ปธน.Erdogan (อ่านว่า “เออ-ดวน” หรือ “เออร์โดกัน”) แห่งตุรกีแถลงอย่างเดือดดาลที่เมืองหลวง-กรุงแองการา “ด้านหนึ่งสหรัฐฯ นับเราเป็นหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ (Strategic Partner)...แต่อีกด้านหนึ่งคุณกลับใช้ปืนยิงมาที่เท้าของเราซึ่งเป็นหุ้นส่วนยุทธศาสตร์ได้อย่างไร”
... “เราต่อสู้ร่วมกันใน NATO (ตั้งแต่ 1952 โน่น นับเป็นเวลานานถึง 66 ปี) แล้วตอนนี้คุณกำลังแทงข้างหลังหุ้นส่วนยุทธศาสตร์คนนี้ได้ลงคอ”
ค่าของเงิน Lira (ลีรา) ดิ่งมากถึง 40% (ตั้งแต่ต้นปี) โดยเฉพาะเมื่อวันศุกร์ที่เพิ่งผ่านมา หลังจากปธน.ทรัมป์ ประกาศลงโทษตุรกีให้คิดภาษีนำเข้าเหล็ก และอะลูมิเนียมจากตุรกีที่เข้าสหรัฐฯ ถูกโดนภาษีเข้าไป 50% จากภาษีอัตราเดิม ซึ่งทั้งเหล็กและอะลูมิเนียมเป็นสินค้าส่งออกหลักของตุรกี
นั่นหมายถึงเหล็กและอะลูมิเนียมจากตุรกีจะมีราคาสูงปรี๊ด เมื่อต้องไปแข่งกับเหล็ก+อะลูมิเนียมที่มาจากประเทศอื่น (ประเทศอื่นๆ โดนภาษีขาเข้าสหรัฐฯ สูงถึง 25% และ 10% แต่สินค้าตัวเดียวกันนี้จากตุรกีจะสูงเป็น 2 เท่าของสินค้าจากที่อื่นๆ)
สหรัฐฯ ยกเอากรณีที่ศาสนาจารย์ชาวอเมริกันคนหนึ่งถูกจับเข้าคุกที่ตุรกีมา 2 ปีแล้ว นับจากการปราบจับใหญ่ของรัฐบาลนายErdogan ต่อผู้เป็นปฏิปักษ์กับรัฐบาล โดยเฉพาะเขามีส่วนสัมพันธ์กับขบวนการ Kurd กู้ชาติ ที่เป็นหอกข้างแคร่ของนายErdogan ในขณะที่สหรัฐฯ กลับไปใช้บริการของนักรบชาว Kurd ในยุทธการปราบ Isis ทั้งในซีเรีย และอิรัก ซึ่งรัฐบาลทรัมป์กดดันให้ปล่อยนักโทษชาวอเมริกันคนนี้
การจับใหญ่ของรัฐบาล Erdogan ยังคุมขังเหล่าทหารและพลเรือนจำนวนเป็นแสนที่อยู่ตามกระทรวงทบวงกรมต่างๆ ที่ถูกเหมาว่าต้องการโค่นล้มรัฐบาล Erdogan เพราะเป็นผู้นิยมชมชอบอิหม่ามอาวุโส Gulen ที่พักพิงใต้ปีกสหรัฐฯ (CIA อาจคุ้มครอง) ที่เมืองฟิลาเดลเฟีย, รัฐเพนซิลเวเนีย รวมทั้งสื่อสารมวลชนทีวี วิทยุ หนังสือพิมพ์ที่วิพากษ์อย่างหนักต่อการรวบอำนาจของ Erdogan ซึ่งรัฐบาลตุรกีตอกย้ำว่า ความพยายามก่อรัฐประหารวันที่ 15 กรกฎาคมปี 2016 มีกองทัพสหรัฐฯ หนุนหลัง และตุรกีได้หันไปเพิ่มสัมพันธ์กับรัสเซียและจีน ทั้งในกลุ่มความร่วมมือเซี่ยงไฮ้ (Shanghai Co-Operation Organization) และกลุ่ม BRICS จน Erdogan ออกปากว่า อยากเข้าร่วมเป็นสมาชิกของ BRICS
เมื่อสหรัฐฯ ประกาศเดือนมีนาคมนี้ ถอนตัวหรือฉีกข้อตกลงนิวเคลียร์กับอิหร่าน (JCPOA ที่ 5 ประเทศ+1 ทำกับอิหร่าน) และมีบทลงโทษและกดดันอิหร่าน 2 ขยัก ขยักแรกคือ คว่ำบาตรอิหร่านไม่ให้ทำธุรกรรมในสหรัฐฯ ในด้านการเงิน ทั้งแลกเปลี่ยนดอลลาร์และการเข้าถึงตลาดพันธบัตรสหรัฐฯ ส่วนขยักที่ 2 จะเป็นการคว่ำบาตรน้ำมันกับอิหร่าน ซึ่งตุรกีได้ประกาศจะไม่ทำตามคำข่มขู่บังคับของสหรัฐฯ คือ ตุรกีจะยังซื้อน้ำมันจากอิหร่านต่อไป
ตุรกียังได้ร่วมกับรัสเซียและอิหร่านประชุมเรื่องอนาคตการปกครองซีเรียหลัง Isis..โดยไม่ได้เชิญสหรัฐฯ เข้าร่วมด้วยเลย
Erdogan คงไม่สนจะเข้าเป็นสมาชิกอียูอีกแล้ว ไม่เหมือนเมื่อ 10 ปีก่อนที่ยังเตือนอียูให้พิจารณารับเข้าเป็นสมาชิก แต่สำคัญคือ สมาชิกภาพของตุรกีเองใน NATO ที่ตะวันตกต้องพึ่งพาตุรกีด้านความมั่นคง (ใช้เป็นฐานทัพที่เชื่อมกับตะวันออกกลาง ทั้งในการส่งกำลังบำรุง เติมน้ำมันของเครื่องบินรบของสหรัฐฯ และในการปฏิบัติการสงครามอ่าวเปอร์เซียที่ไปปราบซัดดัม ฮุสเซน ปี 1990 ; สงครามปราบอัลกออิดะห์ รวมทั้งอุซามะห์ บิน ลาเดน ในอัฟกานิสถาน ; รวมทั้งสงครามปราบ Isis) มากกว่าตุรกีพึ่งพาตะวันตก
แต่จุดประสงค์ของ NATO ที่ก่อตั้งขึ้นหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 เพิ่งเสร็จหมาดๆ ก็เพื่อรวมพลังเป็นแนวต้านความคุกคามของสหภาพโซเวียต ซึ่งวันนี้ก็คือรัสเซีย...ผู้สืบทอดเป็นทายาท ดังนั้น ถ้าตุรกีจะไปญาติดีสนิทชิดเชื้อกับรัสเซีย ก็เป็นการเอาใจออกห่างจากตะวันตกอย่างไม่เหลือเยื่อใย
สิ่งที่สหรัฐฯ กำลังกดดันลงโทษตุรกีอย่างหนักด้านเศรษฐกิจ ก็เพื่อทำให้ตุรกีหมดสภาพหรือทำลายล้างเศรษฐกิจของตุรกี ดังเช่นที่กำลังทำกับอิหร่านขณะนี้ และที่กำลังทำกับเกาหลีเหนือเช่นกัน (ยังไม่ยอมเลิกคว่ำบาตรเกาหลีเหนืออย่างหนักข้อที่สุดที่เคยมีมา) เป็น Deja Vu ที่ต้องการให้เกิดการเปลี่ยนรัฐบาลในประเทศทั้ง 3 (Regine Change) ที่นับเป็น Pattern ทีเดียว
ด้านปธน.Erdogan ยังไม่ได้ใจเด็ดแบบดร.เอ็ม หรืออาจจะคาดไม่ถึงว่าจะโดนถล่มภาษี 50% เหล็กกล้าส่งเข้าสหรัฐฯ จึงมิได้ประกาศควบคุมเงินไหลออก (Capital Control) จนสายเกินไป... ค่าเงิน Lira ตกมากกว่า 40% กับ Hot Money ที่ไหลบ่าปล่อยกู้เป็น Hard Currencies เข้ามาเป็นฟองสบู่ที่อุตสาหกรรมก่อสร้างของตุรกี รับกับเศรษฐกิจที่โตเกิน 7% ในปีที่แล้ว และใน Q1 ของปีนี้ เพราะ Erdogan ผลักดันเศรษฐกิจให้โตวันโตคืนมาตลอด แม้จะมีการประท้วง, การก่อรัฐประหาร, การก่อการร้ายสารพัดอย่าง แต่เขาก็ขับเคลื่อนกับโครงการก่อสร้างทั้งภาครัฐบาล และเอกชน...แต่ก็มีหนี้สินเป็นการขาดทุน Twin Deficits คือดุลงบประมาณและดุลบัญชีเดินสะพัด
พอเงินร่วงหนัก ก็จะคล้ายกับวิกฤตต้มยำกุ้งของเรานั่นเอง หนี้สินที่เป็นดอลลาร์และ Hard Currencies ต่างๆ ก็จะพองขึ้นเป็น 1 เท่าตัว ซึ่งจะเห็นทางออกต้องไปเคาะประตูไอเอ็มเอฟอยู่รำไร
เมื่อไม่ได้รวดเร็วแบบดร.เอ็ม ในการปิดประตูห้ามเคลื่อนย้ายเงินทุนออก ปธน.Erdogan ก็ออกมาพูดขอร้องปชช.ชาวตุรกีให้ขายดอลลาร์ทิ้ง และซื้อเงิน Lira มากๆ ขอให้ปชช.อย่าซื้อสินค้าพวกไอที (พวกไอโฟน) จากสหรัฐฯ เพราะมียี่ห้อดีๆ จากที่อื่น (ถ้าจากจีน-ก็อาจใช้สกุลหยวนได้ทันที)
หลังอิงของตุรกีครั้งนี้ ยังมีอิหร่านที่ส่งน้ำมันให้ รวมทั้งรัสเซีย และสินค้าจากจีนผู้มั่งคั่ง ซึ่งไม่น่าทำให้เศรษฐกิจตุรกีพังพินาศอย่างที่ทรัมป์ได้คาดไว้
ทั้งยังมี Brics Bank และ AIIB ที่จะคอยช่วยตุรกี (ไม่ใช่มีแต่ไอเอ็มเอฟ/World Bank) และตั้งอยู่บนเส้นทาง Belt & Road Initiative ของจีนด้วย และการซื้อขายกับรัสเซีย, จีน, อิหร่าน (อาจรวมถึงอิรัก) ก็ไม่จำเป็นต้องใช้สกุลดอลลาร์เลย เพราะมีข้อตกลงจะใช้สกุลเงินท้องถิ่นแทน