ผู้จัดการรายวัน360-ป.ป.ช.ดีใจ ขาเก้าอี้ไม่หัก หลังศาลวินิจฉัยไม่ขัดรัฐธรรมนูญ "บิ๊กกุ้ย" เชื่อไม่มีปัญหา แม้จะมีคนแย้ง ส่วนผลสอบนาฬิกาหรู "สุภา" ดูแลอยู่ ยันเรื่องเข้าบอร์ดเมื่อไร พร้อมลุกออกจากห้อง เผย "บิ๊กป้อม" ยังไม่ส่งข้อมูล ทั้งที่ใกล้เส้นตาย 15 มี.ค. "วิษณุ"เปิดทาง ป.ป.ท.สอบโกงเต็มที่ ด้านอธิบดีกรมพัฒนาสังคมฯ เด้ง 16 หัวหน้าหน่วยงานเอี่ยวโกงเงินคนจนแล้ว
พล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ ประธานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เปิดเผยถึงกรณีศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยว่าการยกเว้นคุณสมบัติต้องห้ามของกรรมการ ป.ป.ช. ในร่าง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. … ไม่ขัดต่อรัฐธรรมนูญปี 2560 ว่า เชื่อว่าจะไม่มีปัญหาเกิดขึ้น แม้จะมีผู้แย้งมติศาลรัฐธรรมนูญ แต่บ้านเมืองใช้กฎหมายเป็นหลัก เมื่อรัฐธรรมนูญเขียนไว้อย่างไร จะต้องเป็นไปตามนั้น และเห็นว่า เมื่อมีคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญแล้ว จะทำให้งานของ ป.ป.ช.เดินหน้าไปได้อย่างราบรื่นมากขึ้น รวมทั้งจะมีการปรับการทำงาน โดยจะเร่งแก้ไขปัญหาที่สั่งสมมานาน เพราะใน 1 ปี 3 เดือนมานี้ งานของ ป.ป.ช. ชะลอมานาน เนื่องจากต้องรอกฎหมายฉบับใหม่ให้สอดคล้องกับรัฐธรรมนูญ
ส่วนความคืบหน้าการตรวจสอบการถือครองนาฬิกาหรูของพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีรมว.กลาโหม ต้องไปถามเลขาธิการ ป.ป.ช. โดยทราบว่า ล่าสุดได้มีการส่งหนังสือให้ พล.อ.ประวิตร ชี้แจงเพิ่มเติมแล้ว คาดว่าเร็วๆ นี้คงจะครบถ้วน และหากมีการส่งเรื่องให้ที่ประชุมคณะกรรมการ ป.ป.ช. พิจารณา ตนจะออกจากห้องประชุม ซึ่งเป็นเรื่องปกติ หากมีส่วนเกี่ยวข้อง ขณะที่การตรวจสอบยืนยันว่ามีขั้นตอนและแนวทางปฏิบัติอยู่แล้ว เชื่อว่า น.ส.สุภา ปิยะจิตติ กรรมการ ป.ป.ช. ที่ดูแลเรื่องนี้ ก็ดูแลอยู่ เพราะเป็นคนละเอียดอยู่แล้ว
สำหรับการตรวจสอบการทุจริตเงินศูนย์คุ้มครองคนไร้ที่พึ่งของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) นั้น คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติให้สำนักไต่สวนภาครัฐ 3 ที่รับผิดชอบกระทรวง พม. ไปแสวงหาข้อเท็จจริงเบื้องต้นว่ามีกระบวนการที่มาของงบประมาณอย่างไร กระบวนการจัดสรรงบประมาณจากกระทรวงไปสู่กรม และกรมลงไปสู่พื้นที่นั้นเป็นอย่างไร เพราะการกล่าวหาข้าราชการระดับสูงจะเป็นหน้าที่ของ ป.ป.ช.ที่ต้องเข้าไปตรวจสอบ และคิดว่าถึงอย่างไรเรื่องนี้คณะกรรมการ ป.ป.ช.จะต้องตรวจสอบอยู่ดี จึงให้ไปแสวงหาข้อเท็จจริงเบื้องต้น แต่จะไม่เข้าไปก้าวก่ายกระทบการทำงานของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจนเกิดความซ้ำซ้อนกัน เพียงแต่จะขอข้อมูลเพื่อประกอบการพิจารณา
ด้านนายวรวิทย์ สุขบุญ เลขาธิการ ป.ป.ช. กล่าวว่า พล.อ.ประวิตร ยังไม่ชี้แจงมายัง ป.ป.ช. แม้ว่าจะครบกำหนดเวลาวันที่ 15 มี.ค.นี้แล้ว ซึ่งต้องรอดูว่าจะชี้แจงเข้ามาหรือไม่ จากนั้น จะมีการสรุปเรื่องส่งให้คณะกรรมการ ป.ป.ช. พิจารณาต่อไป
นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการตรวจสอบการทุจริตในหลายๆ โครงการในขณะนี้ ว่า รัฐบาลคงไม่ต้องส่งคนลงไปร่วมตรวจสอบ เพราะมีคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) ที่ตั้งขึ้นมา เพื่อทำหน้าที่ในการตรวจสอบ มีหน้าที่โดยตรงอยู่แล้ว และ ป.ป.ท.ก็มีสิทธิ์ที่จะระดมหรือขอความช่วยเหลือจากหน่วยงานอื่นๆ ได้ อีกทั้งการตรวจสอบไม่ได้ลงไปลักษณะของการตรวจสอบทุจริต แต่เป็นการสุ่มลงไปตามที่ๆ มีข้อสงสัย ซึ่งหากพบว่ามีการทุจริต ก็จะมีกระบวนการอื่นตามลงไปอีกที
นางนภา เศรษฐกร อธิบดีกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ กล่าวว่า กรมฯ ได้ตรวจสอบหน่วยงานในสังกัด 56 แห่ง พบ ไม่มีการทุจริต 4 แห่ง เป็นศูนย์คุ้มครองคนไร้ที่พึ่ง จ.สมุทรสงคราม สิงห์บุรี ภูเก็ต และนครศรีธรรมราช , อยู่ระหว่างตรวจสอบ 31 แห่ง และพบมูลความผิดแล้ว 21 แห่ง ซึ่งในส่วนนี้ได้ย้ายหัวหน้าหน่วยงานออกจากพื้นที่แล้ว 16 แห่ง และได้ตั้งกรรมการสอบวินัยร้ายแรงแล้ว คือ ขอนแก่น และเชียงใหม่ ที่เหลือคาดว่าจะตั้งกรรมการสอบวินัยได้ภายในสัปดาห์นี้หรือต้นสัปดาห์หน้า ส่วนหัวหน้าหน่วยงานที่เกษียณหรือลาออกไปแล้ว ก็ยังสามารถเอาผิดได้
พล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ ประธานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เปิดเผยถึงกรณีศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยว่าการยกเว้นคุณสมบัติต้องห้ามของกรรมการ ป.ป.ช. ในร่าง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. … ไม่ขัดต่อรัฐธรรมนูญปี 2560 ว่า เชื่อว่าจะไม่มีปัญหาเกิดขึ้น แม้จะมีผู้แย้งมติศาลรัฐธรรมนูญ แต่บ้านเมืองใช้กฎหมายเป็นหลัก เมื่อรัฐธรรมนูญเขียนไว้อย่างไร จะต้องเป็นไปตามนั้น และเห็นว่า เมื่อมีคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญแล้ว จะทำให้งานของ ป.ป.ช.เดินหน้าไปได้อย่างราบรื่นมากขึ้น รวมทั้งจะมีการปรับการทำงาน โดยจะเร่งแก้ไขปัญหาที่สั่งสมมานาน เพราะใน 1 ปี 3 เดือนมานี้ งานของ ป.ป.ช. ชะลอมานาน เนื่องจากต้องรอกฎหมายฉบับใหม่ให้สอดคล้องกับรัฐธรรมนูญ
ส่วนความคืบหน้าการตรวจสอบการถือครองนาฬิกาหรูของพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีรมว.กลาโหม ต้องไปถามเลขาธิการ ป.ป.ช. โดยทราบว่า ล่าสุดได้มีการส่งหนังสือให้ พล.อ.ประวิตร ชี้แจงเพิ่มเติมแล้ว คาดว่าเร็วๆ นี้คงจะครบถ้วน และหากมีการส่งเรื่องให้ที่ประชุมคณะกรรมการ ป.ป.ช. พิจารณา ตนจะออกจากห้องประชุม ซึ่งเป็นเรื่องปกติ หากมีส่วนเกี่ยวข้อง ขณะที่การตรวจสอบยืนยันว่ามีขั้นตอนและแนวทางปฏิบัติอยู่แล้ว เชื่อว่า น.ส.สุภา ปิยะจิตติ กรรมการ ป.ป.ช. ที่ดูแลเรื่องนี้ ก็ดูแลอยู่ เพราะเป็นคนละเอียดอยู่แล้ว
สำหรับการตรวจสอบการทุจริตเงินศูนย์คุ้มครองคนไร้ที่พึ่งของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) นั้น คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติให้สำนักไต่สวนภาครัฐ 3 ที่รับผิดชอบกระทรวง พม. ไปแสวงหาข้อเท็จจริงเบื้องต้นว่ามีกระบวนการที่มาของงบประมาณอย่างไร กระบวนการจัดสรรงบประมาณจากกระทรวงไปสู่กรม และกรมลงไปสู่พื้นที่นั้นเป็นอย่างไร เพราะการกล่าวหาข้าราชการระดับสูงจะเป็นหน้าที่ของ ป.ป.ช.ที่ต้องเข้าไปตรวจสอบ และคิดว่าถึงอย่างไรเรื่องนี้คณะกรรมการ ป.ป.ช.จะต้องตรวจสอบอยู่ดี จึงให้ไปแสวงหาข้อเท็จจริงเบื้องต้น แต่จะไม่เข้าไปก้าวก่ายกระทบการทำงานของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจนเกิดความซ้ำซ้อนกัน เพียงแต่จะขอข้อมูลเพื่อประกอบการพิจารณา
ด้านนายวรวิทย์ สุขบุญ เลขาธิการ ป.ป.ช. กล่าวว่า พล.อ.ประวิตร ยังไม่ชี้แจงมายัง ป.ป.ช. แม้ว่าจะครบกำหนดเวลาวันที่ 15 มี.ค.นี้แล้ว ซึ่งต้องรอดูว่าจะชี้แจงเข้ามาหรือไม่ จากนั้น จะมีการสรุปเรื่องส่งให้คณะกรรมการ ป.ป.ช. พิจารณาต่อไป
นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการตรวจสอบการทุจริตในหลายๆ โครงการในขณะนี้ ว่า รัฐบาลคงไม่ต้องส่งคนลงไปร่วมตรวจสอบ เพราะมีคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) ที่ตั้งขึ้นมา เพื่อทำหน้าที่ในการตรวจสอบ มีหน้าที่โดยตรงอยู่แล้ว และ ป.ป.ท.ก็มีสิทธิ์ที่จะระดมหรือขอความช่วยเหลือจากหน่วยงานอื่นๆ ได้ อีกทั้งการตรวจสอบไม่ได้ลงไปลักษณะของการตรวจสอบทุจริต แต่เป็นการสุ่มลงไปตามที่ๆ มีข้อสงสัย ซึ่งหากพบว่ามีการทุจริต ก็จะมีกระบวนการอื่นตามลงไปอีกที
นางนภา เศรษฐกร อธิบดีกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ กล่าวว่า กรมฯ ได้ตรวจสอบหน่วยงานในสังกัด 56 แห่ง พบ ไม่มีการทุจริต 4 แห่ง เป็นศูนย์คุ้มครองคนไร้ที่พึ่ง จ.สมุทรสงคราม สิงห์บุรี ภูเก็ต และนครศรีธรรมราช , อยู่ระหว่างตรวจสอบ 31 แห่ง และพบมูลความผิดแล้ว 21 แห่ง ซึ่งในส่วนนี้ได้ย้ายหัวหน้าหน่วยงานออกจากพื้นที่แล้ว 16 แห่ง และได้ตั้งกรรมการสอบวินัยร้ายแรงแล้ว คือ ขอนแก่น และเชียงใหม่ ที่เหลือคาดว่าจะตั้งกรรมการสอบวินัยได้ภายในสัปดาห์นี้หรือต้นสัปดาห์หน้า ส่วนหัวหน้าหน่วยงานที่เกษียณหรือลาออกไปแล้ว ก็ยังสามารถเอาผิดได้