xs
xsm
sm
md
lg

"สมคิด"สั่งรับมือสงครามการค้า พณ.แก้เกมดันส่งออกทั้งจีน-สหรัฐฯ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ผู้จัดการรายวัน360-"สมคิด"เรียกประชุมคีย์แมนด้านเศรษฐกิจถกรับมือสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับจีน ป้องกันผลกระทบที่อาจจะเกิดขึ้นกับไทย "สนธิรัตน์"ยันมีมาตรการทั้งเชิงรุกและเชิงรับ ส่งปลัดพาณิชย์บินถกสหรัฐฯ ขอเว้นการขึ้นภาษีเหล็กและอะลูมิเนียมกับไทย พร้อมให้ศึกษาชิงส่วนแบ่งตลาดมูลค่า 1,400 ล้านเหรียญสหรัฐ จากการที่สหรัฐฯ และจีนตั้งกำแพงภาษีใส่กัน คาดหลายสินค้ามีโอกาสสูง ส่วนสินค้าที่เป็นวัตถุดิบให้จีน เล็งดันส่งออกไปสหรัฐฯ แทน

นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า วานนี้ (9 เม.ย.) ได้เรียกรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องด้านเศรษฐกิจ มาหารือเพื่อประเมินและติดตามสถานการณ์ด้านเศรษฐกิจที่อาจจะได้รับผลกระทบจากสงครามการค้า ระหว่างจีนกับสหรัฐฯ โดยได้มอบหมายให้กระทรวงพาณิชย์ไปศึกษาผลดี ผลเสีย ต่อการค้าไทย และจัดทำแผนรับมือ แม้ว่าผลกระทบจะยังไม่ชัดเจน แต่ก็ต้องดำเนินการเพื่อความไม่ประมาท เพราะยังไม่รู้ว่าสงครามการค้าในครั้งนี้ จะยื้อเยื้อเพียงใด

"เราไม่รู้ว่าเทรดวอร์ จะเป็นยังไงต่อ แต่ก็ต้องไม่ประมาท ขอให้ไปดูว่าสินค้าสำคัญของไทยใดที่จะถูกกระทบในทางลบ และจะหาทางออกไปทางใดได้บ้าง เพื่อเตรียมความพร้อม"

อย่างไรก็ตาม ยืนยันว่า เศรษฐกิจของไทยยังดี แต่บางส่วนอาจจะได้รับผลกระทบทางอ้อม เช่น ตลาดหลักทรัพย์ ที่นักลงทุนอาจตกใจและส่งผลให้ตลาดหุ้นปรับตัวลดลงเมื่อสัปดาห์ก่อน ซึ่งได้กำชับให้ กลต. ชี้แจงต่อกรณีที่เกิดขึ้น เพราะไทยไม่ได้รับผลกระทบโดยตรง ซึ่งต้องสร้างความมั่นใจให้เกิดขึ้น

สำหรับหน่วยงานด้านเศรษฐกิจที่เข้าร่วมประชุม ได้แก่ นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รมว.คลัง นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รมว.พาณิชย์ นายวิรไท สันติประภพ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) และนายรพี สุจริตกุล เลขาธิการคณะกรรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (กลต.) และนายชัยวัฒน์ วิบูลย์สวัสดิ์ ประธานกรรมการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย

นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รมว.พาณิชย์ กล่าวว่า กระทรวงพาณิชย์ได้เตรียมแผนเชิงรุกและตั้งรับกรณีสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน โดยเชิงรุก นางนันทวัลย์ ศกุนตนาค ปลัดกระทรวงพาณิชย์ และคณะประกอบด้วยหน่วยงานภาครัฐหลายกระทรวง เช่น กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้เดินทางไปสหรัฐฯ เพื่อร่วมประชุมคณะมนตรีภายใต้กรอบการค้าและการลงทุน (TIFA) ไทย-สหรัฐฯ ซึ่งจะมีประเด็นในการหารือ โดยเฉพาะการขอยกเว้นกฎหมาย Trade Expansion Act of 1962 มาตรา 232 ที่สหรัฐฯ เก็บภาษีเหล็กและอะลูมิเนียมจากทั่วโลกในอัตรา 25% และ 10% ตามลำดับ ซึ่งจะขอให้ยกเว้นการใช้มาตรการกับไทย

สำหรับการตั้งรับ ได้มีการศึกษาผลกระทบจากการใช้มาตรการของสหรัฐฯ รวมทั้งศึกษามาตรการที่จีนดำเนินการกับสหรัฐฯ โดยพบว่ามีทั้งผลกระทบและผลบวก และมีโอกาสที่ไทยจะใช้ช่องว่างส่งออกสินค้าไปขายทั้งสหรัฐฯ และจีน จากการใช้มาตรการทางภาษีของทั้ง 2 ประเทศ ที่มีมูลค่าการค้ารวมประมาณ 1,400 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยให้มีการศึกษาเป็นรายสินค้าว่าสินค้าไทยจะทดแทนเข้าสู่ตลาดทั้ง 2 ประเทศได้อย่างไร และวิธีการไหน

ทั้งนี้ สินค้าที่ไทยมีโอกาสส่งออกไปจีนแทนสหรัฐฯ เช่น ผลไม้สดและแปรรูป ซึ่งจะมีการเจาะตลาดทั้งเมืองหลักและเมืองรองของจีน และเนื้อหมู จะมีการเจรจากับจีนในเรื่องกฎระเบียบการนำเข้า เพื่อผลักดันเนื้อหมูไทยเข้าตลาดจีนทดแทนเนื้อหมูจากสหรัฐฯ ต่อไป

ส่วนสินค้าสินค้าเหล็กและอะลูมิเนียมของไทยที่ถูกสหรัฐฯ เก็บภาษี พบว่า ไทยส่งออกสินค้าดังกล่าวไปสหรัฐฯ ประมาณ 300 ล้านเหรียญสหรัฐ แต่หากพิจารณาข้อมูลเชิงลึก ในการส่งออกสินค้าเหล็กและอะลูมิเนียม เป็นการส่งออกสินค้าท่อเหล็กเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งสินค้าดังกล่าวไทยมีศักยภาพ จึงได้สั่งการให้ทำแผนที่จะรักษาขีดความสามารถของการส่งออกท่อเหล็กไทยไปยังสหรัฐฯ แล้ว

ขณะที่สินค้าที่เป็นห่วงโซ่การผลิตที่ไทยส่งออกไปจีนเพื่อผลิตเป็นสินค้าสำเร็จรูปส่งออกไปสหรัฐฯ และได้รับผลกระทบจากการที่สหรัฐฯ เก็บภาษีนำเข้าตามมาตรา 301 กฎหมายทรัพย์สินทางปัญญาของสหรัฐฯ โดยกล่าวหาว่าจีนไม่มีการปกป้องทรัพย์สินทางปัญญานั้น ประเมินว่ามีประมาณ 50 รายการที่ไทยจะได้รับผลกระทบ มูลค่าประมาณ 19 ล้านเหรียญสหรัฐ เช่น คอมพิวเตอร์ ส่วนประกอบโทรศัพท์มือถือ ฮาร์ทดิสก์ ซึ่งไทยจะทำการส่งออกสินค้าห่วงโซ่การผลิตให้กับสหรัฐฯ ทดแทนตลาดจีนต่อไป

นายสนธิรัตน์กล่าวว่า ประเด็นที่หลายฝ่ายกังวลว่าเมื่อสหรัฐฯ และจีนตั้งกำแพงภาษีระหว่างกัน และสินค้าส่วนเกินจะถูกดัมพ์ราคาส่งออกไปยังประเทศทั่วโลก รวมทั้งไทยนั้น ได้สั่งการให้เตรียมมาตรการในการปกป้องสินค้าจากทั้ง 2 ประเทศที่จะทะลักเข้าไทยแล้ว มีมาตรการตอบโต้การทุ่มตลาด (เอดี) ที่สามารถใช้ได้ และยังได้ให้ศึกษาการเตรียมความพร้อมกรณีที่สหรัฐฯ มีการใช้มาตรการเข้มงวดและกดดันไทย ซึ่งไทยก็จะตอบโต้ด้วยการนำเข้าสู่การพิจารณาขององค์การการค้าโลก (WTO) ส่วนภาพรวมการส่งออกปีนี้ ยังคงยืนยันเป้าหมายเดิมที่ 8%

น.ส.พิมพ์ชนก วอนขอพร ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า กล่าวว่า สิ่งที่กังวลของสงครามการค้าสหรัฐฯ คือ ความผันผวนของค่าเงินและเศรษฐกิจโลกเกิดความไม่มีเสถียรภาพจนกระทบต่อการส่งออกไทย


กำลังโหลดความคิดเห็น