กลายเป็นเรื่องเป็นราวแบบไม่คาดหมายกับสังคมโซเชียลฯกันอีกแล้ว กับหนังสือของ รองผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่นปฏิบัติราชการแทนผู้ว่าฯขอนแก่นที่ส่งหนังสือไปถึงผู้นำองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เช่นนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดขอนแก่น เพื่อเชิญให้มาร่วมประชุมสำหรับเตรียมต้อนรับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ โดยหนังสือเชิญดังกล่าวบอกว่าให้มาประชุมร่วมกับตัวแทนหน่วยงานท้องถิ่นอื่นๆ ในวันที่ 23 มีนาคม
แต่ที่เป็นเรื่องเป็นราวขึ้นมาก็คือหัวข้อ "ทำอย่างไรให้ประชาชนหายโง่" ที่เชื่อว่าต้องมีการเตรียมการหน่วยงานในท้องถิ่นเพื่อฟื้นฟูสภาพความเป็นอยู่ ด้านการศึกษา สาธารณสุขของชาวบ้านและเด็กๆ แต่ก็อย่างว่าแหละบางครั้งด้วยสภาพของข้าราชการไทยที่มีจำนวนไม่น้อยที่ต้องบอกตรงๆเหมือนกันว่ายัง"ด้อยพัฒนา"และตัวข้าราชการเองนั่นแหละที่ก้าวไม่ทันโลก ซึ่งกรณีของรองผู้ว่าขอนแก่นคนนี้ก็คงมีสภาพไม่ได้ต่างจากผู้ว่าฯจันทร์บุรี ที่ไม่ได้ตรวจสอบข้อความให้เรียบร้อยเสียก่อนก็หลับหูหลับตาลงนามไป
ประกอบกับนี่มันยุคโซเชียลฯที่ชาวบ้านเป็นสื่อก็โหมกระพือออกไปอย่างรวดเร็วและ"คนที่โง่"งานนี้ก็คือ รองผู้ว่าฯขอนแก่นรวมไปถึงเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นร่างจดหมายขึ้นมาให้รองผู้ว่าฯคนดังกล่าวเซ็นต์ชื่อนั่นแหละ ส่วนจะมีการ"วางยา"กันหรือไม่ ก็ยังไม่รู้แต่ก็เตือนใจได้ดีว่าก่อนจะลงนามหรือทำอะไรก็ต้องตรวจทานให้รอบคอบทุกครั้ง ไม่เช่นนั้นก็จะเกิดผลกระท้อนกลับมารุนแรงอย่าง ที่เห็น
อย่างไรก็ดีจากข้อความในจดหมายเรียกประชุมดังกล่าว อีกมุมหนึ่งมันก็ได้เห็นความเคลื่อนไหวบางอย่างชัดเจนว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้เตรียมลงพื้นที่ในจังหวัดขอนแก่นอีกรอบ ซึ่งก็แน่นอนว่าย่อมหมายรวมไปถึงพื้นที่อื่นๆโดยรอบ
ในทางการเมืองมันก็มีความหมายในตัวเองแบบชัดเจนไม่ต้องอธิบายให้มากความว่าต้องการลงมา"กระชับพื้นที่"สะสมคะแนนนิยมเอาไว้กันตั้งแต่เนิ่นๆ หรืออย่างน้อยก็ต้อง"ทะลายความเชื่อแบบฝังหัว"ของชาวบ้าน ที่เคยเป็นฐานเสียงฝ่ายตรงข้าม อย่างเครือข่ายระบอบทักษิณ ให้ทะลุทะลวงไปให้ได้ เนื่องจากรับรู้กันมานานว่าขอนแก่น รวมไปถึงภาคอีสานทั้งภาคล้วนเป็น"ของตาย"ของพรรคเพื่อไทย
ที่ผ่านมา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติที่ชูความเป็น"ลูกอีสาน"ขนานแท้มาซื้อใจชาวบ้านอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับเมื่อกุมอำนาจในมือก็ย่อมได้เปรียบ โดยเฉพาะเวลานี้ได้ปูพรม"ทีมไทยนิยม"เต็มพื้นที่ทั่วประเทศแล้ว ประกอบกับเวลานี้ถ้าหากจะหาเสียงกับชาวนาในภาคอีสานที่ปลูกข้าวหอมมะลิเป็นส่วนใหญ่ รวมไปถึงข้าวเหนียวก็สามารถ"ทำแต้ม"ได้ดีเพราะราคาข้าวกำลังพุ่งกระฉูดทำท่าฉุดไม่อยู่
ที่สำคัญสำหรับ"บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ"ที่ส่งเงินเข้ากระเป๋าชาวบ้านระดับรากหญ้าทุกเดือนมันก็ย่อมมัดใจได้ไม่เบา และนี่แหละถือว่าเป็น"ทีเด็ด"ของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และ"ทีมเศรษฐกิจ"ที่นำโดย สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกฯได้เป็นอย่างดี
แม้ว่าจะเกิดข้อผิดพลาดจนเกิดดราม่า และไม่รู้ว่าเป็นเพราะความชุ่ยของข้าราชการในท้องถิ่น หรือมีเจตนา"วางยา"รองผู้ว่าฯขอนแก่นเกิดขึ้นหรือไม่ก็ตาม แต่สำหรับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีงานนี้คาดเดาได้ว่าการลงพื้นที่จังหวัดขอนแก่นและพื้นที่ในภาคอีสานเที่ยวนี้ต้อง"จัดเต็ม"กว่าเก่าแน่นอนเพราะนี่คือโค้งท้ายๆแล้วที่ต้องเก็บคะแนนกันล่วงหน้าก่อนเข้าเส้นชัย
หากพิจารณาจากภาพรวมๆแล้วถือว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา น่าจะมีเวลาทำแต้มเพียงแค่ประมาณ 1 ปีเท่านั้นจากอานิสงฆ์จากการขยายด้านเศรษฐกิจที่เริ่มฟื้นตัวและเข้าสู่ภาวะขยายต้วในปีนี้ เพราะปัจจัยหลายด้านเป็นบวก ทั้งการส่งออก การท่องเที่ยว การลงทุนจากเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก(อีอีซี)ที่กำลังขับเคลื่อนเต็มกำลังแล้ว รอเพียงแต่กระชากเศรษฐกิจฐานรากขึ้นมาถ้าทำได้มันก็พอแก้ตัวได้ แต่อย่างน้อยน่าจะมัดใจได้จากบัตรสวัสดิการแห่งรัฐนั่นแหละ
ดังนั้นการที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นำทีมลงพื้นที่ภาคอีสานอีกรอบเที่ยวนี้ย่อมไม่ธรรมดา มีเป้าหมายทางการเมืองซ่อนอยู่แล้ว และที่สำคัญให้รอดูว่าจะมีการนัดพบกับกลุ่มการเมืองกลุ่มไหนบ้าง อย่างหลังนี่แหละน่าจับตา !!
แต่ที่เป็นเรื่องเป็นราวขึ้นมาก็คือหัวข้อ "ทำอย่างไรให้ประชาชนหายโง่" ที่เชื่อว่าต้องมีการเตรียมการหน่วยงานในท้องถิ่นเพื่อฟื้นฟูสภาพความเป็นอยู่ ด้านการศึกษา สาธารณสุขของชาวบ้านและเด็กๆ แต่ก็อย่างว่าแหละบางครั้งด้วยสภาพของข้าราชการไทยที่มีจำนวนไม่น้อยที่ต้องบอกตรงๆเหมือนกันว่ายัง"ด้อยพัฒนา"และตัวข้าราชการเองนั่นแหละที่ก้าวไม่ทันโลก ซึ่งกรณีของรองผู้ว่าขอนแก่นคนนี้ก็คงมีสภาพไม่ได้ต่างจากผู้ว่าฯจันทร์บุรี ที่ไม่ได้ตรวจสอบข้อความให้เรียบร้อยเสียก่อนก็หลับหูหลับตาลงนามไป
ประกอบกับนี่มันยุคโซเชียลฯที่ชาวบ้านเป็นสื่อก็โหมกระพือออกไปอย่างรวดเร็วและ"คนที่โง่"งานนี้ก็คือ รองผู้ว่าฯขอนแก่นรวมไปถึงเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นร่างจดหมายขึ้นมาให้รองผู้ว่าฯคนดังกล่าวเซ็นต์ชื่อนั่นแหละ ส่วนจะมีการ"วางยา"กันหรือไม่ ก็ยังไม่รู้แต่ก็เตือนใจได้ดีว่าก่อนจะลงนามหรือทำอะไรก็ต้องตรวจทานให้รอบคอบทุกครั้ง ไม่เช่นนั้นก็จะเกิดผลกระท้อนกลับมารุนแรงอย่าง ที่เห็น
อย่างไรก็ดีจากข้อความในจดหมายเรียกประชุมดังกล่าว อีกมุมหนึ่งมันก็ได้เห็นความเคลื่อนไหวบางอย่างชัดเจนว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้เตรียมลงพื้นที่ในจังหวัดขอนแก่นอีกรอบ ซึ่งก็แน่นอนว่าย่อมหมายรวมไปถึงพื้นที่อื่นๆโดยรอบ
ในทางการเมืองมันก็มีความหมายในตัวเองแบบชัดเจนไม่ต้องอธิบายให้มากความว่าต้องการลงมา"กระชับพื้นที่"สะสมคะแนนนิยมเอาไว้กันตั้งแต่เนิ่นๆ หรืออย่างน้อยก็ต้อง"ทะลายความเชื่อแบบฝังหัว"ของชาวบ้าน ที่เคยเป็นฐานเสียงฝ่ายตรงข้าม อย่างเครือข่ายระบอบทักษิณ ให้ทะลุทะลวงไปให้ได้ เนื่องจากรับรู้กันมานานว่าขอนแก่น รวมไปถึงภาคอีสานทั้งภาคล้วนเป็น"ของตาย"ของพรรคเพื่อไทย
ที่ผ่านมา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติที่ชูความเป็น"ลูกอีสาน"ขนานแท้มาซื้อใจชาวบ้านอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับเมื่อกุมอำนาจในมือก็ย่อมได้เปรียบ โดยเฉพาะเวลานี้ได้ปูพรม"ทีมไทยนิยม"เต็มพื้นที่ทั่วประเทศแล้ว ประกอบกับเวลานี้ถ้าหากจะหาเสียงกับชาวนาในภาคอีสานที่ปลูกข้าวหอมมะลิเป็นส่วนใหญ่ รวมไปถึงข้าวเหนียวก็สามารถ"ทำแต้ม"ได้ดีเพราะราคาข้าวกำลังพุ่งกระฉูดทำท่าฉุดไม่อยู่
ที่สำคัญสำหรับ"บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ"ที่ส่งเงินเข้ากระเป๋าชาวบ้านระดับรากหญ้าทุกเดือนมันก็ย่อมมัดใจได้ไม่เบา และนี่แหละถือว่าเป็น"ทีเด็ด"ของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และ"ทีมเศรษฐกิจ"ที่นำโดย สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกฯได้เป็นอย่างดี
แม้ว่าจะเกิดข้อผิดพลาดจนเกิดดราม่า และไม่รู้ว่าเป็นเพราะความชุ่ยของข้าราชการในท้องถิ่น หรือมีเจตนา"วางยา"รองผู้ว่าฯขอนแก่นเกิดขึ้นหรือไม่ก็ตาม แต่สำหรับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีงานนี้คาดเดาได้ว่าการลงพื้นที่จังหวัดขอนแก่นและพื้นที่ในภาคอีสานเที่ยวนี้ต้อง"จัดเต็ม"กว่าเก่าแน่นอนเพราะนี่คือโค้งท้ายๆแล้วที่ต้องเก็บคะแนนกันล่วงหน้าก่อนเข้าเส้นชัย
หากพิจารณาจากภาพรวมๆแล้วถือว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา น่าจะมีเวลาทำแต้มเพียงแค่ประมาณ 1 ปีเท่านั้นจากอานิสงฆ์จากการขยายด้านเศรษฐกิจที่เริ่มฟื้นตัวและเข้าสู่ภาวะขยายต้วในปีนี้ เพราะปัจจัยหลายด้านเป็นบวก ทั้งการส่งออก การท่องเที่ยว การลงทุนจากเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก(อีอีซี)ที่กำลังขับเคลื่อนเต็มกำลังแล้ว รอเพียงแต่กระชากเศรษฐกิจฐานรากขึ้นมาถ้าทำได้มันก็พอแก้ตัวได้ แต่อย่างน้อยน่าจะมัดใจได้จากบัตรสวัสดิการแห่งรัฐนั่นแหละ
ดังนั้นการที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นำทีมลงพื้นที่ภาคอีสานอีกรอบเที่ยวนี้ย่อมไม่ธรรมดา มีเป้าหมายทางการเมืองซ่อนอยู่แล้ว และที่สำคัญให้รอดูว่าจะมีการนัดพบกับกลุ่มการเมืองกลุ่มไหนบ้าง อย่างหลังนี่แหละน่าจับตา !!