xs
xsm
sm
md
lg

ข่าวปนคน คนปนข่าว

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ข่าวปนคน คนปนข่าว

** โศกนาฏกรรมสังหารหมู่ไอ้ตูบ!! งานถนัด“ข้าราชการไทย”ปล่อยปัญหาจนวิกฤต เปิดช่องของบฯเพิ่ม “หมอจุฬาฯ”ปูด“ขบวนการโกงตัวเลข”การทำหมันและฉีดวัคซีนสุนัขจรจัด เบิกงบประมาณเต็ม แต่ขัดแย้งความเป็นจริง หมาจรจัดเกลื่อน-พิษสุนัขบ้าบานปลายแทบทุกปี

สมเป็นข้าราชการไทย .. ปัญหามีไว้ให้แก้ แต่รอแก้กันที่“ปลายเหตุ”ก็ดราม่าสนั่นโลกโซเซียล ปฏิบัติการ "เซตซีโร" กวาดล้างสุนัขจรจัด ของทาง“กรมปศุสัตว์”กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ .. ที่ปูพรมวางยาเบื่อ“หมาจรจัด”จนเกิดภาพอเนจอนาถ บางที่ฆ่าทิ้งศพเกลื่อนวัด เพื่อกู้วิกฤต“โรคพิษสุนัขบ้า”ที่กำลังระบาดหนักในหลายพื้นที่ .. คราวซวยก็เลยมาเยือน“ไอ้ตูบ –เจ้าเหมียว”และทำให้เกิดการถกเถียง “เห็นด้วย–ไม่เห็นด้วย” ลั่นทุ่งออนไลน์ บางกระแสก็ว่าช่วยไม่ได้ หรือหลายกระแสก็มองว่า ไม่ใช่ทางออก .. “โศกนาฏกรรมสังหารหมู่”แบบนี้ มีให้เห็นบ่อยๆ แทบกลายเป็นมาตรการวนลูปที่จวนตัวก็ถูกงัดขึ้นมาใช้ตลอด .. กลายเป็นช่องในการของบประมาณเพิ่มเติม อย่างล่าสุดก็เพิ่งได้รับงบประมาณมา 360 ล้านบาทเพื่อนำเข้าวัคซีน .. ทำให้อดสงสัยไม่ได้ว่า ทั้งปีเจ้าหน้าที่ไปทำอะไรกันอยู่ หรือราชการไทยไม่รู้จักคำว่า “แก้ปัญหาต้นเหตุ”หรือ “เฝ้าระวัง- ป้องกัน”บ้างหรือ ..
ที่มันน่าตกใจก็ข้อสังเกตของ ศ.นพ.ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา หัวหน้าศูนย์วิทยาศาสตร์สุขภาพโรคอุบัติใหม่ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ที่ระบุว่า ที่ผ่านมาภาครัฐบอกว่า ฉีดวัคซีนพิษสุนัขบ้าและทำหมันในสุนัขจรจัดได้ตามเป้าตลอด 70-80% ซึ่งขัดแย้งกับความเป็นจริงที่เกิดขึ้น .. “หมอธีระวัฒน์”ถามต่อด้วยว่า ตัวเลข 70-80% มาจากไหน ด้วยประชากรสุนัขจรจัดที่มีราว 10 ล้านตัว หากดำเนินการได้ตามที่ราชการสรุปจริง จำนวนสุนัขจรจัดไม่น่าจะเพิ่มขึ้น .. ที่สำคัญคงไม่มีการพบโรคพิษสุนัขบ้าเพิ่มขึ้น จนบางพื้นที่การตรวจหัวสุนัขแล้วพบไวรัสพิษสุนัขบ้าเพิ่มถึง 50% .. ตลอดจนประเด็นคุณภาพ และความเพียงพอของ“วัคซีนในสัตว์”ที่ไม่สอดคล้องกับความเป็นจริงอีกด้วย .. จน “หมอธีระวัฒน์”ต้องตั้งคำถามดังๆ ว่า มี “ขบวนการโกงตัวเลข”การทำหมันและฉีดวัคซีนเพื่อ“หักเหงบประมาณ”หรือไม่ .. อันนี้คงต้องถาม นายสัตวแพทย์อภัย สุทธิสังข์ อธิบดีกรมปศุสัตว์ ผู้เห็นดีเห็นงามกับ “ภาษีหมา-แมว”ล่ะมั้ง.

**ข้อหาหมั่นไส้!! “ประยุทธ์”เซ็น ม.44 เด้ง “สมชัย”พ้น กกต.ก่อนเพื่อน โทษฐานพูดจาออฟไซด์เป็น “หอกข้างแคร่”ส่วนเรื่องมีส่วนได้เสียสมัครเลขาฯกกต. แค่เรื่องรอง จากกันไม่ดีแบบนี้ “อดีต กกต.สมชัย”ที่ไร้หัวโขน อาจพลิกบทบาท ยืนฟาด“ขุนทหาร”หนักกว่าเดิม

โดนจนได้ .. “กกต.เด็กดื้อ”สมชัย ศรีสุทธิยากร เจอ “เซตซีโร”ก่อนเพื่อน เมื่อมีคำสั่ง มาตรา 44 สั่งให้ยุติการปฏิบัติหน้าที่ เหลือทิ้งไว้ก็แต่ตำแหน่ง “อดีต กกต.”ห้อยท้ายชื่อสกุล .. เหตุผลก็มาจากวีรกรรม “ปากตะไกร”ที่พูดจาออฟไซด์บ่อยครั้ง ตามเหตุผลช่วงต้นของคำสั่ง .. อีกทั้งยังเป็นคนเปิดประเด็นการลงคะแนนเลือกบุคคลที่จะเป็น กกต. ของศาลฎีกาไม่เป็นไปตามกฎหมาย จนเป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำให้ต้อง“ล้มกระดาน”ไป .. ขณะที่ “ฟางเส้นสุดท้าย”คงเป็นเรื่องที่ออกมาให้สัมภาษณ์ว่า“ผู้มีอำนาจ”คิดจะเลื่อนโรดแมปอีกระลอก .. ส่วนเรื่องที่ว่ามีส่วนได้เสีย ฐานไปกรอกใบสมัครเลขาธิการ กกต. ทั้งที่ยังนั่งเป็น กกต.อยู่นั้น ก็เป็นแค่“เหตุผลรอง”ที่ใส่ไว้ เพื่อให้คำสั่งดูมีน้ำหนักขึ้นเท่านั้น .. เพราะไม่ว่าจะมี หรือไม่มีส่วนได้เสียอย่างไร “สมชัย”ก็แทบปิดประตูตายกับโอกาสที่จะได้เป็น“แม่บ้าน กกต.”อยู่แล้ว ..
หากสรุปเนื้อหา ม. 44 ที่ยิงลูกโดดใส่ “สมชัย”งวดนี้ ในภาษาวัยรุ่น คงประมาณ“ข้อหาหมั่นไส้”นั่นเอง .. ด้านเจ้าตัวก็ยังดูไม่หายซ่า พอประกาศออก ก็ยักไหล่โพสต์เฟซบุ๊คเย้ยประมณว่า “รู้สึกเป็นเกียรติ ที่ได้เปิดหน้า คสช.” .. น่าสนใจบทบาทต่อไปของ “สมชัย” จากที่มีตำแหน่งแห่งที่ พูดจาไม่ดูทิศทางลมเป็นเหมือน “หอกข้างแคร่”อยู่ .. พลันที่พ้นออกไป แบบจากกันไม่ค่อยดี ไม่แน่อาจจะถือโอกาสตั้งตัวเป็น “ฝ่ายตรงข้าม คสช.”แบบเต็มตัว .. และอาจทำให้ “ขุนทหาร”เหนื่อยหนักกว่าเดิม ด้วยในช่วงมีตำแหน่ง “สมชัย”ก็คงรู้ “เบื้องลึก-เบื้องหลัง”มาพอสมควร .. ที่สำคัญ ก็คงเก็บความแค้นครั้งนี้ไว้ชำระ หากว่า “นายกฯตู่”ริจะอยู่สืบทอดอำนาจต่อ อย่างที่คาดกันจริงๆ ด้วยข้อหา“มีส่วนได้เสีย”ที่ใช้ปลด“สมชัย” งวดนี้ ก็เพียงพอที่จะตามหลอน“ประยุทธ์”ในอนาคตอันใกล้ .. หากว่ามีชื่อไปปรากฏอยู่ในรายชื่อเสนอนายกฯ ตอนเลือกตั้ง แต่ยังนั่งในตำแหน่งนายกฯหรือกระทั่งหัวหน้าคสช.อยู่ .. คิดแล้วก็มันพะย่ะค่ะ.

** ล้วงลูกตั้งแต่ในมุ้ง!! “กสม.”ชิ่งส่งตัวแทนร่วมสรรหา กกต.งวดใหม่ เหตุ“น้องชายขาใหญ่ คสช.”แห่ง “ฟาร์มโชคชัย”ยัดชื่อ“อดีตผู้ว่าฯ ธ.” ทั้งที่ กรรมการสิทธิฯไม่เคยรู้จักมาก่อน เห็นท่าไม่ดี เลือกทิ้งทุ่นดีกว่าถูกเอาไปเป็นตราปั๊มกระบวนการสรรหาที่ไม่ชอบมาพากลตั้งแต่รอบก่อน

ท่าจะวุ่นอีกแล้ว .. การสรรหาคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) รอบใหม่ หลังมี“ใบสั่ง”ให้ “ล้มกระดาน”ไปงวดก่อนแบบงงๆ .. ทั้งปม “สเปกเทพ”ที่ใช้เป็น “ข้ออ้าง”ให้ “สนช.ฝักถั่ว”โหวตคว่ำ 7 ว่าที่ กกต. ที่ค้ำคออยู่ .. ก็ยังมีกลิ่นอายความไม่ราบรื่น หลังคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) แจ้งไปยังคณะกรรมการสรรหาฯ ว่า ไม่ขอเสนอชื่อตัวแทนร่วมเป็นกรรมการสรรหาฯ .. เรื่องนี้ "พรเพชร วิชิตชลชัย "ประธาน สนช. ในฐานะ 1 ในกรรมการสรรหาฯ ทึกทักเป็น“คุณพ่อรู้ดี”เอาเองว่า กสม.หาตัวบุคคลไม่ได้ ทั้งที่ในหนังสือทางการที่ "วัส ติงสมิตร" ประธาน กสม. แทงเรื่องมา ก็ไม่ได้ระบุเหตุผลชัดเจนแต่ประการใด .. หลายคนมองผิวเผินว่า กสม.ชุดนี้ ออกลูกงอน “ประท้วง”ที่ถูกคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) และ สนช. องคาพยพของ คสช. “เซตซีโร”ผ่านกฎหมายลูกที่กำลังตีความกันอยู่ .. หรือบางทีอาจจะ “ขยาด”กระบวนการสรรหารอบก่อน จนไม่อยากมามีส่วนรวม หรือไม่อยากเป็น“ตราปั๊ม”ประทับรับรองกระบวนการที่ไม่ชอบมาพากล .. ด้วยรู้ดีว่าอย่างไรเสียก็ต้องคัดบุคคลให้ตรงตาม“ใบสั่ง”เหมือนหนก่อนอีก ..
แต่เบื้องลึกที่ ที่ประชุม กสม. มีมติเป็นเอกฉันท์ไม่เสนอชื่อตัวแทนฯร่วมวงไพบูลย์ด้วย ก็เพราะการเฟ้นหาบุคคลที่มีคุณสมบัติ“ขั้นเทพ”ยากอยู่ แล้วบางคนที่ตรงสเปก ก็เซย์โน ด้วยตั้งใจแต่งตัวลงสมัครเป็น กกต. มากกว่า .. ทั้งที่ กรรมการกสม.ไม่สามารถหาคนที่เหมาะสมได้ แต่ก็เกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝัน เมื่อมีชื่อ“อดีตผู้ว่าฯ ธ.”เพียงคนเดียว ลอยละลิ่วมาจากไหนไม่รู้ เข้าสู่ที่ประชุม กสม.แบบที่กรรมการแต่ละคนมองหน้ากันเลิ่กลั่ก บ่นงึมงำในลำคอว่า “ใครวะ??” ..และแม้ว่า “อดีตผู้ว่าฯ ธ.”จะคุณสมบัติครบถ้วน ทั้งไม่เคยทำงานกับ กสม. มาก่อน และยังเป็นผู้ว่าฯติดต่อกัน 5 ปี ตั้งแต่ปี 2552-2557 .. ทว่ากลับมี “ตำหนิ”เบ้อเริ่ม เมื่อไล่เรียงแล้ว“อดีตผู้ว่าฯ ธ.”ที่ตอนแรกก็นึกกันว่า“บิ๊กคลองหลอด”ส่งมา ที่ไหนได้ ดันเป็นเด็กในคาถาของ“น้องชายขาใหญ่ คสช.”แห่ง “ฟาร์มโชคชัย”ที่ผลักดัน“อดีตผู้ว่าฯ ธ.”เข้ามา .. จู่ๆ มายัดเยียดชนิด“ล้วงลูกกันในมุ้ง”ทั้งที่ไม่มีกรรมการสิทธิฯ คนไหนรู้จักมักจี่มาก่อน ครั้นจะมอบสิทธิให้เป็นกรรมการสรรหา กกต. ในโควตาของ กสม. ก็กระไรอยู่ .. เจอแบบนี้เข้าก็เลยของดใช้สิทธิ สิ้นเรื่องสิ้นราวไปเลยดีกว่า เกิดแหกโค้งขึ้นมาอีกจะได้ไม่เจ็บตัวไปด้วย

** ของขวัญให้ตัวเอง !! เบิร์ธเดย์ “นายกฯลุงตู่”ครบ 64 ปี ขอของขวัญครม.ช่วยกันปราบโกง ทั้งที่เป็น“หัวหน้าคณะรัฐประหาร”มีอำนาจล้นมือ แต่ไม่ทำอะไรจนคนโห่เกรียว จับตา “บิ๊กป๊อก”ได้ไฟเขียวงบฯไทยนิยม 3 หมื่นล้าน หว่าน 8.2 หมื่นหมู่บ้าน หมู่บ้านละ 2 แสนบาท น่าเป็นห่วงตกหล่นซ้ำรอยงบฯ ผู้ยากไร้ของ พม. หรือไม่
ขอให้โชคดีสุขขีวันเกิด .. ถือโอกาส เบิร์ธเดย์วันคล้ายวันเกิด “นายกฯลุงตู่”พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ที่อายุครบรอบ 64 ปี ในวันนี้ (21 มี.ค.) .. เห็นว่า ก่อนการประชุมครม.เมื่อวาน “พี่ป้อม”พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และ รมว.กลาโหม เป็นผู้แทนของครม. นำอวยพร “น้องตู่”ขอให้สุขภาพแข็งแรงด้วย .. ส่วนตัว “นายกฯตู่”บอกไม่ขออะไรมาก ของขวัญที่อยากได้ คือ ขอให้ช่วยกันตรวจสอบระบบราชการให้ดำเนินการด้วยความสุจริต โปร่งใส ปราศจากการทุจริต ส่วนการทุจริตที่มีอยู่ ก็ขอให้ช่วยกันกำจัดให้หมดสิ้น .. พ๊อยต์
หลักไปที่ “วาระปราบโกง”ที่ตัวเองพูดมาตลอดเกือบ 4 ปีที่ผ่านมานั่นแหละ แต่ปรากฏว่า ช่วงหลังโดนโพลตบหน้าว่า ไร้น้ำยา ไม่คิดว่าจะแก้ปัญหาทุจริตได้ซะนี่ .. ที่มันน่ากลัวก็ การทุจริตที่เกิดขึ้นในยุค“รัฐบาล คสช.”ที่ถือเป็น “รัฐข้าราชการ”เกือบสมบูรณ์แบบ สะท้อนว่า รากเหง้าการทุจริตที่แท้จริงคือ “ข้าราชการ”มากกว่า “นักการเมือง” ..ทั้งที่ไม่มี “นักการเมือง”มาหลายปี แต่กลับมีพฤติกรรม “ฉ้อราษฎร์บังหลวง”กันทุกหย่อมหญ้า โครงการใหญ่น้อย เอาหมด “ส่วนต่าง–เงินทอน”เก็บกันเรียบ .. ต่างกับสมัย “นักเลือกตั้ง”ครองเมือง ที่ส่วนใหญ่เน้นกอบโกยโครงการใหญ่เป็นอาหาร หลัก .. แต่ในยุคนี้เรียกว่า“โกงแบบไร้ยางอาย”ไม่ว่า การทุจริตเงินช่วยเหลือผู้ยากไร้ ของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นของมนุษย์ ตามมาด้วยการทุจริตกองทุนเสมาพัฒนาชีวิต ที่ตั้งไว้เพื่อช่วยเหลือเด็กด้อยโอกาส ของกระทรวงศึกษาธิการ ..
เรื่องพรรค์นี้จะไม่เกิดหาก“ผู้มีอำนาจ”เอาจริงเอาจัง ไม่“หลับตาข้างหนึ่ง”หรือ“หลิ่วตา”อย่างที่เป็น ด้วยอำนาจ“รัฏฐาธิปัตย์”ที่มีอยู่ล้นปรี่ .. กลไกตรวจสอบต่างๆ อยู่ภายใต้อาณัติของ “รัฐบาลลายพราง”ทั้งหมด อยู่ที่ว่าจะกดปุ่มเชือดหรือไม่เท่านั้น .. และยังน่าสังเกตอีกว่า ศูนย์อำนวยการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติ (ศอตช.) ที่ตั้งขึ้นช่วงแรกของ คสช. มาวันนี้บทบาทเงียบเป็นเป่าสาก .. ต่างจากสมัยที่“บิ๊กต๊อก”พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา องคมนตรี ยังกำกับดูแลอยู่อย่างเห็นได้ชัด .. ที่ไล่เรียงมา ก็แค่จะบอกกล่าวว่า “ของขวัญปราบโกง”ที่ “นายกฯตู่”กระชุ่นเพื่อนร่วมครม.นั้น ไม่ต้องไปเรียกร้องจากใคร แค่ตัวเองใช้อำนาจอย่างเด็ดขาด ไม่ลูบหน้าปะจมูก ก็เพียงพอที่จะเป็น“ของขวัญให้ตัวเอง”อยู่แล้ว .. แล้วตามคิวช่วงโค้งท้ายของโรดแมป ที่ควรจะเป็นช่วงโกยแต้ม หากหวังจะอยู่อำนาจต่อ เป็นที่มาของ “โปรเจกต์ไทยนิยม”ที่เห็นว่าตั้งงบรวมไว้ 2 แสนล้านบาท ลอตแรก เคาะออกมาก่อน 3 หมื่นล้าน ในรูปแบบ“งบกลาง”ที่รู้กันในวงการว่า ตรวจสอบยาก .. แล้วยังมาอยู่ภายใต้การกำกับของ“บิ๊กป๊อก”พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย อีก ก็ยิ่งน่าจับตาว่าจะตกหล่นมากน้อยเพียงใด .. อย่างงบก้อนใหญ่สุด ราว 3 หมื่นล้านบาท ที่กระจายให้กับ 8.2 หมื่นหมู่บ้าน-ชุมชน แห่งละ 2 แสนบาท ก็ระวังอย่าซ้ำรอยงบฯ ผู้ยากไร้ ของกระทรวงการพัฒนาสังคมฯละกัน .. นั่นแค่ 70 กว่าศูนย์ทั่วประเทศ พวกเข้าไปโกยจนมีปัญหาแล้วเกือบ 50 ศูนย์ งบฯ ผิดปกติ 80-90% .. เวลายังมี หากไม่รีบมอบของขวัญให้ตัวเอง นับวันคนไทยก็จะยิ่งหมดศรัทธาไปเรื่อย .. ไอ้ที่ว่าลังเลจะต่อท่ออำนาจแบบ “คนนอก –คนใน”ดีไม่ดีจะไม่อยู่ถึงได้ตัดสินใจ แล้วพอพ้น“วงสายสิญจน์”ไม่ได้เป็นหัวหน้าคณะรัฐประหาร ไม่มี มาตรา 44 แล้ว ก็ระวังเต๊อะ “เจ้ากรรมนายเวร”จะตามไปเอาคืน.

ช.ชฎา

ศ.นพ.ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา
นายสัตวแพทย์อภัย สุทธิสังข์
สมชัย ศรีสุทธิยากร
พรเพชร วิชิตชลชัย
วัส ติงสมิตร
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา
พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา


กำลังโหลดความคิดเห็น