xs
xsm
sm
md
lg

อนุสติจากสงครามซีเรียรอบใหม่

เผยแพร่:   โดย: ทับทิม พญาไท


เบาลงไปเยอะแล้ว...สำหรับสถานการณ์ซีเรีย ที่เล่นเอาใครต่อใครแม้แต่ในบ้านเรา ขนหัวลุกกันไปพอสมควร แต่อาจด้วยเหตุที่ผู้นำอเมริกาอย่าง “ทรัมป์บ้า” ยังไม่ถึงกับบ้าในระดับครบถ้วนสมบูรณ์ 100 เปอร์เซ็นต์ ยังออกอาการกล้าๆ-กลัวๆ อย่างเห็นได้โดยชัดเจน หลังจากสาดจรวดนับร้อยๆ ลูกเข้าไปในซีเรีย พอได้ให้เห็นว่ายังมี “ลูกบ้า” ติดปลายนวมอยู่มั่ง แม้จะได้แค่ถล่ม “โรงงานร้าง” ไปไม่กี่แห่ง เด็ดหัวชาวซีเรียไปประมาณ 3 ราย ก็เลิกแล้ว...ไม่เอาแล้ว!!! ส่งผลให้อุณหภูมิความตึงเครียด ลดฮวบฮาบลงมาโดยทันที ความหวั่นวิตกว่า “อุบัติเหตุสงคราม” อาจลุกลามไปเกินกว่าจะควบคุมได้ ก็คลายๆลงไปกว่าครึ่งต่อครึ่ง...

แต่ก็นั่นแหละ...การคลี่คลายตัวลงไปของสถานการณ์ ก็ใช่ว่าจะทำให้ทุกสิ่งทุกอย่างดูดีขึ้นมาก็หาไม่ ตรงกันข้าม...กลับเพิ่มความซับซ้อนพิสดารหนักขึ้นไปใหญ่ ยังมี “คำถาม” อีกหลายคำถาม ที่ยังหาข้อสรุปชัดเจนไม่ได้จนบัดนี้ ไม่ว่า 1. การคงอยู่ของทหารสหรัฐฯ ประมาณ 4,000 นายในพื้นที่ภาคเหนือของซีเรีย อันเป็นพื้นที่ที่เต็มไปด้วยแหล่งทรัพยากรน้ำมันและแก๊สจำนวนถึง 90 เปอร์เซ็นต์ของประเทศซีเรียทั้งหมด รวมทั้งการฝึกและติดอาวุธให้กับกลุ่มทหารบ้านโดยกองทัพสหรัฐฯ จำนวนนับเป็นหมื่นๆ ราย จะเอายังไงกันต่อไป 2. การประกาศว่าคิดจะถอนสหรัฐฯ ออกจากซีเรียของ “ทรัมป์บ้า” เป็นแค่ความพยายาม “ขึ้นค่าตัว” เพื่อที่จะเรียกเงินสนับสนุนประมาณปีละ 4,000 ล้านดอลลาร์จากซาอุดีอาระเบีย ยูเออี ในการช่วยปกป้องและขจัดอิทธิพลอิหร่านในซีเรีย (ตามรายงานข่าวของ “วอชิงตัน โพสต์”) หรือจะเป็นความจริงจัง จริงใจ อยากให้เป็นเช่นนั้นจริงๆ 3. ความต้องการของอิสราเอลที่จะยึดพื้นที่ 1 ใน 3 ของที่ราบสูงโกลัน อันเป็นพื้นที่ดั้งเดิมของประเทศซีเรียอย่างเป็นการถาวร รวมทั้งความต้องการที่จะขจัดอิทธิพลอิหร่านทั้งในซีเรีย ปาเลสไตน์ และเลบานอน จะทำให้การ “จุดชนวนสงครามครั้งใหม่” สามารถอุบัติขึ้นมาได้ทุกเมื่อหรือเปล่า? ฯลฯ ฯลฯ...

อะไรต่อมิอะไรเหล่านี้นี่แหละ...ที่ทำให้ฉากสถานการณ์ในซีเรีย ยังมีความละม้ายคล้ายคลึงกับฉากสมรภูมิ “อารมาเกดโดน” ในพระคัมภีร์ไบเบิล อย่างมิอาจปฏิเสธได้ ด้วยเหตุนี้...การลดความตึงเครียดลงไปชั่วครั้งชั่วคราว ก็คงไม่ได้หมายถึงว่าอะไรมันจะสดใส ซาบซ่าน พอที่จะซื้อหุ้น-ขายหุ้น แบบพลั่กๆๆ กันไปโดยตลอดก็หาไม่ ยิ่งถ้าหากมองโดย “ภาพรวม” ถึง “ความขัดแย้งในระดับยุทธศาสตร์” ระหว่างอเมริกาและกลุ่มพันธมิตรประเภท “สุนัขพูเดิล” ทั้งหลาย ไม่ว่าอังกฤษหรือฝรั่งเศส กับรัสเซียและจีน ที่ย่อมต้องกลายเป็น “อำนาจแข่งขัน” (Rival Power) ของอเมริกาไปโดยตลอด รวมไปถึงพันธมิตรอย่างอิหร่านที่เพิ่มอิทธิพลแผ่ซ่านไปทั่วทั้งตะวันออกกลางยิ่งๆ ขึ้นไป อันเป็นความขัดแย้งที่ยังไงๆ ก็หา “จุดลงตัว” แทบไม่ได้ นอกจากฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดจะพังไปข้าง ซีเรียก็ยังคงถือเป็น “จุดศูนย์กลางแห่งความขัดแย้ง” ที่คงต้องรบกันต่อไปอีกตราบนานเท่านานนั่นแหละทั่น

เพียงแต่การรบ การปะทะ มันอาจเปลี่ยนรูป เปลี่ยนร่าง เปลี่ยนฉาก เปลี่ยนสมรภูมิ ไปตามความเปลี่ยนแปลงของสถานการณ์ไปเป็นระยะๆ และคงไม่ใช่แต่เฉพาะการรบ การปะทะกันในทางการเมือง หรือการทหารเท่านั้น แต่ยังกินความไปถึงการค้า เศรษฐกิจ การเงิน การทอง ที่นับวันจะใส่กันแบบสุดฤทธิ์ สุดหลอดยิ่งขึ้นเรื่อยๆ แถมยังเป็นการรบ การปะทะ ภายใต้สภาวการณ์ที่กฎ ระเบียบในด้านต่างๆ กำลังเสื่อมทรุด เสื่อมโทรม ลงไปเรื่อยๆ ชนิดที่อาจเรียกได้ว่า...หนักซะยิ่งกว่ายุค “สงครามเย็น” เอาเลยก็ว่าได้ เพราะช่วงระยะนั้น บรรดากฎ ระเบียบทั้งหลาย ไม่ว่าในแง่การเมือง การค้า การสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ฯลฯ มันยังไม่ถึงเละเป็นขี้ เละเป็นโจ๊กเท่ายุคนี้ การอาศัยองค์กรกลาง หรือองค์กรระหว่างประเทศ เข้าระงับยับยั้งไม่ให้แต่ละสิ่งแต่ละอย่างมันลุกลามบานปลาย ให้เกิดการหันหน้าเข้าสู่ “โต๊ะเจรจา” ยังพอมีความเป็นไปได้ไม่มากก็น้อยแต่สำหรับยุคนี้นั้น....อย่างที่รัฐมนตรีต่างประเทศรัสเซีย “นายเซอร์เกย์ ลาฟรอฟ” (Sergey Lavrov) ท่านได้พูดเอาไว้เมื่อวันสองวันนี้นั่นแหละว่า...ไม่เพียงแต่ระดับความสัมพันธ์ของอภิมหาอำนาจอย่างรัสเซียและอเมริกา จะตกต่ำลงไปเหลือ “ศูนย์” เท่านั้น แต่ยังเป็นความตกต่ำภายใต้ภาวะที่ระเบียบ กฎหมายระหว่างประเทศ ไร้ความศักดิ์สิทธิ์ยิ่งขึ้นเรื่อยๆ...

พูดง่ายๆ ว่า...โอกาสที่จะเกิดรายการ “ปะ-ฉะ-ดะ” แบบจริงๆ จังๆ มันอยู่ไม่ใกล้-ไม่ไกล และนับวันยิ่งเห็นได้ชัดเจนยิ่งขึ้นเรื่อยๆ ด้วยเหตุนี้...แม้ว่า “สงครามซีเรียครั้งใหม่” มันจะจบลงไปแบบกล้าๆ-กลัวๆ แบบบ้าไม่ถึงขีดสุด แต่ใช่ว่า...นับจากนี้ไป มันจะ “หายบ้า” เอาง่ายๆ ตรงกันข้าม...มันกลับใกล้บ้า หรือบ้า...ก็...บ้าวะ หนักขึ้นเรื่อยๆ การจบลงไปแบบรวบรัดตัดตอนของสงครามซีเรียคราวนี้ จึงอาจถือเป็น “เครื่องเตือนสติ”บรรดาชาวโลกทั้งหลายได้เป็นอย่างดี ว่าอะไรที่ควรเตรียมๆ เอาไว้ เพื่อยังความไม่ประมาทเอาไว้ก่อนล่วงหน้า ไม่ว่าในแง่ของการสำรองพลังงาน การเพิ่มความยืดหยุ่นให้กับระบบการเงิน การทอง การมองเห็นถึงผลกระทบทางการค้า การธุรกิจ การมองหาตลาดใหม่ๆ รวมทั้งการพึ่งตนเอง ฯลฯ ที่ไม่เพียงแต่จะช่วยลดผลกระทบจากความวิปริต ผันผวนของ “ปัจจัยภายนอก” เท่านั้น แต่จะยังช่วยให้เกิด “ความมั่นคงภายใน” ที่เป็นไปอย่างยั่งยืนถาวร ไม่ว่าสถานการณ์โลกมันจะเปลี่ยนแปลงไปในรูปไหน แบบไหน...

แต่ถ้าหากยังเดินหน้าไปในแบบไม่รู้ร้อน-รู้หนาว แถม “ไม่รู้เรื่อง-รู้ราว” อะไรซะอีกด้วย เดินไปตามเส้นทางการเมืองแบบเก่า แบบเลือกตั้งแล้วปฏิวัติ ปฏิวัติแล้วเลือกตั้ง ชนิดต้องหันไปคว้าเอา “นักการเมืองหน้าเดิมๆ” มาเป็นกองหนุนอย่างมิอาจปฏิเสธและหลีกเลี่ยงได้ เดินไปตามเส้นทางเศรษฐกิจแบบเก่าๆ ที่ต้องวิ่งหา “นักลงทุน” ชนิดรองเท้าสึกกันไปเป็นรายๆ โอกาสที่ “แผ่นดินอันงดงาม” จะกลับคืนมา ในขณะที่โลกมันกำลัง “ใกล้ฉิบหาย” ย่อมแทบไม่ต่างอะไรไปจากการแสวงหา “หนวดเต่า” หรือ “เขากระต่าย” อะไรประมาณนั้น นั่นแล...


กำลังโหลดความคิดเห็น