“สอดแนมการเมือง”
“ชัชวาลย์ ชาติสุทธิชัย”
“พรรคลับ-ล้วง-ลวง-พราง” ใช้สูตรการเมือง ดูดมั่ว-ดูดแหลก-ดูดจ๊วบๆ ไม่เลือกหน้า..!
เมื่อ “ผู้นำรัฐประหารบิ๊กตู่” ไม่ปฏิรูปชาติก่อนเลือกตั้ง มีแนวโน้มจะเลือกตั้งก่อนปฏิรูปชาติ แถมผลงาน 4 ปีไม่เข้าตาประชาชนเท่าที่ควร แต่อยากจะสืบทอดอำนาจ ด้วยข้ออ้าง “สานงานเก่า” และ “สร้างงานใหม่” เพื่อ “เครือข่ายพวกตู”..เอ๊ย.. เพื่อ “ประชาชน” จะได้มีความสุข-มั่นคง-มั่งคั่ง-ยั่งยืน ฯลฯ
ดังนั้น “นายกฯ ตู่” กับพวก จึงต้องออกกฎกติกาและกฎหมายหลายหลาก กับใช้ทุกวิธีการทั้งลับและเปิดเผย ที่เอื้อให้ฝ่ายตนได้เปรียบทางการเมือง ทั้งก่อนและหลังการเลือกตั้ง หวังจะ “ปิดตาย” ไม่ให้พรรคการเมืองใดมีเสียงมากเกินครึ่งสภาฯ
การทำให้เกิด “เบี้ยหัวแตกทางการเมือง” หลังเลือกตั้ง เพื่อการจัดตั้งรัฐบาลใหม่จะได้อยู่ภายใต้อิทธิพลของ “คณะรัฐประหารบิ๊กตู่” ผู้มีอำนาจตั้ง “250 สว.” เป็นคะแนนตุนอยู่ในมือ ถ้าได้เสียง“สส.”มาเติมอีก“250 เสียง” ก็จะได้“สภา 500”.. เอ้อ!..ไม่ใช่“โจร 500”นะว้อย..
ถ้าเป็นดังหวังเว่อร์.. “ผู้นำบิ๊กตู่”หรือ“ใครก็ตาม” ที่คณะรัฐประหารเห็นควรให้เป็น “นายกรัฐมนตรี” ก็จะได้เป็นดังปรารถนา ซึ่งจะทำให้ “นายกฯ” และ “รัฐบาล” คณะรัฐประหาร ที่โดนเย้ยหยันว่าเป็น“เผด็จการทหาร”หายวับไป แปลงร่างเป็น“นายกฯกับรัฐบาลมาจากการเลือกตั้ง”ในทันใด!
ด้วยเหตุนี้ “นายกฯตู่” กับรัฐบาลชุดนี้จึงจงใจลืม-ไม่สนใจ กับคำประกาศเป็น“รัฐบาลยุคปฏิรูป” ที่เคยประณามพฤติกรรมโหลยโท่ย ของ“นักการเมืองน้ำเน่า” ที่ทำกันมาในอดีต แต่เพราะต้องสืบทอดอำนาจให้สำเร็จ จึงต้องใช้ทุกวิธีการ “วิ่งสู้ฟัด” ทั้งโหด-เลว-ดี สร้าง “พลังดูด” อดีต “สส.ส่วนใหญ่” มาตุนไว้ใน “บ่อเกรอะลายพราง” ฯลฯ
โดยไม่แยแสว่าจะเป็น“นักการเมืองน้ำเน่า” พันธุ์เสือ-สิงห์-กระทิง-แรด-หมู-หมา-ตัวเงินตัวทอง ฯลฯ เพื่อจะได้ สส.เข้าสภาฯให้มากที่สุด โดยจะใช้”สส.”เสียงข้างมากเป็น“ฝักถั่ว”ในรัฐสภา “ยกมือ-คืนความสุข”ให้“นายกฯตู่คนเก่า” หรือให้“ใครหน้าไหน”ที่คณะรัฐประหารต้องการ เป็น“นายกฯคนใหม่”
เรื่อง“สืบทอดอำนาจ”นั้น-รัฐบาลมาจากการเลือกตั้งสกปรก อย่าง“เหลี่ยม-หล่อ”ก็ทำทุกอย่างเพื่อจะได้“สืบทอดอำนาจ”เช่นกัน ด้วยข้ออ้างเหมือนกันเป๊ะว่า เพื่อจะได้ทำงานการเมืองอย่างต่อเนื่อง ให้ประชาชนคนไทยได้อยู่ดีกินดี
ทั้ง“เหลี่ยม-หล่อ”เคยใช้ความได้เปรียบ ในห้วงเป็นรัฐบาลรักษาการก่อนเลือกตั้ง ใช้ทุกวิธีการสร้าง“พลังดูด”ขึ้นมา“สูบ”อดีต“สส.” จากพรรคคู่แข่งมาเข้าพรรคตน เพื่อจะให้ได้ สส.ในสนามเลือกตั้งเข้าสภาฯมากที่สุด จะได้ขึ้นเป็น“นายกฯ”และ“รัฐบาล”ต่อไป..จริงไหม?
ดังนั้น จึงมิใช่เรื่องแปลกใหม่อะไรเลย ที่รัฐบาล“บิ๊กตู่”จะ“สืบทอดอำนาจ” จะ“ดูดจ๊วบๆ”หรือนั่งเฉยๆแล้ว“เขามาเอง”! ตรงกันข้าม..คงเข้าขั้นโง่บริสุทธิ์เลยล่ะ ถ้า“นายกฯบิ๊กตู่”กับพวกทำรัฐประหาร เกิดอาการเบื่อ“ไม่อยากสืบทอดอำนาจ”ขึ้นมาดื้อๆ แล้วงอมืองอตีนปล่อยให้พรรค“เหลี่ยม-หล่อ” แข่งกันเข้ายึดอำนาจรัฐไปต่อหน้าต่อตา
ทว่า..ที่สำคัญเหนือสิ่งอื่นใด คือ นักการเมืองทั้งเลือกตั้งและรัฐประหาร เมื่อได้อำนาจรัฐแล้ว ได้ใช้อำนาจทำเพื่อชาติและประชาชน หรือทำเพื่อตนเองกับพวกพ้องต่างหาก?
ในอนาคตถ้า“พรรคเหลี่ยม”ชนะ“พรรคหล่อ” ชาติคงหนีไม่พ้นความวุ่นวายอีกเป็นแน่ เพราะ“นักการเมืองพรรคเหลี่ยม”เต็มไปด้วยเสือ-สิงห์-กระทิง-แรด-หมู-หมา-ตัวเงินตัวทอง ฯลฯ ที่เคยฝากผลงาน “โบว์ดำปิ๊ดปี๋”มาแล้วมากมาย เช่น เคยคอร์รัปชั่นโกงชาติมโหฬาร! เคยก่อจลาจลเผาบ้านเผาเมือง! เคยใช้ความรุนแรงฆ่าทหารและประชาชน! เคยสนับสนุนพวกล้มสถาบันสำคัญของชาติ! ฯลฯ
แน่นอน..โดยหลักการแล้ว ประชาชนพร้อมให้อภัย “คนชั่ว”ที่เปลี่ยนเป็น“คนดี”
แต่ใครกล้ารับผิดชอบมั้ยว่า ถ้า“พรรคเหลี่ยม”ได้บริหารชาติอีกครา พวกเขาจะเปลี่ยนพฤติกรรมจาก“คนร้าย”กลายเป็น“คนดี”?
หาก“พรรคเหลี่ยม”เป็นรัฐบาลอีกครา แล้วทำดีกับชาติก็ถือว่า-โชคดี! แต่ถ้ายังทำชั่วช้าสามานย์ต่อชาติอีกล่ะ? “นายกฯตู่”กับพวกจะรับผิดชอบเช่นไร? ถึงตอนนั้น“นายกฯตู่”กับพวกที่ทำรัฐประหาร“เยี่ยวไม่สุด” แต่ดันจัดให้มีการเลือกตั้ง(สกปรก) ไม่รู้ไป“ร่ำรวยเสวยสุข”อยู่ที่ไหน..?
แต่ที่แน่ๆ ผู้ที่ต้องรับเคราะห์กรรมอันเลวร้าย จากรัฐประหารไม่ปฏิรูปชาติของ“นายกฯตู่”กับพวก หนีไม่พ้นชาติและประชาชน ที่ต้องเผชิญกับวิกฤตการเมืองอันชั่วร้ายในอนาคต ที่อาจเกิดความไม่สงบจนมีผู้คนบาดเจ็บล้มตายอีก เพราะประชาชนผู้รักชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ คงไม่ยอมให้“นักการเมืองชั่วช้าหน้าไหน”โกงชาติบ้านเมืองแน่นอน
เลือกตั้งไม่บริสุทธิ์ยุติธรรมที่จะเกิดขึ้นอีกครา โดย“นายกฯตู่”ไม่ได้“ปฏิรูปการเมือง” จึงเท่ากับ“นายกฯตู่”กำลังนำชาติและประชาชน ไปเสี่ยงภัยกับการเกิดวิกฤตการณ์ทางการเมือง ซึ่งจะบ่อนทำลายความมั่นคงของชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์และประชาชนในอนาคตนั่นเอง
แน่นอน! หากการเมืองไทยเลวร้ายลงอีกครา “นายกฯตู่”และพวกหนีไม่พ้นที่จะถูกประณามอย่างรุนแรงจากคนไทย โทษฐานที่ทำรัฐประหาร“เสียของ-เยี่ยวไม่สุด-มวยล้มต้มคนดู” จนทำให้ชาติและประ
ชาชนเสียหายอย่างใหญ่หลวงซ้ำซาก
น่าเสียดาย..จาก“นายกฯตู่”ที่มีอำนาจเกินร้อย มีโอกาสสร้างผลงานอันดีงามให้ชาติ มีโอกาสจะกลายเป็น“วีรบุรุษ” เป็นที่รักเคารพของประชาชน ถ้ารู้จักใช้อำนาจเผด็จการอย่างสร้างสรรค์ เพื่อทำให้ชาติและประชาชนอยู่ดีมีสุขอย่างยั่งยืน
แต่วันนี้..“นายกฯตู่”มีโอกาสที่จะเป็น“โมฆะบุรุษ” กับการใช้อำนาจ“มาตรา 44”ชนิดไม่เลือกลำดับความสำคัญและความจำเป็นก่อนหลัง! กับการใช้“มาตรา 44”แบบกล้าๆกลัวๆผิดๆถูกๆ! หรือใช้ “มาตรา 44” กับเรื่องไม่คุ้มค่าต่อชาติและประชาชนเท่าที่ควรนั่นเอง
เรื่องของ“มนุษย์”นั้น-ไม่มี“มนุษย์คนไหน”จะ“ดีเลิศประเสริฐศรีเต็มร้อย”และ“เลวบริสุทธิ์เต็มร้อย”! แต่อย่างน้อย“มนุษย์มิใช่สัตว์เดียรฉาน” ยิ่งเป็น“นักการเมือง”ที่เป็น“ยอดปิรามิด”ในการบริหารชาติ ยิ่งจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องรู้ว่า เรื่องใดควรทำ-ไม่ควรทำ เรื่องใดถูก-เรื่องใดผิด ที่สำคัญต้องทำเพื่อชาติและประชาชนเป็นหลัก มิใช่ทำเพื่อตนและพวกพ้องเป็นหลัก ฯลฯ
น่าผิดหวังและโชคร้ายสำหรับชาติและประชาชน เพราะที่ผ่านมา ทั้งนักการเมืองมาจากการเลือกตั้งและรัฐประหาร มิได้ทำเพื่อชาติและประชาชนอย่างจริงใจจริงจัง จนทำให้ชาติตกอยู่ในวิกฤตการเมืองอันชั่วร้าย ทั้งในอดีตตราบปัจจุบันจรดอนาคต..
หากมองเรื่องของการเมือง ณ วันนี้ ด้วยมุมมองที่ไม่มีอะไรจะได้ร้อยหรือเสียร้อย!
“นายกฯตู่”พลาดไปกับการ“กลัดกระดุมเสื้อเม็ดแรกผิด” แล้วเดินออกงานโชว์ตัวครั้งแล้วครั้งเล่าอย่างหน้าตาเฉย เมื่อมี“ผู้หวังดี”ตะโกนบอกให้รู้ว่า“ติดกระดุมผิด” แทนที่“ออกญาตู่”จะหยุดพิจารณาตัวเอง“หน้าคันฉ่อง” เพื่อ“ออกญาตู่”จะได้เห็นว่า“เสื้อยาวสั้นไม่เท่ากัน”จากการ“กลัดกระดุมเม็ดแรกผิด”
แต่“นายกฯตู่”มักไม่พอใจ“ผู้หวังดี”ทั้งหลาย และยังไม่ยอมแก้ไขด้วยการ“กลัดกระดุมเม็ดแรกใหม่ให้ถูกต้อง”เสียอีก
นั่นทำให้“นายกฯตู่”ต้องหันมาทำในสิ่งที่ตนและพวกพ้อง เคยประณามหยามเหยียด เคยรังเกียจขยะแขยงและเคยโค่นล้มลง ฯลฯ ด้วยการ“ดูด”นักการเมืองชนิดไม่เลือกหน้า มาสนับสนุนตนและพวกพ้องให้ได้สืบทอดอำนาจ ให้ได้เป็นนายกฯและรัฐบาล โดยไม่สนใจว่า..สิ่งที่ทำนั้นควรหรือไม่ควร ถูกหรือไม่ถูก ดีงามหรือเลวทราม สร้างสรรค์หรือไม่สร้างสรรค์ ฯลฯ
เฮ้อ..เรื่องของการ“สืบทอดอำนาจ”นั้น ได้“บังตา”เรื่องของคุณงามความดีเสียหมดสิ้น!
การ“ดูด”นักการเมืองเป็นครรลองประชาธิปไตย..ก็จริง! แต่เป็นครรลองประชาธิปไตยแบบทุนสามานย์เขาทำกัน!!
อำนาจเงินทอง-คือ-อสรพิษของภิกษุสงฆ์! อำนาจเงินทอง-ก็เป็น-อสรพิษของ“คนดี”และ“คนเคยดี”เช่นกัน!
เมื่อ “ผู้นำบิ๊กตู่” กับพวกที่ทำรัฐประหาร ไม่ปฏิรูปชาติและเลือกเดินการเมือง “น้ำเน่า” เช่นนี้แล้วล่ะก็ บอกได้เลยว่า “การเมืองไทยแลนด์ 4.0” อนาคตไม่ดี-ไม่รุ่ง-ยุ่งแน่-แย่ลงแน่ๆ..!
“ชัชวาลย์ ชาติสุทธิชัย”
“พรรคลับ-ล้วง-ลวง-พราง” ใช้สูตรการเมือง ดูดมั่ว-ดูดแหลก-ดูดจ๊วบๆ ไม่เลือกหน้า..!
เมื่อ “ผู้นำรัฐประหารบิ๊กตู่” ไม่ปฏิรูปชาติก่อนเลือกตั้ง มีแนวโน้มจะเลือกตั้งก่อนปฏิรูปชาติ แถมผลงาน 4 ปีไม่เข้าตาประชาชนเท่าที่ควร แต่อยากจะสืบทอดอำนาจ ด้วยข้ออ้าง “สานงานเก่า” และ “สร้างงานใหม่” เพื่อ “เครือข่ายพวกตู”..เอ๊ย.. เพื่อ “ประชาชน” จะได้มีความสุข-มั่นคง-มั่งคั่ง-ยั่งยืน ฯลฯ
ดังนั้น “นายกฯ ตู่” กับพวก จึงต้องออกกฎกติกาและกฎหมายหลายหลาก กับใช้ทุกวิธีการทั้งลับและเปิดเผย ที่เอื้อให้ฝ่ายตนได้เปรียบทางการเมือง ทั้งก่อนและหลังการเลือกตั้ง หวังจะ “ปิดตาย” ไม่ให้พรรคการเมืองใดมีเสียงมากเกินครึ่งสภาฯ
การทำให้เกิด “เบี้ยหัวแตกทางการเมือง” หลังเลือกตั้ง เพื่อการจัดตั้งรัฐบาลใหม่จะได้อยู่ภายใต้อิทธิพลของ “คณะรัฐประหารบิ๊กตู่” ผู้มีอำนาจตั้ง “250 สว.” เป็นคะแนนตุนอยู่ในมือ ถ้าได้เสียง“สส.”มาเติมอีก“250 เสียง” ก็จะได้“สภา 500”.. เอ้อ!..ไม่ใช่“โจร 500”นะว้อย..
ถ้าเป็นดังหวังเว่อร์.. “ผู้นำบิ๊กตู่”หรือ“ใครก็ตาม” ที่คณะรัฐประหารเห็นควรให้เป็น “นายกรัฐมนตรี” ก็จะได้เป็นดังปรารถนา ซึ่งจะทำให้ “นายกฯ” และ “รัฐบาล” คณะรัฐประหาร ที่โดนเย้ยหยันว่าเป็น“เผด็จการทหาร”หายวับไป แปลงร่างเป็น“นายกฯกับรัฐบาลมาจากการเลือกตั้ง”ในทันใด!
ด้วยเหตุนี้ “นายกฯตู่” กับรัฐบาลชุดนี้จึงจงใจลืม-ไม่สนใจ กับคำประกาศเป็น“รัฐบาลยุคปฏิรูป” ที่เคยประณามพฤติกรรมโหลยโท่ย ของ“นักการเมืองน้ำเน่า” ที่ทำกันมาในอดีต แต่เพราะต้องสืบทอดอำนาจให้สำเร็จ จึงต้องใช้ทุกวิธีการ “วิ่งสู้ฟัด” ทั้งโหด-เลว-ดี สร้าง “พลังดูด” อดีต “สส.ส่วนใหญ่” มาตุนไว้ใน “บ่อเกรอะลายพราง” ฯลฯ
โดยไม่แยแสว่าจะเป็น“นักการเมืองน้ำเน่า” พันธุ์เสือ-สิงห์-กระทิง-แรด-หมู-หมา-ตัวเงินตัวทอง ฯลฯ เพื่อจะได้ สส.เข้าสภาฯให้มากที่สุด โดยจะใช้”สส.”เสียงข้างมากเป็น“ฝักถั่ว”ในรัฐสภา “ยกมือ-คืนความสุข”ให้“นายกฯตู่คนเก่า” หรือให้“ใครหน้าไหน”ที่คณะรัฐประหารต้องการ เป็น“นายกฯคนใหม่”
เรื่อง“สืบทอดอำนาจ”นั้น-รัฐบาลมาจากการเลือกตั้งสกปรก อย่าง“เหลี่ยม-หล่อ”ก็ทำทุกอย่างเพื่อจะได้“สืบทอดอำนาจ”เช่นกัน ด้วยข้ออ้างเหมือนกันเป๊ะว่า เพื่อจะได้ทำงานการเมืองอย่างต่อเนื่อง ให้ประชาชนคนไทยได้อยู่ดีกินดี
ทั้ง“เหลี่ยม-หล่อ”เคยใช้ความได้เปรียบ ในห้วงเป็นรัฐบาลรักษาการก่อนเลือกตั้ง ใช้ทุกวิธีการสร้าง“พลังดูด”ขึ้นมา“สูบ”อดีต“สส.” จากพรรคคู่แข่งมาเข้าพรรคตน เพื่อจะให้ได้ สส.ในสนามเลือกตั้งเข้าสภาฯมากที่สุด จะได้ขึ้นเป็น“นายกฯ”และ“รัฐบาล”ต่อไป..จริงไหม?
ดังนั้น จึงมิใช่เรื่องแปลกใหม่อะไรเลย ที่รัฐบาล“บิ๊กตู่”จะ“สืบทอดอำนาจ” จะ“ดูดจ๊วบๆ”หรือนั่งเฉยๆแล้ว“เขามาเอง”! ตรงกันข้าม..คงเข้าขั้นโง่บริสุทธิ์เลยล่ะ ถ้า“นายกฯบิ๊กตู่”กับพวกทำรัฐประหาร เกิดอาการเบื่อ“ไม่อยากสืบทอดอำนาจ”ขึ้นมาดื้อๆ แล้วงอมืองอตีนปล่อยให้พรรค“เหลี่ยม-หล่อ” แข่งกันเข้ายึดอำนาจรัฐไปต่อหน้าต่อตา
ทว่า..ที่สำคัญเหนือสิ่งอื่นใด คือ นักการเมืองทั้งเลือกตั้งและรัฐประหาร เมื่อได้อำนาจรัฐแล้ว ได้ใช้อำนาจทำเพื่อชาติและประชาชน หรือทำเพื่อตนเองกับพวกพ้องต่างหาก?
ในอนาคตถ้า“พรรคเหลี่ยม”ชนะ“พรรคหล่อ” ชาติคงหนีไม่พ้นความวุ่นวายอีกเป็นแน่ เพราะ“นักการเมืองพรรคเหลี่ยม”เต็มไปด้วยเสือ-สิงห์-กระทิง-แรด-หมู-หมา-ตัวเงินตัวทอง ฯลฯ ที่เคยฝากผลงาน “โบว์ดำปิ๊ดปี๋”มาแล้วมากมาย เช่น เคยคอร์รัปชั่นโกงชาติมโหฬาร! เคยก่อจลาจลเผาบ้านเผาเมือง! เคยใช้ความรุนแรงฆ่าทหารและประชาชน! เคยสนับสนุนพวกล้มสถาบันสำคัญของชาติ! ฯลฯ
แน่นอน..โดยหลักการแล้ว ประชาชนพร้อมให้อภัย “คนชั่ว”ที่เปลี่ยนเป็น“คนดี”
แต่ใครกล้ารับผิดชอบมั้ยว่า ถ้า“พรรคเหลี่ยม”ได้บริหารชาติอีกครา พวกเขาจะเปลี่ยนพฤติกรรมจาก“คนร้าย”กลายเป็น“คนดี”?
หาก“พรรคเหลี่ยม”เป็นรัฐบาลอีกครา แล้วทำดีกับชาติก็ถือว่า-โชคดี! แต่ถ้ายังทำชั่วช้าสามานย์ต่อชาติอีกล่ะ? “นายกฯตู่”กับพวกจะรับผิดชอบเช่นไร? ถึงตอนนั้น“นายกฯตู่”กับพวกที่ทำรัฐประหาร“เยี่ยวไม่สุด” แต่ดันจัดให้มีการเลือกตั้ง(สกปรก) ไม่รู้ไป“ร่ำรวยเสวยสุข”อยู่ที่ไหน..?
แต่ที่แน่ๆ ผู้ที่ต้องรับเคราะห์กรรมอันเลวร้าย จากรัฐประหารไม่ปฏิรูปชาติของ“นายกฯตู่”กับพวก หนีไม่พ้นชาติและประชาชน ที่ต้องเผชิญกับวิกฤตการเมืองอันชั่วร้ายในอนาคต ที่อาจเกิดความไม่สงบจนมีผู้คนบาดเจ็บล้มตายอีก เพราะประชาชนผู้รักชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ คงไม่ยอมให้“นักการเมืองชั่วช้าหน้าไหน”โกงชาติบ้านเมืองแน่นอน
เลือกตั้งไม่บริสุทธิ์ยุติธรรมที่จะเกิดขึ้นอีกครา โดย“นายกฯตู่”ไม่ได้“ปฏิรูปการเมือง” จึงเท่ากับ“นายกฯตู่”กำลังนำชาติและประชาชน ไปเสี่ยงภัยกับการเกิดวิกฤตการณ์ทางการเมือง ซึ่งจะบ่อนทำลายความมั่นคงของชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์และประชาชนในอนาคตนั่นเอง
แน่นอน! หากการเมืองไทยเลวร้ายลงอีกครา “นายกฯตู่”และพวกหนีไม่พ้นที่จะถูกประณามอย่างรุนแรงจากคนไทย โทษฐานที่ทำรัฐประหาร“เสียของ-เยี่ยวไม่สุด-มวยล้มต้มคนดู” จนทำให้ชาติและประ
ชาชนเสียหายอย่างใหญ่หลวงซ้ำซาก
น่าเสียดาย..จาก“นายกฯตู่”ที่มีอำนาจเกินร้อย มีโอกาสสร้างผลงานอันดีงามให้ชาติ มีโอกาสจะกลายเป็น“วีรบุรุษ” เป็นที่รักเคารพของประชาชน ถ้ารู้จักใช้อำนาจเผด็จการอย่างสร้างสรรค์ เพื่อทำให้ชาติและประชาชนอยู่ดีมีสุขอย่างยั่งยืน
แต่วันนี้..“นายกฯตู่”มีโอกาสที่จะเป็น“โมฆะบุรุษ” กับการใช้อำนาจ“มาตรา 44”ชนิดไม่เลือกลำดับความสำคัญและความจำเป็นก่อนหลัง! กับการใช้“มาตรา 44”แบบกล้าๆกลัวๆผิดๆถูกๆ! หรือใช้ “มาตรา 44” กับเรื่องไม่คุ้มค่าต่อชาติและประชาชนเท่าที่ควรนั่นเอง
เรื่องของ“มนุษย์”นั้น-ไม่มี“มนุษย์คนไหน”จะ“ดีเลิศประเสริฐศรีเต็มร้อย”และ“เลวบริสุทธิ์เต็มร้อย”! แต่อย่างน้อย“มนุษย์มิใช่สัตว์เดียรฉาน” ยิ่งเป็น“นักการเมือง”ที่เป็น“ยอดปิรามิด”ในการบริหารชาติ ยิ่งจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องรู้ว่า เรื่องใดควรทำ-ไม่ควรทำ เรื่องใดถูก-เรื่องใดผิด ที่สำคัญต้องทำเพื่อชาติและประชาชนเป็นหลัก มิใช่ทำเพื่อตนและพวกพ้องเป็นหลัก ฯลฯ
น่าผิดหวังและโชคร้ายสำหรับชาติและประชาชน เพราะที่ผ่านมา ทั้งนักการเมืองมาจากการเลือกตั้งและรัฐประหาร มิได้ทำเพื่อชาติและประชาชนอย่างจริงใจจริงจัง จนทำให้ชาติตกอยู่ในวิกฤตการเมืองอันชั่วร้าย ทั้งในอดีตตราบปัจจุบันจรดอนาคต..
หากมองเรื่องของการเมือง ณ วันนี้ ด้วยมุมมองที่ไม่มีอะไรจะได้ร้อยหรือเสียร้อย!
“นายกฯตู่”พลาดไปกับการ“กลัดกระดุมเสื้อเม็ดแรกผิด” แล้วเดินออกงานโชว์ตัวครั้งแล้วครั้งเล่าอย่างหน้าตาเฉย เมื่อมี“ผู้หวังดี”ตะโกนบอกให้รู้ว่า“ติดกระดุมผิด” แทนที่“ออกญาตู่”จะหยุดพิจารณาตัวเอง“หน้าคันฉ่อง” เพื่อ“ออกญาตู่”จะได้เห็นว่า“เสื้อยาวสั้นไม่เท่ากัน”จากการ“กลัดกระดุมเม็ดแรกผิด”
แต่“นายกฯตู่”มักไม่พอใจ“ผู้หวังดี”ทั้งหลาย และยังไม่ยอมแก้ไขด้วยการ“กลัดกระดุมเม็ดแรกใหม่ให้ถูกต้อง”เสียอีก
นั่นทำให้“นายกฯตู่”ต้องหันมาทำในสิ่งที่ตนและพวกพ้อง เคยประณามหยามเหยียด เคยรังเกียจขยะแขยงและเคยโค่นล้มลง ฯลฯ ด้วยการ“ดูด”นักการเมืองชนิดไม่เลือกหน้า มาสนับสนุนตนและพวกพ้องให้ได้สืบทอดอำนาจ ให้ได้เป็นนายกฯและรัฐบาล โดยไม่สนใจว่า..สิ่งที่ทำนั้นควรหรือไม่ควร ถูกหรือไม่ถูก ดีงามหรือเลวทราม สร้างสรรค์หรือไม่สร้างสรรค์ ฯลฯ
เฮ้อ..เรื่องของการ“สืบทอดอำนาจ”นั้น ได้“บังตา”เรื่องของคุณงามความดีเสียหมดสิ้น!
การ“ดูด”นักการเมืองเป็นครรลองประชาธิปไตย..ก็จริง! แต่เป็นครรลองประชาธิปไตยแบบทุนสามานย์เขาทำกัน!!
อำนาจเงินทอง-คือ-อสรพิษของภิกษุสงฆ์! อำนาจเงินทอง-ก็เป็น-อสรพิษของ“คนดี”และ“คนเคยดี”เช่นกัน!
เมื่อ “ผู้นำบิ๊กตู่” กับพวกที่ทำรัฐประหาร ไม่ปฏิรูปชาติและเลือกเดินการเมือง “น้ำเน่า” เช่นนี้แล้วล่ะก็ บอกได้เลยว่า “การเมืองไทยแลนด์ 4.0” อนาคตไม่ดี-ไม่รุ่ง-ยุ่งแน่-แย่ลงแน่ๆ..!