xs
xsm
sm
md
lg

สปิริตของ “เมสซี”

เผยแพร่:   โดย: ทับทิม พญาไท

<b>ลิโอเนล เมสซี</b>
ปิดท้ายสัปดาห์นี้...เปลี่ยนมาว่ากันเรื่องเบาๆ เพื่อให้เข้ากับบรรยากาศ “บอลโลก 2018” ที่จะเริ่มเตะกันในสัปดาห์หน้า น่าจะเหมาะกว่า แต่จะเบาๆ-หนักๆ หรือหนักๆ-เบาๆ ไปถึงระดับไหน ก็ลองชั่งน้ำหนักไปตามรสนิยมของใคร-ของมัน เอาเองก็แล้วกัน นั่นก็คือเรื่อง...การยกเลิกการเตะ “นัดกระชับมิตร” ระหว่างหนึ่งในทีมเต็งบอลโลก อย่างทีม “ฟ้าขาว-อาร์เจนตินา” ที่ได้รับเชิญให้ไปเตะ ไปฟาดแข้งกับ “ทีมชาติอิสราเอล”ในช่วงวันอังคารที่ 12 มิถุนายน ณ สนามกีฬา “Teddy Kollek Stadium” ในกรุงเยรูซาเล็ม ซึ่งกำลังถูกสร้างภาพ สร้างบรรยากาศให้กลายเป็น “เมืองหลวง” ของอิสราเอล ตามแนวนโยบายของ “รัฐบาลอเมริกันเชื้อสายยิว” อย่างรัฐบาล “ทรัมป์บ้า” นั่นเอง...

การเตะนัดกระชับมิตรนัดนี้...ไม่ว่าจะสามารถก่อให้เกิดความมันส์ส์ส์-ไม่มันส์ส์ส์ ต่อบรรดาพวก “ผีบ้าบอล” มาก-น้อยขนาดไหน แต่โอกาสที่จะได้เห็นนักเตะแห่งทีมชาติฟ้า-ขาว ผู้มีฝีตีนระดับ “มนุษย์ต่างดาว” อย่าง “ลิโอเนล เมสซี” ออกมาโชว์ลวดลายลีลาสับขาหลอกใครต่อใคร ย่อมต้องเป็นที่ฮือฮาต่อบรรดาแฟนบอลทั่วทั้งโลกอยู่แล้วแน่ๆ ชนิดไม่ต่างอะไรไปจาก “จุดขาย” อันทำให้สมาคมฟุตบอลอิสราเอล เลยตัดสินใจย้ายสนามเตะจากเมืองไฮฟา มาเตะที่กรุงเยรูซาเล็มกันแทนที่ นัยว่าเพื่อช่วยโปรโมตความเป็นเมืองหลวงของอิสราเอลไปในตัว แต่จู่ๆ...ไม่ว่าตัวของ “เมสซี” ตลอดไปจนบรรดานักฟุตบอลอาร์เจนตินาในแต่ละราย รวมทั้งสมาคมฟุตบอลอาร์เจนตินา เกิดถอดใจ “เบี้ยวคิว” เอาดื้อๆ!!! กลายเป็นข่าวฮือฮา เปลี่ยนจากข่าวเบาๆ กลายเป็นข่าวหนักๆ ขึ้นมาจนได้...

เรียกว่า...ถึงขั้นนายกรัฐมนตรีอิสราเอล “นายเบนจามิน เนทันยาฮู” (Benjamin Netanyahu) ต้องโดดไปเจ๊าะๆ แจ๊ะๆ กับประธานาธิบดีอาร์เจนตินา “นายเมาริซิโอ มาครี” (Mauricio Macri) ขอให้ “เมสซี” เปลี่ยนใจกลับมาโชว์ลวดลาย โชว์ฝีเท้าให้ชาวอิสราเอลมีโอกาสตื่นตา ตื่นใจได้มั่ง แต่เมื่อตัวประธานาธิบดีเมาริซิโอให้คำตอบเอาไว้ประมาณว่า...ตัวเองไม่มีอำนาจอิทธิพลใดๆ ที่จะไปโน้มน้าวบรรดานักเตะทีมชาติอาร์เจนตินาได้เลย บรรดารัฐมนตรีในคณะรัฐบาลอิสราเอล สมาคมฟุตบอลอิสราเอล รวมทั้งสื่ออิสราเอลทั้งหลาย เลยหันไปจวก “FIFA” กันแทนที่ ด้วยข้อกล่าวหาว่าปล่อยให้สมาคมฟุตบอลปาเลสไตน์และชาวปาเลสไตน์ทั้งหลาย ข่มขู่คุกคามทีมฟุตบอลอาร์เจนตินา โดยไม่คิดจะทำอะไรเลย เช่นขู่ว่าจะ “เผาเสื้อเมสซี” ขู่จะเล่นงานนักเตะอาร์เจนตินาฯลฯ จนอาจเป็นเหตุให้ “เมสซี” และเพื่อนร่วมทีม เกิดอาการอุจจาระขึ้นสมอง ต้อง “เบี้ยวคิว” เอาดื้อๆ...

ทั้งๆ ที่ถ้ามองให้ลึกๆ กันจริงๆ แล้ว...นักเตะอย่าง “เมสซี” รวมทั้งเพื่อนร่วมทีมอาร์เจนตินาทั้งหลาย ที่ได้ชื่อว่าเป็นทีมฟุตบอลประเภท “บอลโหด” อยู่ไม่น้อย ไม่ถึงกับห่างชั้นไปจาก “จอมโหดอุรุกวัย” มากมายซักเท่าไหร่ ไม่น่าจะออกอาการขี้กลัว ขี้หดตดหายอะไรกันมากมาย กับปฏิกิริยาของแฟนบอล ที่ไม่ว่าชาติไหน ประเทศไหน ก็คล้ายๆไปด้วยกันทั้งสิ้น แต่สิ่งหนึ่ง...ที่น่าจะมีส่วนเกี่ยวพันกับการตัดสินใจของทีมชาติอาร์เจนตินา โดยเฉพาะตัว “เมสซี” เอง ก็คือสิ่งที่พอทราบๆ กันไปแล้ว ระดับทั่วทั้งโลกนั่นแหละว่า...เมื่อช่วงกลางเดือนถึงปลายเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา หรือช่วงระหว่างฉลองวันชาติอิสราเอล ไปพร้อมๆ กับฉลองพิธีเปิดสถานทูตสหรัฐฯ แห่งใหม่ของสหรัฐฯ ที่ย้ายจากกรุงเทลอาวีฟ ไปอยู่ที่กรุงเยรูซาเล็ม ไม่ห่างไปจากสนามกีฬา “Teddy Kollek Stadium” ซักเท่าไหร่ เจ้าหน้าที่ตำรวจอิสราเอลได้ตัดสินใจเปิดฉากยิงใส่ขบวนผู้ประท้วงชาวปาเลสไตน์ที่มาออกันอยู่แถบแนวเส้นกั้นเขตแดนระหว่างอิสราเอลกับปาเลสไตน์ ณ กรุงเยรูซาเล็มนั่นเอง ส่งผลให้พลเรือนชาวปาเลสไตน์ ตายไปรวดเดียวถึง 60 กว่าศพ บาดเจ็บไปอีกกว่า 2,700 คน...

ไม่ว่า “ภาพ” หรือ “ข่าว” ที่ถูกเผยแพร่ออกมาสู่สายตาของชาวโลก เช่นภาพทารกวัย 8 เดือนเท่านั้นเอง ต้องตายเพราะแก๊สน้ำตาของตำรวจอิสราเอล เด็กอายุต่ำกว่า 16 ปี ถูกยิงหงายท้อง เด๊ด สะมอเร่ อิน เดอะ เท่งทึงเกือบสิบราย และที่น่าเกลียดน่าทุเรศเอามากๆ ก็คือหญิงสาวในชุดพยาบาล หน้าตาสดใส คิกขุ อาโนเนะ อย่าง “ราซาน นัจจาร์” (Razan al-Najar) อายุ 21 ปีเจ้าหน้าที่หน่วยแพทย์อาสาขององค์กร “Palestinian Medical Relief Society” ทั้งๆ ที่สวมชุดเครื่องแบบ ติดปลอกแขน ขณะวิ่งเข้าไปช่วยคนเจ็บที่นอนกลิ้ง นอนหงายอยู่ในเหตุการณ์ กลับถูกหน่วยแม่นปืนอิสราเอล ยิงเจาะกะโหลกเด๊ดสะมอเร่ไปโดยฉับพลันทันที ฯลฯ ฯลฯ บรรดาภาพและข่าวเหล่านี้นี่แหละ ที่ทำให้ไม่ว่าใคร อาชีพใด จะเป็นนักเตะ นักต่อย นักประกอบการใดๆ ก็ตาม ลองถ้าหากยังหลงเหลือ “ความเป็นมนุษย์” อยู่บ้าง ย่อมอดไม่ได้ที่จะต้องตระหนัก สำนึกถึงความโหดอำมหิต ผิดมนุษย์มนา ต่อการปฏิบัติการครั้งนี้ของเจ้าหน้าที่อิสราเอล...

ถึงขั้นที่ชาติต่างๆ แทบทั้งสหประชาชาติ ต่างเห็นพ้องต้องกันว่าควรจะร่วม“ประณาม” การกระทำของอิสราเอล เพียงแต่ไปติดๆ ขัดๆ อยู่ที่คุณพ่ออเมริกาอีกนั่นแหละ ที่งัดเอา “สิทธิวีโต้” ออกมาระงับมติของชาติต่างๆ ได้ทันท่วงที แต่แม้ว่ารัฐบาลอเมริกันเชื้อสายยิว จะช่วยให้อิสราเอลรอดตัวไปได้อีกครั้ง โศกนาฏกรรมแห่งการสังหารหมู่คราวนี้ มันคงมิอาจเล็ดลอดสายตาของใครต่อใครทั่วทั้งโลกไปได้เลย แม้ใครเหล่านั้นจะบ้าบอล-ไม่บ้าบอลก็ตามที ด้วยเหตุนี้...นักเตะระดับมนุษย์ต่างดาวอย่าง “เมสซี” ที่ไม่ใช่แค่เอาแต่เตะบอลไปเรื่อยๆ โดยไม่คิดจะรับรู้อะไรเลย อย่างน้อย...ในฐานะที่ตัวเองมีสถานะเป็นถึง “ทูตองค์กร UNICEF” อันเนื่องมาจากความใจบุญสุนทานติดเป็นนิสัยประจำตัว เห็นใครทุกข์ ใครเดือดร้อน อดไม่ได้ที่จะต้องควักเงินส่วนตัวมาบริจาคให้เสมอๆ ไม่ว่าบริจาคเงินค่ารักษาพยาบาลให้เด็กอายุ 12 ปีชาวโมร็อกโก ที่เป็นโรคเดียวกับที่ตัวเองเคยเป็น เดือนละเกือบครึ่งแสนต่อเนื่องกันเป็นปีๆ จนกว่าจะหาย หรือจนถึงอายุ 18 ควักเงินสร้างโรงเรียนให้กับเด็กๆ ชาวซีเรียจำนวนกว่า 1,600 คน ที่ไม่มีที่อ่าน ที่เขียน เพราะพิษภัยสงคราม ร่วมทั้งยังก่อตั้งมูลนิธิการกุศลอะไรต่อมิอะไรอีกเยอะ ฯลฯ และน่าจะด้วยบรรดาสิ่งเหล่านี้นี่เอง เลยทำให้ “เมสซี” อดไม่ได้ที่จะต้อง “เบี้ยวคิว” กันเห็นๆ...

หรืออย่างที่รัฐมนตรีต่างประเทศอาร์เจนตินา “นายจอร์จ ฟอรี” (Jorge Faurie) ได้พยายามอธิบายและตั้งข้อสันนิษฐานเอาไว้นั่นแหละว่า... “เท่าที่ผมทราบ...บรรดานักเตะของเราไม่มีใจที่จะเล่นเกมๆ นี้ เพราะการไปลงเล่นในพื้นที่ที่เพิ่งมีคนบาดเจ็บล้มตายจำนวนมากมายมหาศาล ถ้าเรายังมีความเป็นมนุษย์หลงเหลืออยู่ เราคงรับไม่ได้ไปด้วยกันทั้งสิ้น...” แต่สำหรับบรรดานักการเมืองแล้ว ไม่ว่าในรัฐบาลอิสราเอลไปจนถึงรัฐบาลอเมริกันเชื้อสายยิว หรือจะนักการเมืองรายอื่นๆ อีกด้วยหรือไม่ ก็มิอาจสรุปได้ สิ่งเหล่านี้มันคงไม่ได้ถือเป็นสาระสำคัญอะไรมากมาย ด้วยเหตุนี้...เวลาจะไปถามหาสิ่งที่เรียกๆ กันว่า “สปิริต” (Spirit) คงต้องคิดๆ ไว้ก่อนล่วงหน้า ว่าควรจะไปถามนักการเมือง นักกีฬา หรือถามหาจากใครก็ได้ ที่ยังคงหลงเหลือความเป็นมนุษย์ มันถึงจะได้คำตอบออกมาชัดๆ...เอ๊ะไปๆ-มาๆ มันชักจะหนักเกินไปหรือไม่??? 


กำลังโหลดความคิดเห็น