xs
xsm
sm
md
lg

"ลุงตู่"ลุยล้างทุจริตจัดเต็ม เอาจริงหรือแค่ทำขึงขังกู้เรตติ้ง !?

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

**เวลานี้หากสังเกตุให้ดีจะเห็นว่า รัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา กำลังเดินหน้ากวาดล้างการทุจริต โดยเฉพาะการทุจริตที่กำลังเกิดขึ้นในกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) รวมทั้งการทุจริตในกระทรวงศึกษาธิการ ซึ่งถือว่ากำลังดำเนินไปอย่างเข้มข้น และขยายวงการตรวจสอบออกไปเรื่อยๆ
ที่ผ่านมามีการออกคำสั่งให้ นายพุฒิพัฒน์ เลิศเชาวสิทธิ์ ปลัดกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ และนายณรงค์ คงคำ รองปลัดกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ออกจากราชการไว้ก่อน เพื่อรอการสอบสวน หลังจากมีการตรวจพบว่าข้อกล่าวหาเรื่องทุจริต "มีมูล" ขณะเดียวกันในกระทรวงศึกษาธิการ ก็มีคำสั่งเด็ดขาดให้ไล่ออกอดีตข้าราชการสำนักปลัดกระทวงศึกษาธิการระดับชำนาญการพิเศษ ระดับ 8 ที่ดูแลกองทุนเสมาพัฒนาชีวิตไปก่อนหน้านี้ พร้อมทั้งมีการสอบสวนหาข้อเท็จจริงเพิ่มเติมว่า มีใครเกี่ยวข้องในการทุจริตเพิ่มเติมบ้างโดยเฉพาะข้าราชการระดับสูง
ขณะที่ ทางด้านกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เวลานี้กำลังมีการขยายผลสอบสวนการทุจริตในหน่วยงานเพิ่มเติม เช่น นิคมสร้างตนเองและศูนย์พัฒนาราษฎรบนที่สูงในภาคเหนือ และภาคอีสาน รวมทั้งภาคใต้
เอาเป็นว่าสำหรับกระทรวงพัฒนาสังคมฯ นับตั้งแต่มีการตรวจสอบพบว่าเกิดการทุจริตเงินสงเคราะห์ผู้มีรายได้น้อยและผู้ไร้ที่พึ่ง ซึ่งจากการตรวจสอบความคืบหน้าล่าสุดของสำนักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริตภาครัฐ (ปปท.) พบว่า ในปีงบประมาณปี 2560 ที่ใช้งบประมาณไปจำนวน 123,159,000 บาท พบว่ามีการทุจริตคิดเป็นร้อยละ 89 ของงบประมาณ ในจำนวน 56 จังหวัด
**เรียกว่าโกงกันมานาน โกงกันแบบเป็นขบวนการ และที่สำคัญเป็นการโกงที่อำมหิตมาก เพราะเป็นการเบียดบังเงินของคนจนคนด้อยโอกาสที่ต่ำเตี้ยเรี่ยดินที่สุด ในแบบที่ว่าจะใจไม่ทมิฬหินชาติจริงๆ คงทำแบบนี้ไม่ได้แน่
อย่างไรก็ดี หากพิจารณากันด้วยความเป็นธรรม การโกงหรือการทุจริตที่ว่านี้ ไม่ใช่เกิดขึ้นในยุครัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา แต่เกิดขึ้นมานานแล้วดังกล่าว
ขณะเดียวกันเรื่องแบบนี้ก็คงไม่ใช่ความดีความชอบแน่นอน และที่สำคัญ"เรื่องที่แดง"ขึ้นมา มันก็ไม่ใช่เป็นการกระบวนการตรวจสอบทุจริตภายในของรัฐบาล แต่เกิดจากมีนักศึกษาหญิงฝึกงานคนหนึ่งที่ไปเห็นภาพอัน "น่าสะอิดสะเอียน" ที่ว่าแล้วนำไปสู่การเปิดโปง ทั้งที่เสี่ยงต่อการถูกคุกคามเอาชีวิตและยังถูกอาจารย์บางคนในสถานศึกษาของตนเองข่มขู่ต่างๆ นานา แต่ในที่สุดเมื่อกลายเป็นกระแสดังจนฉุดไม่อยู่ มันก็จำเป็นต้องเปิดไฟเขียวกันเต็มที่ เพราะหากขืนไปขวาง มันก็พังกันทั้งหมดนั่นแหละ ภาพจึงออกมาแบบนั้น
อย่างไรก็ดี นาทีนี้เมื่อสถานการณ์ได้เปลี่ยนไป เป็นตรงกันข้าม ขวางไม่อยู่ก็ต้องเลยตามเลย ที่สำคัญมันเหมือนกับว่า รัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา กำลัง"พลิกเกม" นั่นคือกำลังเดินหน้ากวาดล้างการทุจริต เพื่อกู้คืนเรตติ้งให้กลับมาอีกครั้ง เพราะต้องยอมรับว่า หลังจากที่เจอกับมรสุม "แหวนแม่-นาฬิกาเพื่อน" ของ "พี่ใหญ่" พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม หรือแม้แต่กระทั้งการต่ออายุประธานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.) ก็เล่นเอาซวนเซ ทำภาพลักษณ์ ในเรื่องการปราบปรามทุจริตกลับเป็น "ติดลบ" กลายเป็นพูดอย่างทำอย่าง หรือ "เลือกปฏิบัติ"ไปเสียอีก ส่งผลให้กระแสวูบลงไปถนัดใจ
**ดังนั้น การเดินหน้าลุยล้างทุจริตทั้งในกระทรวงศึกษาธิการ และกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เวลานี้ อีกทางหนึ่งเป็นฉวยโอกาสกู้เรตติ้งหรือเปล่า อีกทั้งเมื่อพิจารณากันให้ละเอียด มันก็อดไม่ได้ที่จะตั้งข้อสังเกตุว่าทั้งสองหน่วยงานที่สั่งลุยนั้น มันไม่ใช่พวกตัวเอง อัดได้แบบไม่ต้องเกรงใจหรือไม่ เพราะถึงอย่างไรมันก็คงไม่พัวพันมาถึงคนกันเองแน่นอน มิหนำซ้ำยังได้เครดิตเพิ่มมาอีกต่างหาก
อย่างไรก็ดี เมื่อลองหันมาพิจารณากรณี"พี่ใหญ่" เรื่อง"นาฬิกาเพื่อน" ที่แม้ว่ายังไม่อาจสรุปเรื่องการทุจริต แต่รับรองว่ามันต้องเกี่ยวข้องกับเรื่อง"มาตรฐานทางจริยธรรม" ของคนที่ดำรงตำแหน่งทางการเมืองที่ต้องสูงกว่ามาตรการทางกฎหมาย แต่เรื่องนี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา กลับไม่ยอมเปิดไฟเขียว ตรงกันข้ามกลับขวางสุดตัว หรือแม้แต่กรณีล่าสุดที่เกี่ยวกับเรื่อง"หมู่บ้านป่าแหว่ง" ที่ป่าเชิงดอยสุเทพ ที่ก่อสร้างเป็นบ้านพักและอาคารสำนักงานตุลาการศาลอุทธรณ์ภาค 5 จังหวัดเชียงใหม่ เขาก็ไม่ยอมไฟเขียวให้มีการสอบสวนหา "ไอ้โม่ง" ที่เล่นแร่แปรธาตุ เสกป่าเขียวขจีให้กลายเป็นป่าเสื่อมโทรม เรื่องแบบนี้แหละที่ชาวบ้านยังสงสัยและอยากให้มีการตรวจสอบ แต่กลับทำเฉย เบี่ยงเบนไปอีกทางหน้าตาเฉย หรือเพราะกลัวว่ามันจะ "โดนคนกันเอง"ไปอีกหรือเปล่า
**ดังนั้น นาทีนี้แม้จะมีการสอบสวนขุดคุ้ยทุจริตในกระทรวงพัฒนาสังคมฯและกระทรวงศึกษาธิการ จะเดินหน้าเต็มกำลังถือว่าน่าชื่นชม แต่ถ้าให้ดีกว่านี้น่าจะลุยกันทุกหน่วยงาน อย่าให้เกิดเสียงนินทาตามหลังว่า ทั้งสองหน่วยงานแรกสั่งลุยได้เต็มที่ แถมยังได้แต้มติดมือมาอีกต่างหาก แต่เรื่องฉาวอื่นๆ ที่กล่าวมามันอาจจะ"โดนคนกันเอง" หรือเปล่า ถึงต้องเบรกเอาไว้ !!


กำลังโหลดความคิดเห็น