xs
xsm
sm
md
lg

เลือกตั้งก่อนปฏิรูป ไม่ใช่ทางออก

เผยแพร่:   โดย: โสภณ องค์การณ์


ประเทศไทยผ่านวิกฤตด้านการเมือง เศรษฐกิจ สังคมมาหลายครั้ง แต่รอดมาได้โดยไม่ถึงขั้นต้องรบราฆ่าฟันกันยืดเยื้อเป็นสงครามกลางเมือง มีปัญหาแล้วก็จบ เริ่มต้นกันใหม่ เป็นวงจรซ้ำหลายรอบ ดังเช่นวิกฤตการเมืองนำไปสู่ความขัดแย้ง รัฐประหาร

ด้านเศรษฐกิจ มีวิกฤตร้ายแรงต้องลดค่าเงินบาท 2 ครั้งสำคัญ นำไปสู่ปัญหาด้านเศรษฐกิจต่อเนื่อง ส่งผลกระทบทางการเมือง ทำให้ประเทศต้องอยู่ในสภาวะลำบากหลายปี มีผลกระทบต่อประชาชนระดับรากหญ้า ไล่ขึ้นถึงชนชั้นกลางโน่น

แน่นอน ชนชั้นมหาเศรษฐีอยู่ดีกินดี ไม่เคยลำบาก เมื่อคนร่วมแผ่นดินส่วนใหญ่ต้องตกอยู่ในความทุกข์เข็ญ ที่เลวร้ายที่สุดคือยุค “คนเคยรวย” มีปรากฏการณ์ “เปิดท้ายรถยนต์ขายของเก่า” แต่ประเทศก็ฟื้นตัวได้เร็ว เพราะมีทรัพยากรเพียงพอ

มาถึงยุคนี้ ที่ผู้กุมอำนาจรัฐบาลคุยฟุ้งว่าเศรษฐกิจเริ่มดีแล้ว ตัวเลขจีดีพีขยายตัวไปถึง 4.5 เป็นสัญญาณว่าทุกอย่างกำลังไปได้ด้วยดี เป็นเพราะการเมืองสงบ ไม่มีความวุ่นวาย ไม่มีการชุมนุมเดินขบวน ภายใต้กฎหมายพิเศษไร้เสรีภาพ

เป็นความสงบเงียบจริงหรือ ความสงบเช่นนั้นมีความยั่งยืนหรือไม่ หรือเป็นเพียงความนิ่งสงบก่อนพายุร้ายก่อตัว จากนั้นสำแดงฤทธิ์สร้างความวินาศสันตะโรยิ่งกว่าสภาวะปกติซึ่งชาวบ้านยังสามารถทำกิจกรรมต่างๆ เพื่อแก้ปัญหาปากท้อง
ถ้าเป็นความสงบจริง ทำไมสภาพเศรษฐกิจ ชาวบ้านคนดำรงชีพระดับล่างจึงดูเหมือนอยู่ในสภาพตายซาก คนว่างงานจริง มีว่างงานแอบแฝง คนยอมรับสภาพการจ้างงานโดยมีรายได้ต่ำกว่าวุฒิการศึกษา ไม่รู้ว่าสภาวะเศรษฐกิจจะเป็นอย่างไร

มีการทำโพลหลายครั้ง ชาวบ้านมีแต่คร่ำครวญถึงปัญหาเศรษฐกิจ รายได้ชักหน้าไม่ถึงหลัง การค้าฝืดเคือง แผงพ่อค้า ร้านค้าโดยทั่วไปมียอดขายซบเซา อยู่แบบซังกะตาย ไม่รู้ว่าอำนาจการซื้อของผู้บริโภคจะกระเตื้องตามคำหวานเมื่อไร

ทุกวันนี้คนทั่วไปยังไม่รู้ว่าบ้านเมืองจะมุ่งพัฒนาไปทิศทางใด สัญญาณไม่ชัดเจนว่าจะเอาเกษตรกรรม เศรษฐกิจพอเพียงตามคำพูดเพ้อเลื่อนลอยของผู้กุมอำนาจ หรือจะมุ่งเน้นอุตสาหกรรมให้เข้าเป้า “ไทยแลนด์ 4.0” ตามฝรั่งมังค่า

ชาวบ้านยังไม่เคยเผชิญกับสภาวะซบเซา เหมือนตายซากไม่รู้วันฟื้นอย่างนี้!

โดยทั่วไป ชาวบ้านขอให้ผู้นำบริหารจัดการเศรษฐกิจให้ทุกคนมีอาหารกินครบ 3 มื้อ แต่ละมื้อมีข้าวครบเม็ด มีบ้านอยู่อาศัย ไม่มีหนี้สินกดดันจนโงหัวไม่ขึ้นอย่างไร้ทางออก รวยกระจุกอยู่ส่วนบน ความยากจนกระจายทั่ว ดังที่เป็นทุกวันนี้

ความเหลื่อมล้ำด้านรายได้ของประชาชนในประเทศสะท้อนให้เห็นฝีมือของผู้บริหารว่าเป็นอย่างไร ตราบใดที่ผู้นำรัฐบาลประกาศเสียงดังกลางงานอย่างไม่อายว่า “ผมมีความสุขเมื่ออยู่ท่ามกลางคนรวย” เมื่อนั้นคือการเปิดทางให้วิกฤตเข้ามาหา

ตราบใดที่ผู้นำรัฐบาลถูกมองว่า “พูดอย่างทำอย่าง” “มุ่งเอาใจแต่เศรษฐี คนร่ำคนรวย ขาดความตั้งใจที่จะฟื้นฟูชีวิตความเป็นอยู่ของคนส่วนใหญ่ที่ยังทุกข์เข็ญลำเค็ญเลือดตาแทบกระเด็น” ก็อย่าหวังว่าจะได้ใจชาวบ้าน ต่อให้คุยโม้เป็นไฟก็ตาม

โพลประเมินอารมณ์ของชาวบ้าน 2-3 ครั้งไม่กี่วันก่อนสะท้อนให้เห็นชัดว่าสภาวะปัจจุบันเป็นอย่างไร ไม่แต่งตัวเลข ไม่โกหก ผลที่ออกมาร้ายแรงกว่าที่คาด ทำให้คณะผู้นำรัฐบาลพูดไม่ออก อ้อมแอ้มแก้ตัวอย่างไรก็ไร้ผล ความจริงมันฟ้องชัด

ต้องหาลูกเล่น ทีเล่นทีจริง ยิงมุก วาดลีลาคารมโวหาร แก้ตัวไปแบบน้ำขุ่นๆ!

จะให้ทำอย่างไรได้ สภาพการค้าขายทั่วไปมันเป็นยิ่งกว่าหลักฐาน ข้าราชการมนุษย์เงินเดือน มีรายได้ประจำต้องประคองตัวให้รอด มีแรงกดดันจากหนี้สิน ซ้ำร้าย ไม่เห็นทางที่จะมีรายได้เสริม นอกจากหาทางโกง ค้ายาเสพติด ก่ออาชญากรรมอื่นๆ

แบบนี้ชาวบ้านเรียกว่า “มืดแปดด้าน” หันไปทางไหนมีแต่คนมีสีหน้าอมทุกข์ มองไม่เห็นทางรอดจากวิกฤต โดยเฉพาะการหารายได้เพิ่ม เป็นเพราะเศรษฐกิจซบเซา อับเฉา ประชาชนมีทุกข์ขนาดนี้ มีเพียงคนในรัฐบาลและเศรษฐียังตีสีหน้าระรื่น

ชาวบ้านได้รู้เห็นแต่ความยโสโอหัง ลำพองในอำนาจ ทั้งๆ ที่มีแต่ล้มเหลว! แม้กระนั้น ประสบการณ์ เหตุการณ์บ้านเมืองที่ผ่านมาและความเชื่อที่ว่า “พระสยามเทวาธิราช” จะยังคงเป็นที่พึ่งสุดท้าย แผ่นดินนี้ศักดิ์สิทธิ์ ความชั่วร้ายจะอยู่ได้ไม่นาน

จริงไม่จริง ไม่รู้ แต่ที่ผ่านมา บ้านเมืองก็รอดวิกฤต รอดจากเงื้อมมือทุรชนคนเลวหลากชนิดมาโดยตลอด บางช่วงต้องใช้เวลานาน เพราะคนชั่วร้ายมีพลังมาก ประชาชนขับเคลื่อน บางครั้งต้องสังเวยหลายชีวิตกว่าจะจัดการผู้นำชั่วร้ายได้สำเร็จ

ช่วงนี้เป็นสภาวะความไม่แน่นอนอีกครั้งซึ่งคาดเดาได้ยากว่ามีอะไรรออยู่ เป็นเหมือนเดิม หรือมีการเปลี่ยนแปลง และถ้าเกิดจะเป็นไปในรูปแบบใด รอกระบวนการเลือกตั้ง หรือมีอภินิหารทางการเมืองเพื่อให้บ้านเมืองตั้งหลักใหม่

ที่สำคัญคือการปฏิรูปโครงสร้างประเทศ โดยเฉพาะการบริหารระบบราชการทุกหน่วย ประเด็นหลักคือให้เจ้าหน้าที่ปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมาย กฎหมายต้องเป็นกฎหมาย บังคับใช้ได้จริงจังอย่างเที่ยงธรรม นั่นหมายถึงกำจัดระบบเส้นสายให้หมด

คำพูดถากถางที่ว่า “คุกมีไว้ขังคนจน คนไร้เส้นสาย คนรวย มหาเศรษฐีคนมีเส้น มีอำนาจ ไม่ต้องติดคุก” ต้องไม่มีอีก ซึ่งจะทำให้ไทยเข้าสู่ประชาคมโลก มีระบบนิติรัฐน่าเชื่อถือ เพราะปัญหาข้าราชการไม่ทำหน้าที่คือวิกฤตของประเทศในขณะนี้

การเลือกตั้งที่คาดว่าจะมีตามโรดแหม็บๆ ไม่ใช่ทางออกของวิกฤตเรื้อรัง จำเป็นต้องมีการปฏิรูปให้สำเร็จ ได้ผล จะเกิดขึ้นหรือไม่ แล้วแต่ผู้รับผิดชอบประเทศ


กำลังโหลดความคิดเห็น