ภารกิจของคณะกรรมการปฏิรูปประเทศด้านกระบวนการยุติธรรม (ตำรวจ)กำลังจะจบลงแล้ว และเป็นไปตามที่มีการคาดหมายไว้แต่ต้นว่า จะไม่มีการปฏิรูปใดเกิดขึ้นในวงการตำรวจ แม้มีเสียงเรียกร้องจากประชาชนทั่วประเทศก็ตาม
แผนการปฏิรูปตำรวจ ล้มเหลวมาตั้งแต่การแต่งตั้งคณะกรรมการปฏิรูปตำรวจจำนวน 36 คน เพราะคัดเลือกตัวแทนตำรวจร่วมเป็นกรรมการถึง 15 คน
ทำไมต้องแต่งตั้งตำรวจเข้ามาเป็นกรรมการถึง 15 คน เพราะเมื่อต้องการปฏิรูปตำรวจ ก็ไม่ควรแต่งตั้งตำรวจเข้ามาร่วมในคณะกรรมการฯ เกือบครึ่ง
ประเด็นสำคัญที่สังคมต้องการเห็นการเปลี่ยนแปลงในการปฏิรูปตำรวจคือ การแยกงานสอบสวนจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และการแก้ปัญหาการรีดไถ รับส่วย
ส่วนตำรวจแสดงท่าทีต่อต้านการปฏิรูปมาแต่แรก และพยายามเบี่ยงประเด็นการปฏิรูป โดยเรียกร้องให้ปรับขึ้นเงินเดือน อ้างว่า เงินเดือนตำรวจไม่พอกิน จึงต้องรีดไถ รับส่วย
คณะกรรมการปฏิรูปตำรวจชุดนี้ ถ้าไม่มีตำรวจเข้าไปนั่งเกือบครึ่ง คงทำงานกันอย่างคล่องตัว ไม่ต้องรับแรงกดดันจากกรรมการฝ่ายตำรวจ
แต่เพราะมีกรรมการฝ่ายตำรวจมากเกินความจำเป็น และเพราะกรรมการฝ่ายตำรวจเกาะกลุ่มกันอย่างเป็นเอกภาพ พร้อมแสดงพลังต่อต้านการปฏิรูปที่ทำให้ตำรวจสูญเสียผลประโยชน์ แผนการปฏิรูปตำรวจจึงไม่มีความคืบหน้า
ความเกรงใจหรือความกลัวการเผชิญหน้ากับกรรมการฝ่ายตำรวจ 15 คน ทำให้กรรมการปฏิรูปตำรวจไม่กล้าผลักดันแนวทางการปฏิรูปตามที่ประชาชนต้องการ แม้แต่พล.อ.บุญสร้าง เนียมประดิษฐ์ ประธานคณะกรรมการปฏิรูปฯ ยังไม่กล้าชนกับตำรวจ
ความหวังการปฏิรูปตำรวจดับวูบลงไปแล้ว เพราะคงไม่เกิดขึ้นแน่ ในรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ซึ่งไม่มีใครให้คำตอบได้ว่า ทำไมพล.อ.ประยุทธ์จึงหงอกับตำรวจ
ประชาชนจะไม่ได้อะไรจากรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ ไม่ได้อะไรจากคณะกรรมการปฏิรูปฯ แต่ตำรวจอาจได้รับปูนบำเหน็จ โดยข้อเสนอขอปรับขึ้นเงินเดือน คณะกรรมการปฏิรูปฯ สนองตอบไปแล้ว และจะเสนอให้พล.อ.ประยุทธ์พิจารณาเห็นชอบต่อไป
ข้ออ้างอาชีพตำรวจมีความเสี่ยงมากกว่าข้าราชการพลเรือนทั่วไปหลายเท่าตัว จึงควรได้รับเงินเพิ่มในระดับชั้นประทวนเป็นเงิน 4,300-5,000 บาท และในระดับสัญญาบัตร 18,500-21,500 บาทต่อเดือน
ถ้าการขอเพิ่มรายได้มีผลในทางปฏิบัติ จะทำให้ตำรวจสายงานป้องกันและปราบปรามตำแหน่ง ผบ.หมู่ที่จบจากโรงเรียนนายสิบ มีเงินเดือนแรกบรรจุ 9,330 บาท บวกเงินช่วยค่าครองชีพชั่วคราว 2,000 บาท และเงินเพิ่มสำหรับตำแหน่งอีก 4,300-5,000 บาท รวมจะมีรายได้ 15,630-21,330 บาทต่อเดือน
ส่วนตำแหน่งรองสารวัตรที่จบจากโรงเรียนนายร้อยตำรวจ จะได้รับเงินเดือนแรกบรรจุ 15,290 บาท บวกเงินเพิ่มตำแหน่งอีก 18,500-21,500 บาท จะทำให้มีรายได้เดือนละ 33,790-36,790 บาท
นอกจากนั้นจะปรับ “ค่าทำสำนวน” เพิ่มขึ้นอีก 100% จากคดีละ 500 บาท เป็นคดีละ1,000 บาท และคดีที่มีโทษสูง จะปรับค่าสำนวนจากคดีละไม่เกิน 1,000 บาท เป็นคดีละไม่เกิน 2,000 บาทหรือ 3,000 บาท
ไม่มีหลักประกันว่า เมื่อตำรวจมีรายได้มากพอแล้ว การทุจริต รีดไถ รับส่วย และประพฤติมิชอบจะหมดไปหรือไม่ หรือว่าตำรวจยังก้มหน้าก้มตาสวมเครื่องแบบหากินต่อไป
การปฏิรูปตำรวจกำลังจบลงด้วยความพ่ายแพ้ของประชาชนทั้งประเทศ โดยตำรวจจะเป็นผู้ชนะ เพราะข้อเสนอการปรับค่าตอบแทนและสวัสดิการได้รับการตอบสนอง แต่เสียงเรียกร้องการปราบปรามการทุจริต พฤติกรรมการรีดไถ รับส่วยของตำรวจถูกเพิกเฉย
ความล้มเหลวในการปฏิรูปตำรวจ เป็นอีกหนึ่งในผลงานที่ทำให้ประชาชนต่อต้านการสืบทอดอำนาจของพล.อ.ประยุทธ์
เพราะไม่รู้ว่าจะสนับสนุนให้พล.อ.ประยุทธ์อยู่ต่อไปเพื่ออะไร อยู่แล้วไม่แก้ปัญหาตำรวจ จะอยู่ทำให้ประเทศเสียเวลาไปทำไม