ข่าวปนคน คนปนข่าว
**ทางรอดสุดท้าย!! เมื่อ “วัชรพล”ประธาน ป.ป.ช. ไม่ยอมงอกรณี “โรงพักฉาว”เฉลยเหตุ “กำนันเทือก ณ รปช.”ประกาศนโยบาย “ต้องร่วมรัฐบาล”เท่านั้น หาใช่หวังใช้อำนาจฝ่ายบริหารขับเคลื่อน “วาระปฏิรูป”ที่เคยหล่นวาจาขายฝัน “มวลมหาประชาชน”ไว้หรอก แค่หวังเกาะเกี่ยว “อำนาจ”ที่อาจจะเป็น “หนทางสุดท้าย”ในการรอดพ้นบ่วงกรรมส่วนตัว จาก“คดีโรงพักฉาว”ก็เท่านั้นเอง
พล่ามรายวัน .. “กำนันเทือก”สุเทพ เทือกสุบรรณ พูดแก้ตัวไปเรื่อยเจี้อย กรณีทุจริตโครงการก่อสร้างโรงพักทดแทน และแฟลตตำรวจ ที่ “อนุฯป.ป.ช.” มีมติแจ้งข้อกล่าวหามาร่วมสัปดาห์ .. หลังๆ เริ่มหนักข้อคล้าย “คนตบะแตก”มีหยิบคำแรงๆ มากระทุ้ง ป.ป.ช. อย่างล่าสุดถึงขนาดเหน็บว่า “แกล้งโง่”ทำเป็นอ่านเอกสารไม่เข้าใจ .. มาถึงที “บิ๊กกุ้ย”พล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ ประธาน ป.ป.ช. ตอบโต้ออกมาบ้างในเชิง “ไม่ให้ราคา” พร้อมแย้มๆ ว่า“อาจจะเสร็จสิ้นปีนี้” ..ให้รู้ซะบ้างไผเป็นไผ ก็อำนาจชี้มูลความผิดอยู่ในมือป.ป.ช. ต่อล้อต่อเถียงไปก็เท่านั้น .. ท่าทีของ “ประธานกุ้ย”ดู จะค่อนข้างชัดเจน ด้วยรู้ดีถึงความอำมหิตโหดเหี้ยมของโครงการดังกล่าว .. ที่ทำให้พี่น้องข้าราชการตำรวจต้องตกระกำลำบาก น่าสมเพชเวทนา ถึงขั้นต้องไปขอใช้“ศาลาการเปรียญ –ศาลเจ้า” เป็นออฟฟิสชั่วคราวก็มี .. สอดรับข่าวกระแสข่าวที่ลือกันหึ่งว่า ก่อนที่“อนุฯ ป.ป.ช.” จะมีมติแจ้งข้อกล่าวหา ก็ได้มีความพยายาม “วิ่ง”เพื่อให้บทสรุปออกมาเหมือนกับที่ไม่แจ้งข้อกล่าวหา อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกฯ ในสมัยเดียวกัน .. แต่ “ผู้มีอำนาจตัดสินใจ”ปฏิเสธแบบไม่ต้องคิด พร้อมขู่ด้วยว่า หากมีการบังคับให้ “ล้มมวย”ขนาดนั้น ก็พร้อมที่จะลาออกจากตำแหน่งใหญ่โตเสียด้วย .. เป็นที่มาของการแจ้งข้อกล่าวหา “สุเทพ”และเป็นที่มาของอาการ “ตบะแตก”ไล่ด่ากราด ป.ป.ช.อย่างสาดเสียเทเสีย ทั้งที่รู้เต็มอกว่า ป.ป.ช.สังกัด “บ้านไหน” ..
ความชัดเจนตรงนี้เองที่ทำให้ “กำนันเทือก”เริ่มเห็นเค้าลางชะตาชีวิตของตัวเอง ว่ากำลัง “หนีไม่พ้น”..กอปรกับผิดหวัง ขุ่นเคือง “ผู้มีอำนาจ”อย่างแรง ที่ต้องมาถูกคดีในยุค คสช. ที่เจ้าตัวสู้อุตส่าห์ออกหน้าเป็น “ผู้นำม็อบ”ปูทางให้มีการผลัดเปลี่ยนอำนาจ แต่กลับไม่สามารถปัดป้องภัยพาลให้พ้นตัวได้ .. งานนี้จึงได้เห็นอาการพล่านไม่หยุด และพยายาม “ปัดสวะ”ไปทั่ว ที่สังเกตเห็นคือความพยายามลากเอา “ตัวละคร”ที่เกี่ยวข้องออกมาให้มากที่สุด .. โดยเฉพาะในฟากฝั่ง “บิ๊ก สตช. ที่ถูกเน้นย้ำเป็นพิเศษก็รายของ “บิ๊กป๊อด”พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ที่ถูกพูดถึงไม่ขาดปาก .. ทั้งที่หากดู “ตามเนื้อผ้า”แล้ว การตั้งเรื่องของ “พัชรวาท”ที่เสนอมายัง “สุเทพ”เลือกทางเลือกที่ดูจะเข้าท่าที่สุดกับการแยก “สัญญารายภาค”ไปแล้วด้วยซ้ำ .. ทว่า “จุดเปลี่ยน”มันมาเกิดในช่วงให้หลัง “พัชรวาท”พ้นตำแหน่งต่างหาก ที่รายละเอียดของโครงการ มีการปรับเปลี่ยนแบบหน้ามือเป็นหลังมือ รวมศูนย์เป็นสัญญาฉบับเดียว และผู้ประกอบการรายเดียว จนโครงการเกิดความเสียหาย .. ปฏิเสธไม่ได้ด้วยว่า ชะตากรรมของ “สุเทพ”ยังไปกระทบ “พรรครวมพลังประชาชาติไทย”อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ .. ด้วย “ชนัก”เรื่องนี้ทำเอา “พรรค รปช.”ไปกันไม่เป็น ครั้นจะขาย “วาระปฏิรูป”ก็ถูกจับได้ ล่อนจ้อนหมดแล้ว .. หนักกว่านั้นจะชูธงวาระปราบคอร์รัปชัน ก็ย้อนมาเข้าตัว “เจ้าของพรรค”จน “ลิ้นจุกปาก” .. และอาจจะมองได้ไม่ผิดว่า การที่ “กำนันเทือก” ตระบัดสัตย์ กลับมาเล่นการเมือง พร้อมว่า“นโยบายอย่างเดียว”ของ รปช.คือ “ต้องเป็นรัฐบาล”เท่านั้น ก็มาจากคดีนี้นี่เอง .. หาใช่หวังใช้อำนาจฝ่ายบริหารขับเคลื่อนวาระปฏิรูปที่เคยหล่นวาจาขายฝัน “มวลมหาประชาชน” ไว้อะไรหรอก .. แค่เกาะเกี่ยว “อำนาจ” ที่อาจจะเป็น “หนทางสุดท้าย” ในการรอดพ้นบ่วงกรรมส่วนตัวเท่านั้นเอง.
**เบื้องหลังมติอัปยศ!! งงกันทั้งบาง“กก.สารพิษฯ”ที่นายกฯตั้ง ไม่แบน 3 สารพิษ ทั้งที่คำตัดสินศาลมะกัน-ผลวิจัยชี้ชัด “โคตรอันตราย”จน “คนในวงการ”ตั้งแง่ว่า หาทางยื้อ วนเวียนแต่ตั้งกรรมการชุดแล้วชุดเล่า เพื่อประวิงเวลาให้เรื่องเงียบ ลือหึ่งมีคนกระเป๋าตุง กับ “ค่าตั๋วนำเข้า”มากถึง 7 หลัก แถม “ค่าหัวคิว”อีก “ลิตรละบาท”ที่คิดตามตัวเลขการนำเข้า
เป็นประเด็นมานาน .. กรณีสารเคมีอันตราย “พาราควอต -คลอร์ไพริฟอส-ไกลโฟเสท”ที่โฆษณาโอ้อ้วด “สรรพคุณ”ต่อวงการเกษตร .. ก่อนถูกแฉสิ้นไส้ว่าแฝงไปด้วย “โทษมหันต์” ทำให้ “แผ่นดินไทย-แผ่นดินทอง”กลายเป็น “แผ่นดินอาบสารพิษ” .. และยังมี “งานวิจัยระดับโลก” ชี้ว่าเป็นสาเหตุที่น่าจะก่อ “มะเร็ง - พาร์กินสัน”ส่งผลต่อพัฒนาการสมองของเด็ก และทารก .. หลังมีเหตุที่ “ประเทศพัฒนาแล้ว”เมื่อ ศาลแคลิฟอร์เนีย สหรัฐฯ สั่งให้จ้องของแบรนด์สารเคมีทางการเกษตรชื่อดัง อย่าง “มอนซานโต้” จ่ายชดใช้แก่ “เหยื่อสารพิษ”เกือบหมื่นล้านบาท .. เป็นเหยื่อที่ได้รับผลกระทบจาก “ไกลโฟเสท”ส่วนประกอบสำคัญของยาฆ่าหญ้าชื่อดัง “ราวด์อัพ” ..นอกจากนี้ “ศาลสหรัฐฯ”ยังสั่งให้ภาครัฐ สั่งห้ามใช้สารเคมีกำจัดแมลง “แคลอร์ไพริฟอส”ที่มีผลกระทบต่อพัฒนาการทางสมองของเด็กและทารก ภายใน 60 วันด้วย .. ส่วนพระเอกของเรื่องอย่าง “พาราควอต”ก็ถูก สำนักงานสิ่งแวดล้อมสหรัฐฯ ประกาศให้ เป็นสารพิษ ที่มีพิษเฉียบพลันสูง แค่จิบเดียวก็ตายได้-ไม่มียาถอนพิษ ..
น่าสะพรึงขนาดนี้ เหลือเชื่อว่า “คณะกรรมการแก้ไขปัญหาสารเคมีกำจัดศัตรูพืชที่มีความเสี่ยงสูง”ของไทย ที่ “เดอะโก้” สุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ รมต.ประจำสำนักนายกฯ เป็นประธานการประชุม ก็เพิ่งนัดประชุมในช่วงเดียวกัน เพื่อทบทวนสารพิษ 3 ชนิด ข้างต้น .. แต่กลับเพิกเฉยลง “มติอัปยศ”ไม่สั่ง “แบน” สารเคมีอันตรายทั้งหลายเหล่านั้น และพลิ้วไปให้มีการตั้งคณะกรรมการที่ “เป็นกลาง”ขึ้นมาอีกชุด .. จน “คนในวงการ”จับได้ไล่ทันว่า หาทางยื้อ วนเวียนแต่ตั้งกรรมการชุดแล้วชุดเล่า เพื่อประวิงเวลาให้เรื่องเงียบหรือไม่ .. ทั้งที่ก่อนหน้า “อาจารย์ยักษ์”วิวัฒน์ ศัลยกำธร รมช.เกษตร และสหกรณ์ ก็เคยถ่ายทอด “จุดยืน” ของ “นายกฯตู่”พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา มาแล้วว่า “ไม่ได้นิ่งนอนใจ”มีการนำเรื่องการนำเข้า “สารเคมีมีพิษ” เข้าที่ประชุม ครม.มาแล้วหลายครั้ง .. โดย “นายกฯตู่”สั่งการเด็ดขาดว่า “ให้หยุดให้ได้”หรือหากหยุดไม่ได้ ต้องหาวิธีทำอย่างไร ที่จะลดให้มากที่สุด เป็นที่มาของการตั้ง “คณะกรรมการแก้ไขปัญหาสารเคมีกำจัดศัตรูพืชที่มีความเสี่ยงสูง”เพื่อสรุปแนวทาง โดยให้ “รมต.โก้”เป็นผู้รับผิดชอบ .. แต่ผลลัพธ์กลับออกไปคนละทางกับ “จุดยืนนายกฯ” ท่ามกลางกระแสข่าวสะพัดเรื่อง “ค่าน้ำร้อนน้ำชา”มากกว่า 7 หลัก สำหรับ “ค่าตั๋ว”ใบอนุญาตต่างๆ .. แถมด้วย “ค่าหัวคิว”ที่คิดจากตัวเลขการนำเข้าสารเคมี “ลิตรละบาท”ให้กินกันยาวๆ อีกด้วย .. ยื้อยุดไปเรื่อยแบบนี้ เพราะมีใครกระเป๋าตุงอยู่หรือเปล่า เจ้านาย
**อีกแล้วครับท่าน!! “น้ำรั่ว”ในขบวนรถไฟฟ้าบีทีเอส ขณะผู้โดยสารเต็มขบวน บริษัทฯ แจงพบน้ำขังอยู่ในเครื่องปรับอากาศ ยังไม่ทราบสาเหตุ โบ้ย “ซีเมนส์”ตรวจสอบอีกที คิดแล้วหวาดเสียว “น้ำ –ไฟฟ้า”ของไม่ควรอยู่ด้วยกัน เกิดช็อตขึ้นมา คงไม่ต้องบอกผลที่ตามมา ถึงเวลาหรือยังที่ “ภาครัฐ” จะลองเข้ามาทบทวน “สัญญาชั่วโคตร”ซักที ยิ่งนานวัน “ข้อผิดพลาด”ที่มากขึ้น หรือต้องรอให้ถึง “ชีวิต”ก่อนถึงจะทำอะไรได้.
โทษปี่โทษกลองตามสูตร .. ครั้งก่อนประตูรถไฟฟ้าเปิดคา ในขณะรถวิ่งฉิว หวาดเสียวผู้โดยสารจะร่วงแหล่ มิร่วงแหล่ ทาง“รถไฟฟ้า BTS” ชี้แจงสั้นๆ ได้ใจความว่า “ความผิดส่วนบุคคล”โทษความสะเพร่าของ “ช่างซ่อมบำรุง” ..ล่าสุดเกิดคลิปในโลกโซเชียล เผยให้เห็นเหตุการณ์ “น้ำรั่ว”ในขบวนรถไฟฟ้าบีทีเอส ช่วงฝนตกด้านนอก เล่นเอาน้ำนองเต็มพื้น ขณะที่มีผู้โดยสารแน่นเต็มขบวน .. พร้อมคำบรรยายจากผู้ประสบเหตุว่า "เจอกะตัว ช็อกดิ อยู่ๆ เทโครมลงมาเฉย ตอนนี้ก็กระปริบ กระปรอย ตามจังหวะเลี้ยว จังหวะเบรก” ..เสียงวิพากษษ์วิจารณ์สนั่นโลกออนไลน์ หลายคนประชดประชันว่า คงต้องหาร่มมากางเวลาอยู่บนรถไฟฟ้า .. ฟังอาจดูเป็นเรื่อง “ตลกขบขัน”แต่หากคิดให้ดีๆ เรื่องแบบนี้ไม่ใช่ล้อเล่น “น้ำ–ไฟฟ้า”มันไปด้วยกันได้ที่ไหน เกิดช็อตขึ้นมาก็ บานตะไท ไม่อยากนึกถึงผลที่จะตามมา ..
พอเป็น “กระแสไวรัล”ทาง “บีทีเอส”ก็ออกแถลงการณ์ชี้แจงว่า เกิด “น้ำรั่ว”ในช่องระบายอากาศ (Air Return)ของระบบปรับอากาศในขบวนรถ .. อธิบายต่อว่า น้ำที่รั่วลงมานั้น มาจากตู้ที่ต่อพ่วงใหม่จากขบวนรถซีเมนส์เดิม ที่มีอยู่ 3 ตู้ และต่อมาได้เพิ่มให้เป็น 4 ตู้ต่อขบวน .. โดยขบวนรถที่ต่อเพิ่มนี้ ให้บริการมาเป็นปีที่ 6 และดำเนินการซ่อมบำรุงโดย “บริษัทซีเมนส์”..หลังจากที่ได้รับแจ้งก็ส่งเจ้าหน้าที่เข้าไปตรวจสอบและนำรถขบวนดังกล่าวออกจากระบบ เพื่อตรวจสอบและซ่อมอย่างละเอียด .. ก่อนพบว่า น้ำที่รั่วออกมานั้น ขังอยู่ในตัวเครื่องปรับอากาศ จึงได้ทำการเปลี่ยนเครื่องปรับอากาศทดแทนตัวเก่า แล้วให้ “บริษัทซีเมนส์”ไปหาสาเหตุอย่างละเอียด เพื่อป้องกันเหตุในอนาคต .. ฟังดูแล้ว “อุ่นใจชอบกล”ที่นับวันเข้า “รถไฟฟ้าบีทีเอส”จะเกิดเหตุผิดปกติ โดยที่ “ไม่รู้สาเหตุ” .. นึกๆ ต่อไปว่าเรายังคง “เลือกไม่ได้”ต้องใช้บริการรถไฟฟ้าภายใต้การบริหารของ“บีทีเอส” ไปอีกนับสิบปี โดยที่ขนาด “รัฐบาล”ก็ยังทำอะไรไม่ได้ .. ตาม “สัญญาชั่วโคตร”ที่ “หม่อมหมู”ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าฯ ขวัญใจมหาชน ทิ้งไว้ต่างหน้า .. แล้วก็น่าเสียดายไม่น้อยที่ คีรี กาญจนพาสน์ เจ้าพ่อบีทีเอส ไม่ถอดใจไปตั้งแต่ตอนขาดทุนตอนแรก แถมยังมานั่งทวงบุญคุณกันหน้าตาเฉยอีก .. ก็ต้องถามว่า ถึงเวลาหรือยังที่ “ภาครัฐ”จะลองเข้ามาทบทวน “สัญญาชั่วโคตร”การบริหารระบบขนส่งมวลชนขนาดใหญ่อย่าง “บีทีเอส”ซักที .. อย่างน้อยก็เพิ่ม “โทษปรับ – บทลงโทษ” ในกรณีที่เกิดข้อผิดพลาดลงไปบ้าง เพื่อป้องกันความขัดข้องนานัประการที่เกิดขึ้นถี่ยิบระยะหลัง .. หรือต้องรอให้สูญเสียถึง “ชีวิต”เสียก่อนถึงจะทำอะไรได้.
ช.ชฎา
+++++++++++++++++
รูป
- สุเทพ เทือกสุบรรณ , พล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ , พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ
- สุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ - วิวัฒน์ ศัลยกำธร
-น้ำรั่วในรถไฟฟ้าบีทีเอส -ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร- คีรี กาญจนพาสน์
**ทางรอดสุดท้าย!! เมื่อ “วัชรพล”ประธาน ป.ป.ช. ไม่ยอมงอกรณี “โรงพักฉาว”เฉลยเหตุ “กำนันเทือก ณ รปช.”ประกาศนโยบาย “ต้องร่วมรัฐบาล”เท่านั้น หาใช่หวังใช้อำนาจฝ่ายบริหารขับเคลื่อน “วาระปฏิรูป”ที่เคยหล่นวาจาขายฝัน “มวลมหาประชาชน”ไว้หรอก แค่หวังเกาะเกี่ยว “อำนาจ”ที่อาจจะเป็น “หนทางสุดท้าย”ในการรอดพ้นบ่วงกรรมส่วนตัว จาก“คดีโรงพักฉาว”ก็เท่านั้นเอง
พล่ามรายวัน .. “กำนันเทือก”สุเทพ เทือกสุบรรณ พูดแก้ตัวไปเรื่อยเจี้อย กรณีทุจริตโครงการก่อสร้างโรงพักทดแทน และแฟลตตำรวจ ที่ “อนุฯป.ป.ช.” มีมติแจ้งข้อกล่าวหามาร่วมสัปดาห์ .. หลังๆ เริ่มหนักข้อคล้าย “คนตบะแตก”มีหยิบคำแรงๆ มากระทุ้ง ป.ป.ช. อย่างล่าสุดถึงขนาดเหน็บว่า “แกล้งโง่”ทำเป็นอ่านเอกสารไม่เข้าใจ .. มาถึงที “บิ๊กกุ้ย”พล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ ประธาน ป.ป.ช. ตอบโต้ออกมาบ้างในเชิง “ไม่ให้ราคา” พร้อมแย้มๆ ว่า“อาจจะเสร็จสิ้นปีนี้” ..ให้รู้ซะบ้างไผเป็นไผ ก็อำนาจชี้มูลความผิดอยู่ในมือป.ป.ช. ต่อล้อต่อเถียงไปก็เท่านั้น .. ท่าทีของ “ประธานกุ้ย”ดู จะค่อนข้างชัดเจน ด้วยรู้ดีถึงความอำมหิตโหดเหี้ยมของโครงการดังกล่าว .. ที่ทำให้พี่น้องข้าราชการตำรวจต้องตกระกำลำบาก น่าสมเพชเวทนา ถึงขั้นต้องไปขอใช้“ศาลาการเปรียญ –ศาลเจ้า” เป็นออฟฟิสชั่วคราวก็มี .. สอดรับข่าวกระแสข่าวที่ลือกันหึ่งว่า ก่อนที่“อนุฯ ป.ป.ช.” จะมีมติแจ้งข้อกล่าวหา ก็ได้มีความพยายาม “วิ่ง”เพื่อให้บทสรุปออกมาเหมือนกับที่ไม่แจ้งข้อกล่าวหา อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกฯ ในสมัยเดียวกัน .. แต่ “ผู้มีอำนาจตัดสินใจ”ปฏิเสธแบบไม่ต้องคิด พร้อมขู่ด้วยว่า หากมีการบังคับให้ “ล้มมวย”ขนาดนั้น ก็พร้อมที่จะลาออกจากตำแหน่งใหญ่โตเสียด้วย .. เป็นที่มาของการแจ้งข้อกล่าวหา “สุเทพ”และเป็นที่มาของอาการ “ตบะแตก”ไล่ด่ากราด ป.ป.ช.อย่างสาดเสียเทเสีย ทั้งที่รู้เต็มอกว่า ป.ป.ช.สังกัด “บ้านไหน” ..
ความชัดเจนตรงนี้เองที่ทำให้ “กำนันเทือก”เริ่มเห็นเค้าลางชะตาชีวิตของตัวเอง ว่ากำลัง “หนีไม่พ้น”..กอปรกับผิดหวัง ขุ่นเคือง “ผู้มีอำนาจ”อย่างแรง ที่ต้องมาถูกคดีในยุค คสช. ที่เจ้าตัวสู้อุตส่าห์ออกหน้าเป็น “ผู้นำม็อบ”ปูทางให้มีการผลัดเปลี่ยนอำนาจ แต่กลับไม่สามารถปัดป้องภัยพาลให้พ้นตัวได้ .. งานนี้จึงได้เห็นอาการพล่านไม่หยุด และพยายาม “ปัดสวะ”ไปทั่ว ที่สังเกตเห็นคือความพยายามลากเอา “ตัวละคร”ที่เกี่ยวข้องออกมาให้มากที่สุด .. โดยเฉพาะในฟากฝั่ง “บิ๊ก สตช. ที่ถูกเน้นย้ำเป็นพิเศษก็รายของ “บิ๊กป๊อด”พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ที่ถูกพูดถึงไม่ขาดปาก .. ทั้งที่หากดู “ตามเนื้อผ้า”แล้ว การตั้งเรื่องของ “พัชรวาท”ที่เสนอมายัง “สุเทพ”เลือกทางเลือกที่ดูจะเข้าท่าที่สุดกับการแยก “สัญญารายภาค”ไปแล้วด้วยซ้ำ .. ทว่า “จุดเปลี่ยน”มันมาเกิดในช่วงให้หลัง “พัชรวาท”พ้นตำแหน่งต่างหาก ที่รายละเอียดของโครงการ มีการปรับเปลี่ยนแบบหน้ามือเป็นหลังมือ รวมศูนย์เป็นสัญญาฉบับเดียว และผู้ประกอบการรายเดียว จนโครงการเกิดความเสียหาย .. ปฏิเสธไม่ได้ด้วยว่า ชะตากรรมของ “สุเทพ”ยังไปกระทบ “พรรครวมพลังประชาชาติไทย”อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ .. ด้วย “ชนัก”เรื่องนี้ทำเอา “พรรค รปช.”ไปกันไม่เป็น ครั้นจะขาย “วาระปฏิรูป”ก็ถูกจับได้ ล่อนจ้อนหมดแล้ว .. หนักกว่านั้นจะชูธงวาระปราบคอร์รัปชัน ก็ย้อนมาเข้าตัว “เจ้าของพรรค”จน “ลิ้นจุกปาก” .. และอาจจะมองได้ไม่ผิดว่า การที่ “กำนันเทือก” ตระบัดสัตย์ กลับมาเล่นการเมือง พร้อมว่า“นโยบายอย่างเดียว”ของ รปช.คือ “ต้องเป็นรัฐบาล”เท่านั้น ก็มาจากคดีนี้นี่เอง .. หาใช่หวังใช้อำนาจฝ่ายบริหารขับเคลื่อนวาระปฏิรูปที่เคยหล่นวาจาขายฝัน “มวลมหาประชาชน” ไว้อะไรหรอก .. แค่เกาะเกี่ยว “อำนาจ” ที่อาจจะเป็น “หนทางสุดท้าย” ในการรอดพ้นบ่วงกรรมส่วนตัวเท่านั้นเอง.
**เบื้องหลังมติอัปยศ!! งงกันทั้งบาง“กก.สารพิษฯ”ที่นายกฯตั้ง ไม่แบน 3 สารพิษ ทั้งที่คำตัดสินศาลมะกัน-ผลวิจัยชี้ชัด “โคตรอันตราย”จน “คนในวงการ”ตั้งแง่ว่า หาทางยื้อ วนเวียนแต่ตั้งกรรมการชุดแล้วชุดเล่า เพื่อประวิงเวลาให้เรื่องเงียบ ลือหึ่งมีคนกระเป๋าตุง กับ “ค่าตั๋วนำเข้า”มากถึง 7 หลัก แถม “ค่าหัวคิว”อีก “ลิตรละบาท”ที่คิดตามตัวเลขการนำเข้า
เป็นประเด็นมานาน .. กรณีสารเคมีอันตราย “พาราควอต -คลอร์ไพริฟอส-ไกลโฟเสท”ที่โฆษณาโอ้อ้วด “สรรพคุณ”ต่อวงการเกษตร .. ก่อนถูกแฉสิ้นไส้ว่าแฝงไปด้วย “โทษมหันต์” ทำให้ “แผ่นดินไทย-แผ่นดินทอง”กลายเป็น “แผ่นดินอาบสารพิษ” .. และยังมี “งานวิจัยระดับโลก” ชี้ว่าเป็นสาเหตุที่น่าจะก่อ “มะเร็ง - พาร์กินสัน”ส่งผลต่อพัฒนาการสมองของเด็ก และทารก .. หลังมีเหตุที่ “ประเทศพัฒนาแล้ว”เมื่อ ศาลแคลิฟอร์เนีย สหรัฐฯ สั่งให้จ้องของแบรนด์สารเคมีทางการเกษตรชื่อดัง อย่าง “มอนซานโต้” จ่ายชดใช้แก่ “เหยื่อสารพิษ”เกือบหมื่นล้านบาท .. เป็นเหยื่อที่ได้รับผลกระทบจาก “ไกลโฟเสท”ส่วนประกอบสำคัญของยาฆ่าหญ้าชื่อดัง “ราวด์อัพ” ..นอกจากนี้ “ศาลสหรัฐฯ”ยังสั่งให้ภาครัฐ สั่งห้ามใช้สารเคมีกำจัดแมลง “แคลอร์ไพริฟอส”ที่มีผลกระทบต่อพัฒนาการทางสมองของเด็กและทารก ภายใน 60 วันด้วย .. ส่วนพระเอกของเรื่องอย่าง “พาราควอต”ก็ถูก สำนักงานสิ่งแวดล้อมสหรัฐฯ ประกาศให้ เป็นสารพิษ ที่มีพิษเฉียบพลันสูง แค่จิบเดียวก็ตายได้-ไม่มียาถอนพิษ ..
น่าสะพรึงขนาดนี้ เหลือเชื่อว่า “คณะกรรมการแก้ไขปัญหาสารเคมีกำจัดศัตรูพืชที่มีความเสี่ยงสูง”ของไทย ที่ “เดอะโก้” สุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ รมต.ประจำสำนักนายกฯ เป็นประธานการประชุม ก็เพิ่งนัดประชุมในช่วงเดียวกัน เพื่อทบทวนสารพิษ 3 ชนิด ข้างต้น .. แต่กลับเพิกเฉยลง “มติอัปยศ”ไม่สั่ง “แบน” สารเคมีอันตรายทั้งหลายเหล่านั้น และพลิ้วไปให้มีการตั้งคณะกรรมการที่ “เป็นกลาง”ขึ้นมาอีกชุด .. จน “คนในวงการ”จับได้ไล่ทันว่า หาทางยื้อ วนเวียนแต่ตั้งกรรมการชุดแล้วชุดเล่า เพื่อประวิงเวลาให้เรื่องเงียบหรือไม่ .. ทั้งที่ก่อนหน้า “อาจารย์ยักษ์”วิวัฒน์ ศัลยกำธร รมช.เกษตร และสหกรณ์ ก็เคยถ่ายทอด “จุดยืน” ของ “นายกฯตู่”พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา มาแล้วว่า “ไม่ได้นิ่งนอนใจ”มีการนำเรื่องการนำเข้า “สารเคมีมีพิษ” เข้าที่ประชุม ครม.มาแล้วหลายครั้ง .. โดย “นายกฯตู่”สั่งการเด็ดขาดว่า “ให้หยุดให้ได้”หรือหากหยุดไม่ได้ ต้องหาวิธีทำอย่างไร ที่จะลดให้มากที่สุด เป็นที่มาของการตั้ง “คณะกรรมการแก้ไขปัญหาสารเคมีกำจัดศัตรูพืชที่มีความเสี่ยงสูง”เพื่อสรุปแนวทาง โดยให้ “รมต.โก้”เป็นผู้รับผิดชอบ .. แต่ผลลัพธ์กลับออกไปคนละทางกับ “จุดยืนนายกฯ” ท่ามกลางกระแสข่าวสะพัดเรื่อง “ค่าน้ำร้อนน้ำชา”มากกว่า 7 หลัก สำหรับ “ค่าตั๋ว”ใบอนุญาตต่างๆ .. แถมด้วย “ค่าหัวคิว”ที่คิดจากตัวเลขการนำเข้าสารเคมี “ลิตรละบาท”ให้กินกันยาวๆ อีกด้วย .. ยื้อยุดไปเรื่อยแบบนี้ เพราะมีใครกระเป๋าตุงอยู่หรือเปล่า เจ้านาย
**อีกแล้วครับท่าน!! “น้ำรั่ว”ในขบวนรถไฟฟ้าบีทีเอส ขณะผู้โดยสารเต็มขบวน บริษัทฯ แจงพบน้ำขังอยู่ในเครื่องปรับอากาศ ยังไม่ทราบสาเหตุ โบ้ย “ซีเมนส์”ตรวจสอบอีกที คิดแล้วหวาดเสียว “น้ำ –ไฟฟ้า”ของไม่ควรอยู่ด้วยกัน เกิดช็อตขึ้นมา คงไม่ต้องบอกผลที่ตามมา ถึงเวลาหรือยังที่ “ภาครัฐ” จะลองเข้ามาทบทวน “สัญญาชั่วโคตร”ซักที ยิ่งนานวัน “ข้อผิดพลาด”ที่มากขึ้น หรือต้องรอให้ถึง “ชีวิต”ก่อนถึงจะทำอะไรได้.
โทษปี่โทษกลองตามสูตร .. ครั้งก่อนประตูรถไฟฟ้าเปิดคา ในขณะรถวิ่งฉิว หวาดเสียวผู้โดยสารจะร่วงแหล่ มิร่วงแหล่ ทาง“รถไฟฟ้า BTS” ชี้แจงสั้นๆ ได้ใจความว่า “ความผิดส่วนบุคคล”โทษความสะเพร่าของ “ช่างซ่อมบำรุง” ..ล่าสุดเกิดคลิปในโลกโซเชียล เผยให้เห็นเหตุการณ์ “น้ำรั่ว”ในขบวนรถไฟฟ้าบีทีเอส ช่วงฝนตกด้านนอก เล่นเอาน้ำนองเต็มพื้น ขณะที่มีผู้โดยสารแน่นเต็มขบวน .. พร้อมคำบรรยายจากผู้ประสบเหตุว่า "เจอกะตัว ช็อกดิ อยู่ๆ เทโครมลงมาเฉย ตอนนี้ก็กระปริบ กระปรอย ตามจังหวะเลี้ยว จังหวะเบรก” ..เสียงวิพากษษ์วิจารณ์สนั่นโลกออนไลน์ หลายคนประชดประชันว่า คงต้องหาร่มมากางเวลาอยู่บนรถไฟฟ้า .. ฟังอาจดูเป็นเรื่อง “ตลกขบขัน”แต่หากคิดให้ดีๆ เรื่องแบบนี้ไม่ใช่ล้อเล่น “น้ำ–ไฟฟ้า”มันไปด้วยกันได้ที่ไหน เกิดช็อตขึ้นมาก็ บานตะไท ไม่อยากนึกถึงผลที่จะตามมา ..
พอเป็น “กระแสไวรัล”ทาง “บีทีเอส”ก็ออกแถลงการณ์ชี้แจงว่า เกิด “น้ำรั่ว”ในช่องระบายอากาศ (Air Return)ของระบบปรับอากาศในขบวนรถ .. อธิบายต่อว่า น้ำที่รั่วลงมานั้น มาจากตู้ที่ต่อพ่วงใหม่จากขบวนรถซีเมนส์เดิม ที่มีอยู่ 3 ตู้ และต่อมาได้เพิ่มให้เป็น 4 ตู้ต่อขบวน .. โดยขบวนรถที่ต่อเพิ่มนี้ ให้บริการมาเป็นปีที่ 6 และดำเนินการซ่อมบำรุงโดย “บริษัทซีเมนส์”..หลังจากที่ได้รับแจ้งก็ส่งเจ้าหน้าที่เข้าไปตรวจสอบและนำรถขบวนดังกล่าวออกจากระบบ เพื่อตรวจสอบและซ่อมอย่างละเอียด .. ก่อนพบว่า น้ำที่รั่วออกมานั้น ขังอยู่ในตัวเครื่องปรับอากาศ จึงได้ทำการเปลี่ยนเครื่องปรับอากาศทดแทนตัวเก่า แล้วให้ “บริษัทซีเมนส์”ไปหาสาเหตุอย่างละเอียด เพื่อป้องกันเหตุในอนาคต .. ฟังดูแล้ว “อุ่นใจชอบกล”ที่นับวันเข้า “รถไฟฟ้าบีทีเอส”จะเกิดเหตุผิดปกติ โดยที่ “ไม่รู้สาเหตุ” .. นึกๆ ต่อไปว่าเรายังคง “เลือกไม่ได้”ต้องใช้บริการรถไฟฟ้าภายใต้การบริหารของ“บีทีเอส” ไปอีกนับสิบปี โดยที่ขนาด “รัฐบาล”ก็ยังทำอะไรไม่ได้ .. ตาม “สัญญาชั่วโคตร”ที่ “หม่อมหมู”ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าฯ ขวัญใจมหาชน ทิ้งไว้ต่างหน้า .. แล้วก็น่าเสียดายไม่น้อยที่ คีรี กาญจนพาสน์ เจ้าพ่อบีทีเอส ไม่ถอดใจไปตั้งแต่ตอนขาดทุนตอนแรก แถมยังมานั่งทวงบุญคุณกันหน้าตาเฉยอีก .. ก็ต้องถามว่า ถึงเวลาหรือยังที่ “ภาครัฐ”จะลองเข้ามาทบทวน “สัญญาชั่วโคตร”การบริหารระบบขนส่งมวลชนขนาดใหญ่อย่าง “บีทีเอส”ซักที .. อย่างน้อยก็เพิ่ม “โทษปรับ – บทลงโทษ” ในกรณีที่เกิดข้อผิดพลาดลงไปบ้าง เพื่อป้องกันความขัดข้องนานัประการที่เกิดขึ้นถี่ยิบระยะหลัง .. หรือต้องรอให้สูญเสียถึง “ชีวิต”เสียก่อนถึงจะทำอะไรได้.
ช.ชฎา
+++++++++++++++++
รูป
- สุเทพ เทือกสุบรรณ , พล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ , พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ
- สุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ - วิวัฒน์ ศัลยกำธร
-น้ำรั่วในรถไฟฟ้าบีทีเอส -ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร- คีรี กาญจนพาสน์