xs
xsm
sm
md
lg

กบฏยุโรป!!!

เผยแพร่:   โดย: ทับทิม พญาไท

<b>นางอังเกลา แมร์เคิล นายกรัฐมนตรีเยอรมนี และประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน แห่งรัสเซีย</b>
ปิดท้ายสัปดาห์นี้...คงต้องเปลี่ยนบรรยากาศ หันไปดูพวก “ฝรั่งยุโรป” กันมั่ง เพราะหลังจากที่เคยยืนหยัดเคียงข้าง เคียงบ่าเคียงไหล่กับ “คุณพ่ออเมริกา” มาโดยตลอดแทบจะชั่วนิจนิรันดร์กาล แต่ช่วงหลังๆ เมื่อเจอเข้ากับ “ลูกบ้า” ของ “ทรัมป์บ้า” ชนิดดอกแล้ว ดอกเล่า อากัปกิริยาของพวกฝรั่งยุโรปในแต่ละชาติ ชักเริ่มออกอาการอ้วกแตก อ้วกแตนไปเป็นแถวๆ แต่ถึงขั้นจะต้องหันไปเอากับจีนและรัสเซียแบบเต็มสูบ เต็มด้าม หรือไม่ อย่างไรนั้น อันนี้นี่แหละ...ที่น่าสนใจเอามากๆ ว่าระหว่างการเดินเกม “หมากล้อม” กับ “หมากรุก” นั้น อะไรมันจะสนุกสนานเมามันซ์ซ์ซ์ มาก-น้อยไปกว่ากัน...

โดยเฉพาะประเทศผู้นำของยุโรป อย่างเยอรมนีดูจะออกอาการกว่าใครเพื่อน ไม่ใช่แต่เฉพาะตัวผู้นำ หรือบรรดานักการเมือง แต่กระทั่งปุถุชนคนธรรมดา หรือบรรดาชาวไส้กรอกทั้งหลาย ถ้าดูจากผลสำรวจวิจัยความคิด-ความเห็นชาวเยอรมันคราวล่าสุด ระหว่างช่วงวันที่ 15-17 พฤษภาคมที่ผ่านมา หรือหลังจากที่ “ทรัมป์บ้า” ตัดสินใจถลกก้นหนีจากข้อตกลงนิวเคลียร์อิหร่าน (JCPOA) ที่มี 5 ชาติบวก 1 หรือมีเยอรมนีร่วมตกลงกะเค้าด้วย ที่สำนักวิจัย “ZDF” ร่วมกับ “Mannheim Research Group” เขาได้ออกแบบสำรวจตั้งคำถามกับชาวเยอรมัน ถึงความรู้สึกที่มีต่อรัฐบาลสหรัฐฯ ในปัจจุบัน ผลสรุปที่ออกมาก็พอๆ กับผลสรุปเรื่อง “เอาบิ๊กตู่-ไม่เอาบิ๊กตู่” ในเพจ “ขอล้าน Like สนับสนุนให้พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรี” ในบ้านเรานั่นแหละ คือปาเข้าไปถึง 87 เปอร์เซ็นต์ ที่ดันหันไปกด “ไม่ Like” เอาซะนี่...

แต่สำหรับชาวเยอรมันนั้น...มีอยู่ประมาณ 82 เปอร์เซ็นต์ที่เห็นพ้องต้องกันว่า “สหรัฐฯ...ไม่ได้เป็นมิตรที่แท้จริงของชาวเยอรมัน” และอาจด้วยอารมณ์ความรู้สึกของปวงชนชาวเยอรมันที่ออกมาในแนวนี้ นักการเมือง หรือผู้นำเยอรมนีอย่าง “นางอังเกลา แมร์เคิล” (Angela Merkel) ย่อมมิอาจไม่รู้-ไม่เห็น ได้อีกต่อไป ความพยายามตีกรรเชียงหนีจากอำนาจอิทธิพลของอเมริกา และพยายามเพิ่ม “ความเป็นตัวของตัวเอง” ให้มากๆเข้าไว้ จึงทำให้ “นางแมร์เคิล” ต้องออกเดินสายแบบชนิดถี่ๆ พอๆ กับแม่นาง “การะเกด”หรือ “ขุนหมื่น” บ้านเรา ออกเดินสายโชว์ตัวเอาเลยก็ว่าได้ ศุกร์ที่แล้ว (18 พ.ค.) เพิ่งไปรับช่อดอกไม้จากประธานาธิบดี “ปูติน” ที่เมืองโซชิ แบบสุดแสนจะชื่นมื่น ส่วนพฤหัสฯและศุกร์นี้ (24-25 พ.ค.) ก็โดดไปหาจีน พบปะเจรจากับผู้นำจีน ตั้งแต่ประธานาธิบดี “สี จิ้นผิง” นายกรัฐมนตรี “หลี่ เค่อเฉียง” และคณะผู้บริหารระดับสูงในอีกหลายสาขา ซึ่งการพบปะเจรจา ก็เพื่อ “แลกเปลี่ยนสถานการณ์ในระดับลึกๆ ถึงความสัมพันธ์ระหว่างจีนกับเยอรมนี และจีนกับอียู ทั้งในระดับโลกและระดับภูมิภาค” นี่...ถ้าว่ากันตามคำแถลงของรัฐมนตรีต่างประเทศจีน “นายหลู่ กัง” (Lu Kang) ที่แถลงกับผู้สื่อข่าวอย่างเป็นทางการเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา...

ส่วนจะลึกไปถึงระดับไหน และจะนำมาซึ่ง “ความร่วมมือ” กันในระดับใด...ถ้าฟังจากฝ่ายจีน หรือจากสื่อทางการของจีนอย่าง “Global Times” สิ่งที่ “นายคู หงเจี้ยน” (Cui Hongjian) ผู้อำนวยการสถาบัน “China Institute of International Studies (Department of European Studies)” ได้ตั้งความหวังเอาไว้ ก็ออกจะเป็นอะไรที่น่าสนใจอยู่ไม่น้อย นั่นก็คือความหวังที่จะให้ทั้งจีนและอียู “สามารถตกลงที่จะเพิ่มการใช้เงินสกุลหยวนและยูโร ในการค้า-ขายระหว่างกันและกัน และลดการพึ่งพาเงินดอลลาร์ลงไปให้น้อยที่สุดเท่าที่จะเป็นได้” อันถือเป็นหนทางหนึ่งที่จะช่วยให้สามารถเอาชนะการแซงชั่นของสหรัฐฯ ไม่ว่าต่อกรณีอิหร่าน หรือการแซงชั่นรัสเซีย ที่ล้วนแต่ก่อให้เกิดผลกระทบต่ออียู และเยอรมนีแบบเต็มๆ เนื้อๆ โดยเฉพาะในกรณีแซงชั่นรัสเซียนั้น ต้องถือเป็นอะไรที่น่าเกลียดเอามากๆ คือเป็นการบีบบังคับให้โครงการร่วมมือระหว่างรัสเซีย-เยอรมนีในการต่อท่อส่งแก๊ส “Nord Stream 2 pipeline” มีสิทธิพังเอาดื้อๆ เพื่อให้เยอรมนีต้องหันไปซื้อแก๊สจากอเมริกา ที่แพงกว่าแก๊สรัสเซียถึง 20-30 เปอร์เซ็นต์เอาเลยถึงขั้นนั้น...

ความร่วมมืออีกประการหนึ่ง...ที่ฝ่ายจีนเขาดูจะหวังๆ มิใช่น้อย ก็คือความร่วมมือในการแลกเปลี่ยนความรู้ด้านเทคโนโลยีระดับสูง เพื่อผลิตสินค้าในระดับ “high-tech” ทั้งหลาย อันเป็นสิ่งที่คุณพ่ออเมริกาเคยหยิบยกมาเป็นหนึ่งในเงื่อนไข ในการกีดกัน ป้องกันทางการค้ากับจีน จนก่อให้เกิด “สงครามทางการค้า” ระดับย่อยๆ เมื่อไม่นานมานี้ คือในขณะที่เยอรมนีนั้นกำลังผลักดันโครงการทำนองนี้ ที่เรียกๆ กันว่า “Germany’s Industry 4.0” จีนก็กำลังผลักดันโครงการที่ได้รับการเรียกขานกันในนาม “Made in China-2025” ดังนั้น...ถ้าหากเยอรมนีหันมา “จูบปาก” กับจีน แบบดื่มด่ำลึกซึ้งกันจริงๆแล้ว ก็แทบไม่ต้องไปสนใจคุณพ่ออเมริกา หรือจะหันไปถีบเบาๆ แบบให้พอรู้สึก รู้สา ก็ย่อมเป็นไปได้ด้วยกันทั้งนั้น....

แต่ก็นั่นแหละ...การหันไปถีบอเมริกา แล้วหันมาจูบปากกับจีนและรัสเซีย มันคงไม่ถึงกับ “เปิดปุ๊บ-ติดปั๊บ” ได้แบบง่ายๆ แบบสะดวกสบายกันซักเท่าไหร่นัก ยังต้องผ่านกระบวนการชั่งน้ำหนัก การคำนึงถึงผลได้-ผลเสีย โดยมี “ผลประโยชน์แห่งชาติ” ของแต่ละฝ่าย เป็นมาตรฐานในการคิดคำนวณกันอีกเยอะ แต่การที่ท่าทีของเยอรมนีและอียู หรือบรรดาพวก “ฝรั่งยุโรป” ทั้งหลาย นับวันจะเหม็นเบื่อ หรือ “รับไม่ได้” กับ “ลูกบ้า” ของ “ทรัมป์บ้า” ยิ่งขึ้นทุกทีหรือออกอาการที่ทำให้นักสังเกตการณ์ทางการเมืองบางรายเรียกขานกันในนาม “กบฏยุโรป” เอาเลยถึงขั้นนั้น ก็น่าจะพอสะท้อนให้เห็นว่า...ภายใต้การต่อสู้ระหว่าง “สงครามและสันติภาพ” ตามคำจำกัดความของผู้นำเยอรมนีอย่าง “นางอังเกลา แมร์เคิล” เอง ฝ่าย “สันติภาพ” ดูจะมีแนวโน้มค่อนข้างเป็นต่อฝ่าย “สงคราม” ไม่ต่ำกว่า 2 ลูกควบครึ่ง และไม่ทดเวลาบาดเจ็บเป็นอย่างน้อย เรียกว่า...พอๆ กับ “ราชันชุดขาว-เรอัล มาดริด” เจอกับ “หงส์แดง-ลิเวอร์พรุน” ทำนองนั้น ส่วนใครจะรักใคร-ชอบใคร เสมอไหนต่อเสมอไหน อันนั้น...คงต้องไปว่ากันเอาเองตามรสนิยมของใคร-ของมัน ก็แล้วกัน...


กำลังโหลดความคิดเห็น