“แจ็ค หม่า” ย้ำอินเตอร์เน็ตนำปฏิวัติอุตสาหกรรมครั้งใหม่ในเอเชีย เลือกไทยผุดสมาร์ทดิจิทัลฮับ มุ่งเน้นไทยแลนด์ 4.0 ดัน ศก.ดิจิทัล หนุนเอสเอ็มอี-เกษตรกร ยาหอม “รบ.ไทย” เคมีตรงกับ “อาลีบาบา” ลั่นไม่คิดผูกขาดค้าออนไลน์ในไทย “สมคิด”ปลื้ม “แจ็ค หม่า” มาไทยจังหวะดีที่ปีนี้ ศก.จะโตเกิน 4% แน่นอน “พาณิชย์” เล็งขายข้าวไทย-ทุเรียน ผ่านอาลีบาบาเจาะตลาดจีน “อุตตม” เผย “บิ๊กอาลีบาบา” ทุ่ม 1.1 หมื่นล้านลงทุน “อีอีซี”
วานนี้ (19 เม.ย.) ที่ห้องนารี 2 ตึกนารีสโมสร ทำเนียบรัฐบาล นายแจ็ค หม่า (Jack Ma) ผู้ก่อตั้งและประธานกรรมการบริหารกลุ่มบริษัทอาลีบาบา และคณะผู้บริหารได้เดินทางมาถึงทำเนียบรัฐบาล ได้เดินทางมาถึงทำเนียบรัฐบาล โดยมีนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกฯ นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล รมต.สำนักนายกรัฐมนตรี นายอุตตม สาวนายน รมว.อุตสาหกรรม ให้การต้อนรับในโอกาสเยือนประเทศไทย
จากนั้นนายสมคิดได้นำนายแจ็ค หม่า เข้าเยี่ยมคารวะ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ บนตึกไทยคู่ฟ้า ทั้งนี้ทั้งคู่ได้หารือกันราวประมาณ 30 นาที ก่อนที่ นายแจ็ค หม่า จะเดินทางไปยังโรงแรมแบงค็อก แมริออท มาร์คีส์ ควีนปาร์ค เพื่อลงนามบันทึกความเข้าใจ (MOU) ด้าน Smart Digital Hub and Digital Transformation Strategic Partnership ประกอบไปด้วย MOU 4 ฉบับ
พล.อ.ประยุทธ์ เปิดเผยว่า รัฐบาลต้องการให้เกิดความร่วมมือ เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้มีรายได้น้อยและเกษตรกรด้วยเทคโนโลยีซึ่งสอดรับกับนโยบายไทยแลนด์ 4.0 ทางอาลีบาบามองว่าอาเซียนกำลังมีบทบาทนำและประเทศไทยมีศักยภาพ ประกอบกับสถานการณ์โลกวันนี้ ทั้งเรื่องการค้าและเศรษฐกิจพัฒนาไปอย่างรวดเร็ว ด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรม รวมถึงดิจิทัล ถือเป็นสิ่งที่ประเทศไทยจะได้ประโยชน์ อย่าไปคิดว่าเราจะเป็นฝ่ายเสียเปรียบ
นายสมคิด กล่าวในการลงนามบันทึกความเข้าใจระหว่างหน่วยงานภาครัฐของไทยกับบริษัทในเครืออาลีบาบากรุ๊ป เพื่อส่งเสริมการลงทุนในพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) และขับเคลื่อนการพัฒนาเศรษฐกิจดิจิทัลของไทยภายใต้ยุทธศาสตร์ประเทศไทย 4.0 ว่าการเดินทางมาของนายแจ๊ค หม่า ในวันนี้เป็นจังหวะที่เหมาะสมอย่างยิ่ง เพราะเศรษฐกิจไทยกำลังฟื้นตัวอยู่ในช่วงขาขึ้น โดยมั่นใจปีนี้จะขยายตัวได้มากกว่า 4% แน่นอน ประกอบกับไทยยังมีนโยบายยกระดับผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (เอสเอ็มอี) ไทยไปสู่ดิจิทัลให้รวดเร็วที่สุด รวมทั้งการดำเนินนโยบายปฏิรูปภาคการเกษตร เพื่อไม่ให้เกษตรกรไทยย่ำอยู่กับที่
ด้าน นายแจ๊ค หม่า กล่าวว่า จีนกำลังก้าวขึ้นสู่การเป็นตลาดผู้บริโภคที่มีขนาดใหญ่ที่สุดของโลก ด้วยการขยายตัวของกำลังซื้อของคนชั้นกลางที่มีจำนวนมากกว่า 300 ล้านคนในปัจจุบัน ประกอบกับนโยบายเปิดการค้าเสรีของจีน คงไม่มีเวลาที่ดีกว่านี้อีกแล้ว ที่ประเทศต่างๆ จะใช้โอกาสนี้ในการส่งสินค้าไปยังตลาดจีน โดยอาลีบาบายืนยันว่าเราไม่ได้ทำธุรกิจที่มุ่งแสวงหากำไรหรือผูกขาดทางการค้า แต่เราเน้นการสร้างความสามารถให้ธุรกิจและคนรุ่นใหม่ประสบความสำเร็จ
“วันนี้ถือเป็นจุดเริ่มต้นที่เราจะไม่ทำให้คนไทยผิดหวังและภูมิใจที่จะร่วมมือ เราเลือกไทยเพราะเคมีตรงกัน ไทยต่างจากประเทศอื่นและมาเลเซียที่มีทั้งทรัพยากรการเกษตร การท่องเที่ยว และนโยบายจากรัฐที่ส่งเสริม ขณะที่มาเลเซียเองก็ต่างจากไทยที่เป็นจุดนำร่องในเรื่องของเทคโนโลยีอินเตอร์เน็ตไปก่อนแล้ว อย่างไรตามกรณีที่หลายฝ่ายหวั่นเกรงว่าอาลีบาบาอาจจะมาผูกขาดตลาดออนไลน์ในไทยนั้นขอให้ลืมไปได้เลยเพราะไม่ต้องการทำธุรกิจเพื่อแสวงหากำไรแต่เน้นการสร้างความสามารถให้ธุรกิจและคนรุ่นใหม่ประสบความสำเร็จซึ่งก็ใช้นโยบายเช่นนี้ร่วมกับรัฐบาลจีนมาแล้ว” แจ็ค หม่ากล่าว
ขณะเดียวกันไม่ชอบสงครามทางการค้าเพราะเชื่อในการค้าเสรี และจะสามารถเจรจาได้และการค้าจะทำให้แก้ไขปัญหาการเมืองได้ การทำธุรกิจนั้นตลอด 19 ปีมีคนกังขาแต่ไม่ได้สนใจเราเชื่อและคิดว่าโลกในอนาคตจะก้าวสู่ อิเล็กทรอนิกส์ เวร์ลเทรด แพลทฟอร์ม (eWTP) ดังนั้นการทำธุรกิจต้อง Win Win Win คือ ลูกค้า ผู้ผลิตสินค้าเครือข่าย และตัวเองต้องเกิดประโยชน์ร่วมกัน
“ ผมไม่เคยคิดว่าจะคำนึงถึงผลประโยชน์หรือผลกำไร แต่คำนึงถึงคนที่อยุ่ในชนบทห่างไกล คนยากจน และคนหนุ่มคนสาวที่มีแรงทำงานแต่ยังไม่ได้รับโอกาส ซึ่งเอเชียมีคนหนุ่มสาวจำนวนมาก และแอฟริกาก็เช่นกันที่ผมเองก็จะเดินทางไปใน 2 เดือนข้างหน้านี้ “นายแจ็คกล่าว
นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รมว.พาณิชย์ กล่าวว่า ปัจจุบันสินค้าไทยกำลังเป็นที่นิยมอย่างแพร่หลายในจีน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง สินค้าเกษตร และอาหารของไทย เนื่องจากมีชื่อเสียงเรื่องคุณภาพสินค้าที่ดี ซึ่งผู้ประกอบการในกลุ่มแรกที่ได้รับการสนับสนุนให้ขึ้นขายบน Thai Rice Flagship Store ต้องเป็นผู้ประกอบการที่ขายสินค้าข้าว และผลิตภัณฑ์จากข้าว และเป็นสมาชิกเว็บไซต์ Thaitrade.com ตลาดกลางพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ของรัฐบาลไทยที่การันตีคุณภาพและความน่าเชื่อถือของสินค้าสู่ผู้บริโภคชาวจีน โดย Thai Rice Flagship Store บนเว็บไซต์ Tmall.com เป็นความร่วมมือนำร่อง เพื่อผลักดันให้ผู้ประกอบการ/เกษตรกร/ผู้ส่งออกข้าว และผลิตภัณฑ์จากข้าวไทยสามารถเข้าถึงตลาด e-Commerce ในสาธารณรัฐประชาชนจีนได้อย่างเป็นรูปธรรม และอยู่ระหว่างการศึกษาเพื่อส่งเสริมสินค้าเกษตรชนิดอื่นในลำดับต่อไป อาทิ ทุเรียน มังคุด มะม่วง มะพร้าว น้อยหน่า เป็นต้น นับได้ว่าเป็นทิศทางที่ดีของตลาดผลไม้ไทยในการเข้าสู่ช่องทางออนไลน์ของจีน
นายอุตตม เปิดเผยว่า อาลีบาบามีแผนจะลงทุนพัฒนาศูนย์สมาร์ทดิจิทัลฮับในพื้นที่อีอีซี มูลค่าเงินลงทุน 1.1 หมื่นล้านบาท ซึ่งเป็นการใช้เทคโนโลยีของอาลีบาบาในการประมวลข้อมูลด้านโลจิสติกส์ เพื่อทำให้การขนส่งสินค้าระหว่างไทยกับจีน ขนส่งสินค้าข้ามพรมแดนสู่ประเทศเพื่อนบ้าน และไปยังภูมิภาคอื่น ๆ ทั่วโลก มีความรวดเร็วและเกิดประสิทธิภาพสูงสุด นอกจากนี้ ยังจะมีความร่วมมือด้านอื่น ๆ ร่วมกับภาครัฐและเอกชนไทยอีก ไม่ว่าจะเป็นโครงการความร่วมมือด้านการพัฒนาบุคลากรในด้านดิจิทัลและการส่งเสริมธุรกิจผ่านอีคอมเมิร์ซ หรือการท่องเที่ยว เป็นต้น.