

“วัชรพล”แย้มชี้มูลสิ้นปีนี้ เมิน“เทือก”พล่านโรงพักฉาว

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

วานนี้ (23 ส.ค.) พล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ ประธานกรรมการป้องกันและปรามปราบการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.) กล่าวถึงกรณี นายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตรองนายกรัฐมนตรี ถูกกล่าวหาว่าทุจริตโครงการก่อสร้างโรงพักทดแทนและแฟลตตำรวจ ว่า คดีนี้งวดเข้ามาทุกทีแล้ว โดยเมื่อมีการแจ้งข้อกล่าวหา เจ้าหน้าที่จะนำสิ่งที่นายสุเทพชี้แจงมาวิเคราะห์ก่อนสรุปเสนอความเห็นต่อองค์คณะกรรมการไต่สวนคดี แล้วจึงเข้าสู่ขั้นตอนการเสนอเข้าที่ประชุมคณะกรรมการ ป.ป.ช.เพื่อพิจารณาต่อไป แต่ยังตอบไม่ได้ว่าจะเสร็จเมื่อใด อย่างไรก็ตาม คดีนี้มาถึงตอนปลายแล้ว คาดจะแล้วเสร็จก่อนสิ้นปี 61 เว้นแต่จะมีพยานหลักฐานเพิ่มเติม
พล.ต.อ.วัชรพลกล่าวว่า ส่วนที่นายสุเทพใช้วิธีพูดถ่ายทอดสดผ่านเฟซบุ๊กไลฟ์เพื่อชี้แจงข้อมูลหลักฐานต่างๆ นั้น เป็นความต้องการของผู้ถูกกล่าวหาที่พยายามจะสื่อสารออกไป แต่กรรมการ ป.ป.ช.จะวินิจฉัยตามข้อเท็จจริง เราไม่ได้มองว่าถูกดิสเครดิต หากเห็นว่ามีประเด็นที่กระทบต่อการทำงานของ ป.ป.ช. ผู้ที่เกี่ยวข้องจะต้องรับมาวินิจฉัย และคงไม่ต้องคิดว่าจะไประงับไม่ให้นายสุเทพพูด เมื่อมีการติติงมา เราก็ยิ่งต้องระมัดระวัง ให้ทำงานอย่างครบถ้วน ถูกต้องตามพยานหลักฐานมากยิ่งขึ้น แล้วรอผลการพิจารณาชี้มูลความผิดว่าจะเป็นอย่างไร ตนไม่มีสิทธิห้ามไม่ให้นายสุเทพเฟซบุ๊กไลฟ์ การที่นายสุเทพไปพูดที่อื่นไม่ถือว่าเข้ากระบวนการของ ป.ป.ช. แต่เป็นสิทธิของเขา ไม่เกี่ยวกับเรา และยังไม่มีอะไรเกินเลยกฎหมายหรือกระทบต่อการทำงานของ ป.ป.ช.
ด้านนายวรวิทย์ สุขบุญ เลขาธิการ ป.ป.ช. กล่าวว่า มีหลายคดีที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนักการเมืองที่ ป.ป.ช.กำลังไต่สวนอยู่ในเวลานี้ จึงไม่อยากให้นายสุเทพคิดว่า ป.ป.ช.เลือกปฏิบัติ จนถูกตั้งข้อกล่าวหา แล้วนำเรื่องนี้มาเป็นประเด็นทางการเมือง เพราะเรื่องนี้เป็นประเด็นการเมืองไปแล้ว อย่างไรก็ตาม ไม่คิดว่านายสุเทพกำลังดิสเครดิต ป.ป.ช. โดยนายสุเทพสามารถชี้แจงข้อเท็จจริงต่อ ป.ป.ช.ได้จนถึงสิ้นเดือนสิงหาคมนี้ หลังจากนั้นจะสรุปสำนวนคดี ส่งให้คณะกรรมการ ป.ป.ช.ชุดใหญ่พิจารณาชี้มูลความผิดต่อไป
อีกด้าน นายสุเทพ ได้เฟซบุ๊กไลฟ์ชี้แจงอีกครั้ง ระบุช่วงหนึ่งว่า ประเด็นที่ว่าฝ่าฝืนมติคณระรัฐมนตรี (ครม.) ไม่ปฏิบัติตามมติ ครม. เนื่องจากในการพิจารณาอนุมัติโครงการนี้ ในสมัยที่ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นนายกรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 17 ก.พ.52 และครม. มีมติอนุมัติหลักการโครงการก่อสร้างสถานีตำรวจทดแทน 396 แห่ง โดยให้ สตช. ดำเนินการตามความเห็นสำนักงบประมาณ และยกเว้นการปฏิบัติตามมติ ครม. เมื่อวันที 10 ก.พ.52 เรื่องการปรับปรุงแก้ไขมติ ครม. เรื่องหลักเกณฑ์ เรื่องการก่อหนี้ผูกพันงบประมาณข้ามปี
“คณะอนุกรรมการไต่สวน ป.ป.ช. อ้างหลักฐานหนังสือของสำนักงบฯลงวันที่ 27 พ.ย.51 ที่มีถึงเลขาธิการ ครม. เพื่อนำเรื่องเสนอต่อที่ประชุม ครม. เรื่องอนุมัติก่อสร้างโครงการก่อสร้างสถานีตำรวจทดแทน 396 แห่ง โดยมีทั้งหมด 3 หน้า ซึ่งถ้านักเรียนมัธยมอ่านก็เข้าใจว่า สำนักงบฯเสนอ ครม. ให้ สตช.ดำเนินการในส่วนที่จำเป็นเร่งด่วน ในกรอบวงเงิน 6,672 ล้านบาท และทั้งให้ก่อหนี้ผูกพัน โดยในงบประมาณปี 2552 ให้สตช.ปรับแผนการใช้เงินที่ตัวเองได้รับงบประมาณร้อยละ 5 ของโครงการนี้คือ 333 ล้านบาท มาใช้ในปีแรก ส่วนงบที่เหลือเข้าไปผูกพันงบประมาณปี 2553-2554 ให้สำนักงบประมาณเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายรองรับค่างานตามสัญญาต่อไป” นายสุเทพ กล่าว
อดีรองนายกฯกล่าวต่อว่า หนังสือฉบับนี้สำนักงบประมาณไม่ได้พูดตรงไหนเลยว่า ต้องใช้วิธีจัดซื้อจัดจ้างอย่างไร แต่คณะอนุกรรมการไต่สวนของ ป.ป.ช. อ้างว่า สำนักงบประมาณเห็นว่า จะต้องจัดซื้อจัดจ้างด้วยการกระจายการจัดซื้อจัดจ้าง ไปยังหน่วยงานในสังกัด สตช. ตามพื้นที่ที่จะทำการก่อสร้าง เพื่อให้สำเร็จเป็นรูปธรรมได้เร็วขึ้น ดังนั้นเมื่อ ครม. มีมติให้ดำเนินการตามความเห็นสำนักงบประมาณ จึงต้องจัดจ้างกระจายไปตามพื้นที่ เพราะถ้าไม่ทำก็ถือว่าเป็นการฝ่าฝืนมติ ครม. จึงนำหนังสือที่เขาอ้างถึงไปแสดงกับคณะกรรมการ ป.ป.ช. ชุดใหญ่ เพื่อชี้ว่าสำนักงบฯไม่ได้มีหน้าที่ตัดสินใจว่าโครงการต่างๆ จะใช้วิธีการจัดจ้างอย่างไร ไม่ได้มีหน้าที่พิจารณาการจัดจ้าง แต่สำนักงบฯมีหน้าที่พิจารณาเฉพาะเรื่องวงเงินงบประมาณที่จะใช้ในโครงการเท่านั้น.


กำลังโหลดความคิดเห็น