คสช.เคาะแนวทางช่วยทีวีดิจิทัล พักหนี้ 3 งวด-ขายใบอนุญาตได้-ช่วยค่าโครงข่าย 50% “ไก่อู” แจงแค่รับหลักการ ยังไม่มีคำสั่งมาตรา 44 "ฐากร" รับทำหน้าที่เต็มที่แล้ว “หุ้นทีวี” เขียวยกแผง สวนกระแสตลาดติดลบ “บิ๊กตู่” เหน็บเข้ามาประมูลกันเอง แต่รับต้องช่วยเหลือ ส่วนคัด กสทช.ติดปมตีความกม.คนละทาง ก่อนปล่อย ม.44 ระงับสรรหา กสทช.ชุดใหม่ ให้ชุดเดิมทำงานต่อยาว จนกว่าจะแก้กติกาเลือกใหม่ให้ไร้ปัญหา
วานนี้ (24 เม.ย.) ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) มีข้อสรุปเรื่องมาตรการให้ความช่วยเหลือผู้ประกอบการทีวีดิจิทัล 3 ประการ 1.อนุญาตให้ผู้ประกอบการทีวีดิจิทัลพักชำระหนี้ได้ 3 งวด ในการชำระเงินงวดที่เหลือของปี 2561-2565 เพื่อให้ผู้ประกอบการมีแรง มีกำลังเงินไว้ดำเนินธุรกิจต่อไป แต่ในระหว่างที่พักชำระหนี้จะต้องจ่ายดอกเบี้ยตามอัตราดอกเบี้ยนโยบายของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ที่ 1.50% ต่อปี 2. คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) จะช่วยเหลือในเรื่องค่าโครงข่ายที่เปลี่ยนจากระบบอนาล็อคมาเป็นระบบดิจิทัลให้แก่ผู้ให้เช่าโครงข่าย ได้แก่ บมจ.อสมท, ช่อง 5 และไทยพีบีเอส ในอัตรา 50% เป็นเวลา 2 ปี โดยที่เหลืออีก 50% ผู้ประกอบการเป็นผู้ชำระเอง 3. อนุญาตให้โอนใบอนุญาตประกอบธุรกิจทีวีดิจทัลได้ ซึ่งเป็นการเปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการรายอื่นที่สนใจได้เข้ามาดำเนินธุรกิจนี้ในอนาคตทั้งนี้ คสช.จะมีการออกคำสั่งตามมาตรการดังกล่าวภายในเดือน พ.ค.นี้ เนื่องจากจะถึงกำหนดที่จะต้องชำระเงินงวดต่อไปในช่วงกลางเดือน พ.ค.2561 ส่วนมาตรการช่วยเหลือผู้ประกอบการโทรคมนาคมนั้น ในวันนี้ยังไม่ข้อสรุป เนื่องจากเห็นว่ามีเนื้อหารายละเอียดที่แตกต่างจากกรณีของผู้ประกอบการทีวีดิจิทัล
พล.ท.สรรเสริญ กล่าวเพิ่มเติมว่า อย่างไรก็ตามแนวทางดังกล่าวเป็นเพียงการรับทราบหลักการเบื้องต้นเท่านั้น ยังไม่มีการออกคำสั่งมาตรา 44 แต่อย่างใด โดย หัวหน้า คสช. อยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง นำกลับไปพิจารณาให้รอบคอบอีกครั้ง ว่าต้องเพิ่มเติมประเด็นใดหรือไม่ ก่อนมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปร่างเป็น มาตรา 44 ก่อนนำเสนออีกครั้ง
ด้าน นายฐากร ตัณฑสิทธิ์ เลขาธิการ กสทช. เปิดเผยว่า ส่วนตัวคิดว่า ทำหน้าที่อย่างเต็มที่ที่สุดแล้ว เข้าใจว่า ทั้งหมดน่าจะเป็นข้อหารือที่ออกมาด้วยดี ถือเป็นเรื่องที่สามารถช่วยเหลือผู้ประกอบการทีวีดิจิทัลได้ในระยะยาว
ขณะเดียวกัน ราคาหุ้นกลุ่มทีวีดิจิทัล ได้ปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างคึกคัก สวนทิศทางดัชนีตลาดหลักทรัพย์ที่ปิดลบในวันนี้ อาทิ หุ้น เวิร์คพอยท์ ปิดที่ 67.25 บาท เพิ่มขึ้น 5.75 บาท หรือ 9.35%, หุ้น บีอีซีเวิลด์ ปิดที่ 11.60 บาท เพิ่มขึ้น 0.90 บาท หรือ 8.41%, หุ้น อาร์เอส ปิดที่ 28.25 บาท เพิ่มขึ้น 0.75 บาท หรือ 2.73%, หุ้น โมโน ปิดที่ 4.22 บาท เพิ่มขึ้น 0.12 บาท หรือ 2.93%, หุ้น อมรินทร์พริ้นติ้ง ปิดที่ 5.90 บาท เพิ่มขึ้น 0.10 บาท หรือ 1.72% และ หุ้น จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ ล่าสุด ปิดที่ 9.15 บาท เพิ่มขึ้น 0.15 บาท หรือ 1.67% เป็นต้น
โดยก่อนหน้านี้ นายชาคริต ดิเรกวัฒนชัย หัวหน้าคณะผู้บริหารด้านกิจการองค์กร บริษัท บีอีซี เวิล์ด จำกัด เปิดเผยว่า ช่อง 3 กำลังดูผลลัพท์ของคดีคืนใบอนุญาตเหมือน นางพันธุ์ทิพา ศกุณต์ไชย หรือเจ๊ติ๋ม ทีวีพูล ที่ชนะคดี กสทช.ในศาลชั้นต้น และอยู่ในชั้นศาลอุธรณ์ ก่อนจะพิจารณามาตรการต่อไปว่าจะดำเนินการช่อง 13 และ ช่อง 28 ตามเจ๊ติ๋มทีวีพูลหรือไม่ เนื่องจากทั้ง 2 ช่องไม่สามารถสร้างรายได้ให้กับบริษัทได้
ทางด้าน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวว่า วันนี้ได้หารือพูดคุยกันว่าจะมีมาตรการที่เหมาะสมออกมาในเรื่องทีวีดิจิทัล ยืนยันว่าประเทศชาติต้องไม่เสียผลประโยชน์ แต่ทุกอย่างมีหนทางแก้ไขถ้าสังคมพยายามจะเข้าใจว่ารัฐบาลนี้ไม่ได้ไปเอื้อประโยชน์ให้ใคร แต่ถ้าเราไม่ทำอะไรเลยมันจะเสียหายหรือเปล่า ต้องหาทางออกให้ดีที่สุด โดยตอนนี้ยังไม่ออกมาตรา 44 จะมีความชัดเจนเร็วที่สุด ปัญหาที่เกิดขึ้น
“เขาลงทุนของเขา สมัครใจกันมาร่วมประมูล ยกตัวอย่างง่ายว่าเหมือนกับมีเค้กอยู่ก้อนเดียว แต่มีคนกินเค้ก 20-30 คน แล้วจะมีเค้กให้พอกินกันหรือไม่ ในเมื่อแหล่งสปอนเซอร์มีอยู่เท่าเดิม วันนี้มันตกไปทั้งหมด มีเรื่องค่าใช้จ่าย โครงสร้าง การใช้โครงข่ายความถี่ ตกหมด ไม่มีคนจ่าย จ่ายเงินไม่ได้ และอีกหน่อยช่องทีวีก็จะจอดำมืดแล้วจะให้ทำอย่างไร นี่คือเป็นสิ่งที่รัฐบาลเข้ามาแก้ แต่ถ้าไม่แก้ หรือถ้าบอกว่าอันนี้ทำไม่ได้ อันนั้นก็ทำไม่ได้ เราก็เห็นใจภาคธุรกิจ แต่อย่าลืมว่าทุกอย่างมันเป็นไปตามความสมัครใจของเขาตั้งแต่ต้น แต่เมื่อมีปัญหา รัฐบาลก็ต้องหามาตรการที่เหมาะสม ไว้ใจกันหน่อยนะ” นายกฯกล่าว
ส่วนกรณีปัญหาการสรรหา กสทช.ชุดใหม่ที่ สนช.เพิ่งโหวตคว่ำไปนั้น พล.อ.ประยุทธ์ กบ่าวว่า กำลังหารืออยู่ว่าจะมีวิธีการใดที่เหมาะสมเพราะมีความจำเป็นต้องดำเนินการต่อไป จะใช้เวลาคัดสรรถึงอีกเมื่อไหร่และจะต้องมีการประมูลอะไรอีก ใครจะเป็นคนทำ ถ้าเช่นนั้นจะต้องมีมาตรา 44 หรือเปล่า ต้องไปดูกฎหมายต่าง ๆ ของ กสทช.ว่ารัฐบาลต้องแก้ไขอะไรหรือเปล่า เพราะเป็นเรื่องของการสรรหา มีการตีความกันไปกันคนละทางสองทาง ในภาษากฎหมายคำว่า และ กับ หรือ ถ้ามีคุณสมบัติ และ 10 อย่างเมื่อหาได้ไม่ครบตั้งไปแล้วจะมีปัญหาอะไรเกิดขึ้นมา ซึ่งเราได้ปรึกษาฝ่ายกฎหมายแล้ว
ส่วนคลิปเสียงของสมาชิกสนช.บางคนที่อ้างนายกฯไม่แฮ๊ปปี้รายชื่อกสทช. นายกฯข้องใจหรือ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า "ผมไม่ไปใส่ใจ ขายดีมั้ง ชื่อนายกฯก็อ้างกันเยอะตอนนี้ ก็ให้สอบสวนหาอยู่ว่ามาจากไหน และต้องไปหาคนแพร่คลิปด้วย"
จากนั้นในช่วงเย็น ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่คําสั่งหัวหน้า คสช.ที่ 7/2561 เรื่อง การยกเลิกและระงับกระบวนการสรรหาและคัดเลือกบุคคลเพื่อแต่งตั้งเป็นกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ โดยมีสาระสำคัญให้ยกเลิกและระงับกระบวนการสรรหาและคัดเลือกบุคคลเพื่อแต่งตั้งเป็น กสทช. ไว้ก่อน และให้ กสทช.ชุดรักษาการปฏิบัติหน้าที่ตามที่จําเป็นไปพลางก่อนต่อไป จนกว่าจะมีคําสั่งเป็นอย่างอื่น นอกจากนี้ยังให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาแนวทางการแก้ไขปัญหาในส่วนที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการสรรหาและคัดเลือก กสทช.ให้เป็นไปตามเจตนารมณ์ของกฎหมาย โดยคำสั่งให้มีผลทันที.