xs
xsm
sm
md
lg

คสช.อุ้มทีวีดิจิทัล โลกนี้ไม่มีของฟรี

เผยแพร่:   โดย: นพ นรนารถ


การประชุมร่วมระหว่างนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กับผู้ประกอบการทีวีดิจิทัล และเลขาธิการคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ หรือ กสทช.นายฐากร ตัณฑสิทธิ์ เมื่อวันที่ 15 มีนาคมที่ผ่านมา มี ข้อสรุปว่า จะเสนอให้ คสช.พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ใช้มาตรา 44 ช่วยเหลือผู้ประกอบการ 2 เรื่อง คือ

1. พักการชำระค่าใบอนุญาตทีวีดิจิทัล 3 ปี โดยในระหว่างพักหนี้ ต้องจ่ายดอกเบี้ยในอัตราดอกเบี้ยนโยบายของแบงก์ชาติ ซึ่งปัจจุบันคือร้อยละ 1.5 ต่อปี

ผู้ประกอบการทีวีดิจิทัล 22 ช่อง จ่ายค่าใบอนุญาตไปแล้ว 4 งวดจากทั้งหมด 7 งวด คิดเป็นเงินประมาณ 33,000 ล้านบาท ตั้งแต่ปี 2557-2560 ยังเหลืออีก 3 งวดรวมเป็นเงิน 12,000 ล้านบาท

2. ให้ กสทช.ช่วยจ่ายค่าเช่าโครงข่ายภาคพื้นดินไม่เกิน 50% เป็นเวลา 24 เดือน คิดเป็นเงินประมาณ 230 ล้านบาท

นับเป็นครั้งที่ 2 ที่ คสช.ใช้มาตรา 44 อุ้มทีวีดิจิทัล ครั้งแรกนั้นเมื่อปลายปี 2559 เป็นการยืดหนี้ ค่างวด ค่าธรรมเนียมใบอนุญาตขั้นต่ำจากที่ต้องจ่ายในงวดที่ 4 ซึ่งเป็นงวดสุดท้ายอีก 1 งวด ยืดเป็น 2 งวด และค่าใบอนุญาตส่วนที่เกินจากขั้นต่ำอีก 3 งวด ยืดเป็น 6 งวด

ที่จริงแล้ว ความต้องการของผู้ประกอบการทีวีดิจิทัลที่มีปัญหาขาดทุน ไม่มีคนดู คือ ต้องการเลิกออกจากธุรกิจนี้ ขอคืนใบอนุญาตให้กับ กสทช.โดยไม่ต้องจ่ายค่าใบอนุญาตที่เหลืออีก 3 ปีซึ่งเป็นเรื่องที่ทำไม่ได้ เพราะไม่เป็นธรรมกับประเทศชาติ

เอาคลื่นความถี่ซึ่งเป็นทรัพยากรของชาติไปใช้ โดยสัญญาว่าจะจ่ายค่าใช้คลื่นสูงกว่าคนอื่นๆ ที่เข้าร่วมประมูล จึงได้คลื่นความถี่ไปใช้ พอทำไม่ไหว แข่งขันไม่ได้ จะขอคืนใบอนุญาต และไม่จ่ายค่าใบอนุญาตที่เหลือ ดูเป็นการเอาเปรียบสังคมเกินไป

คำตัดสินของศาลปกครองกลางที่ให้ บริษัทไทยทีวี ไม่ต้องจ่ายค่าธรรมเนียมใบอนุญาตที่เหลือให้กับ กสทช.เพราะศาลเห็นว่า กสทช.ทำผิดสัญญา ซึ่งทีแรก ผู้ประกอบการทีวีดิจิทัล ดูเหมือนจะใช้เป็นบรรทัดฐานหาทางออกให้กับตัวอง ยังไม่ใช่คำตัดสินถึงที่สุด เพราะ กสทช.มีความเห็นแย้งคำตัดสินของศาลปกครองกลาง และใช้สิทธิยื่นอุทธรณ์ต่อศาลปกครองสูงสุด ซึ่งต้องใช้เวลาอีก เร็วที่สุดหนึ่งปีกว่าถึงสองปีกว่าจะรู้ผล

มาตรการอุ้มทีวีดิจิทัลที่ออกมาถือว่ารัฐบาลให้มากที่สุดแล้วเท่าที่จะให้ได้ คือ พักหนี้ให้ 3 ปี โดยคิดดอกเบี้ยถูกมาก และให้ กสทช.ควักกระเป๋าช่วยจ่ายค่าโครงข่ายภาคพื้นดินอีก 200 กว่าล้านบาท

การพักหนี้ค่าใบอนุญาตให้ 3 ปีเป็นการซื้อเวลาต่อลมหายใจให้ทีวีดิจิทัลชั่วคราวเท่านั้น ยังไม่เห็นเลยว่า ในช่วง 3 ปีที่ได้ปลดภาระค่าใบอนุญาตเป็นการชั่วคราว จะทำให้ ทีวีดิจิทัลฟื้นขึ้นมาได้อย่างไร เพราะปัจจัยสำคัญต่างๆ อันเป็นมูลเหตุให้ทีวีดิจิทัลต้องล้มเหลวยังไม่เปลี่ยนแปลง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องจำนวนช่องที่มากเกินไป รายการที่ไม่มีคุณภาพไม่สามารถเรียกคนดูได้ การเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีที่ทำให้พฤติกรรมการดูทีวีของคนเปลี่ยนไป ดูทีวีน้อยลง เพราะมีช่องทางในการดูมากขึ้น

ยกเว้นเสียแต่ว่า ในช่วงเวลา 3 ปีนี้จะมีทีวีดิจิทัลหลายๆ ช่องล้มหายตายจากไป เพราะแบกรับภาระการขาดทุนต่อไปไม่ไหว ทำให้จำนวนผู้ประกอบการลดน้อยลง ผู้ที่ยังอยู่ อาจจะมีโอกาสรอดได้บ้าง แต่ก็ไม่มีหลักประกันอะไร เพราะสิ่งที่ชี้ขาดความสำเร็จ ยังคงเป็นเนื้อหารายการที่ตรงกับความต้องการของผู้ชมหรือไม่ และเทคโนโลยีที่ไม่หยุดเปลี่ยนแปลง มีแต่จะเปลี่ยนแปลงมากขึ้น และเร็วขึ้นเรื่อยๆ

ข้อสรุปการอุ้มทีวีดิจิทัลเมื่อวันที่ 15 มีนาคม ยังไม่ใช่ข้อยุติ แม้ว่าตัวแทนผู้ประกอบการที่เข้าประชุมในวันนั้น มั่นใจว่า คสช.จะใช้มาตรา 44 ต่อชะตาทีวีดิจิทัล ตามที่ประชุมกัน แต่ยังต้องเสนอให้ที่ประชุม คสช.และที่ประชุม ครม.เห็นด้วยเสียก่อน

อย่างไรก็ตาม โอกาสมติที่ประชุมวันที่ 15 มีนาคม จะถูก คสช.ปฏิเสธ หรือมีการแก้ไขเปลี่ยนแปลงคงเกิดขึ้นยาก เพราะการหารือระหว่างทีวีดิจิทัลกับรัฐบาลทำกันมาอย่างต่อเนื่อง มาตรการพักหนี้ ช่วยจ่ายค่าเช่าโครงข่าย 50% คงผ่านการกลั่นกรองจนแน่ใจแล้วว่า คสช.กับรัฐบาลคงรับได้

สำหรับ คสช.และรัฐบาล มาตรการพักหนี้ทีวีดิจิทัลให้ซอฟต์โลนดอกเบี้ยถูก ช่วยจ่ายค่าเช่าโครงข่ายก็ไม่ต่างจากมาตรการพักหนี้เกษตรกร พักหนี้ครู ให้เงินอุดหนุนกลุ่มผลประโยชน์ต่างๆ ที่เคยทำมา และยังทำกันอยู่ ถือเป็นการบรรเทาความเดือดร้อนตราบใดที่ไม่ขัดต่อกฎหมาย และเป็นการซื้อใจกัน

ในภาวะที่ คสช.และรัฐบาลอยู่ในช่วงขาลง และอนาคตอันใกล้ที่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ต้องการเป็นนายกรัฐมนตรีหลังการเลือกตั้ง การตัดสินใจอุ้มทีวีดิจิทัล อาจเป็นการตัดสินใจที่ คสช.คาดหวังผลทางการเมืองด้วย

แม้ว่า สิ่งที่ คสช.หยิบยื่นให้ไม่ตรงกับความต้องการ 100% ของผู้ประกอบการทีวีดิจิทัลที่ร้องขอ แต่ก็เป็นประโยชน์ระยะสั้นที่ช่วยต่อลมหายใจไปได้อีกเฮือกหนึ่ง และเป็นบุญคุณที่ต้องทดแทนเมื่อถึงเวลา โดยผู้ให้ไม่ต้องร้องขอ


กำลังโหลดความคิดเห็น