xs
xsm
sm
md
lg

ผู้จัดการสุดสัปดาห์

x

“กปปส.”สร้างพรรค ตั้งใจแพ้“ปชป.” “ขอที่ 2”สะสมคะแนนเอาโควตา ส.ส.

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ผู้จัดการสุดสัปดาห์ - แม้จะยังเงื้อง่าราคาแพง ตามคิวที่ “กำนันเทือก”สุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตเลขาธิการ กปปส. ออกลูกแทงกั๊ก เรื่อง“พรรค กปปส.” มีแต่น้องชาย ธานี เทือกสุบรรณ อดีต ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ออกมาคอนเฟิร์มว่า ตัวเองตั้งแน่ แต่ไม่เกี่ยวกับพี่ชาย ทว่าตามรายงานคนใน อย่างไร“กปปส.”มาแน่ เพราะเป็นหนึ่งในแผนกองหนุน ตีตั๋วให้ “ลุงตู่”พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เป็นผู้นำประเทศอีกเทอม

ส่วน “สุเทพ”ไม่มีตำแหน่งแห่งหนอะไรในพรรค เพราะประกาศไปแล้วว่าจะไม่เล่นการเมืองตลอดชีวิต บทอดีตกำนันขอเป็นแค่“จอมบงการ”เจ้าของพรรคตัวจริงหลังม่านเป็นพอ แล้วให้ อดีตแกนนำ กปปส. และบุคคลที่สังคมรู้ได้ว่า เป็นพวกเดียวกันกับม็อบนกหวีด เป็น“นอมินี”

ดังนั้น มาแน่ แค่อาจมาช้าหน่อย เพราะลำพังเรื่องตั้งพรรค อยู่ๆ“ธานี”คงไม่ออกมาเปิดปากยอมรับกันโต้งๆ เพียงแต่มันผิดคิวที่เตี๊ยมกันไว้ไปหน่อย เลยต้องกลับมาตั้งหลัก เซตบท เซตฉาก เซตตัวละคร ให้มันเข้าที่เข้าทางกว่านี้ ค่อยตีปี๊บเปิดตัว “พรรค กปปส.”
               
       แน่นอน อดีตแกนนำ กปปส. ที่เป็นสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ คงไม่สลัดตราสัญลักษณ์แม่พระธรณีบีบมวยผมกันทุกราย แล้วมาเข้าอีกค่ายแบบเต็มตัว อย่างที่รู้กันแม้จะเป็น “ขั้วกำนัน”แต่ในชีวิตจริง ยังต้องพึ่งพะยี่ห้อเก่าแก่ในการลงศึกเลือกตั้ง ยังต้องหวังกินบุญเก่าเอาชัวร์ไว้ก่อน

ขืนทะเล่อทะล่า ย้ายค่ายแบบมั่นใจตัวเอง ถ้าไม่ใช่อดีต ส.ส.เจ้าของพื้นที่ มีบารมีล้นหลาม ชาวบ้านติดงอมเฉพาะตัวบุคคล โอกาสสอบตก ส.ส.เขตในการเลือกตั้งมีสูง อย่างที่รู้กันประชาชนแดนสะตอ ยึดติดยี่ห้อสีฟ้ามากกว่าอะไร แม้ส.ส.ห่วยแค่ไหน แต่จะให้ปันใจไปที่ทางอื่นมันยาก

เอาเป็นว่า ตัวหลักๆ ที่จะไปอยู่กับ กปปส. มีไม่กี่คน ในพรรคใหม่ของ“ธานี”น่า จะเป็นพวกอดีตแกนนำ นักเคลื่อนไหว นักวิชาการ คนมีชื่อเสียง ที่เคยขึ้นเวทีม็อบนกหวีด ตะเพิดยิ่งลักษณ์ ชินวัตร แล้วกวักมือเรียก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เมื่อ 22 พฤษภาคม 2557 มากกว่า

เป้าหมายไม่ได้หวังกวาด ส.ส.เป็นกอบเป็นกำ น่าจะเป็นเพียงแค่“พรรคขนาดมินิ”พอมี ส.ส.เข้าไป มีปากเสียงในสภา และเป็นกองหนุนอีกหนึ่งเพื่อไปเป็นผนังทองแดงกำแพงเหล็ก ให้กับเหล่าท็อปบูต ในสภาผู้ทรงเกียติ ไม่ได้หวังเบียดแย่งมวลชนกับอดีตต้นสังกัด

เพราะว่ากันตามความจริง มวลชน กปปส. และฐานเสียงพรรคประชาธิปัตย์ เป็นกลุ่มเดียวกัน หนำซ้ำ ที่ผ่านมาไม่เคยมีปัญหาถึงขนาดว่า อยู่กับใครระหว่าง “กำนัน”หรือ “อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ”หัวหน้า พรรคประชาธิปัตย์ ในสายตาประชาชนทั้งคู่เป็นพวกเดียวกัน อยู่ตรงข้ามระบอบทักษิณ ดังนั้น เมื่อถึงคราวเลือกตั้ง อย่างไรเสีย โซนภาคใต้ก็ยังไม่วายเรียบร้อยโรงเรียนสีฟ้าเหมือนเดิม

ถามว่า เมื่อรู้ว่า แพ้แล้วจะแยกออกมาเพื่ออะไรให้เสียเวลา มองเผินๆ เหมือนว่า อาจจะต้องมานั่งตัดคะแนนกันเอง แต่สแกนให้ลึกลงไป ฝั่งตรงข้ามพรรคเพื่อไทย ไม่ว่าจะใช้แบรนด์ กปปส. หรือประชาธิปัตย์ มีแต่ได้กับได้ กับการเลือกยุทธศาสตร์แบบนี้
                  
   ตามที่สูตรนับคะแนนแบบใหม่ ต่อให้พรรคขนาดกลาง และพรรคขนาดเล็กใด จะไม่ได้ ส.ส.เลยสักเขต แต่ถ้าคะแนนของพรรคที่ส่งลงไปแข่ง รวมๆ กันแล้วถึงโควตาที่จะได้ ส.ส. ก็มีโอกาสที่จะได้ผู้ทรงเกียรติของสังกัดตัวเองเข้าไปแต่งสูท ผูกเนคไท อยู่ในสภาเหมือนกัน อยู่ที่ว่าคะแนนรวมกันทั้งประเทศ เป็นตัวเลขเท่าไหร่ มากพอจะได้ ส.ส.กี่คนเท่านั้น

ด้วยเหตุฉะนี้ การตั้งพรรค กปปส. จึงเป็นแนวคิดที่ได้มากกว่าเสีย คิดง่ายๆ แบบชาวบ้าน ในโซนภาคใต้ ถ้าทั้ง กปปส. และประชาธิปัตย์ ส่งผู้สมัครลงชิงชัยกันทุกเขตพื้นที่ ปรากฏว่า มีแต่ผู้สมัครจากพรรคประชาธิปัตย์ ที่เป็นฝ่ายกำชัยทุกเขตเลือกตั้ง แต่ถ้า กปปส.ได้คะแนนมาเป็นอันดับสอง ทุกเขตเช่นกัน คะแนนเฉลี่ยจะเยอะเอาเรื่อง แบบนี้ก็มีโอกาสที่จะได้ ส.ส.เข้าไปในสภานับสิบคน

มันก็คล้ายๆ กับยุทธศาสตร์ “แยกกันตี”ซึ่งก็เป็นโมเดลเดียวกับที่พรรคเพื่อไทยใช้ให้ “นอมินี”ไปจัดตั้งพรรคใหม่ เพื่อจะใช้สูตรเดียวกัน เพื่อเพิ่มปริมาณ ส.ส. ฟากตัวเองให้ได้มากที่สุด แม้จะคนล่ะยี่ห้อ แต่ก็เนื้อเดียวกัน

ที่ว่า กปปส. และประชาธิปัตย์ แตกกัน มันเป็นเพียงแค่เรื่องตัวบุคคล วันนี้แม้จะแยกทางเดินตามแนวทาง ความเชื่อตัวเอง แต่ไม่ใช่ว่า เกลียดขี้หน้า ผีไม่เผา เงาไม่เหยียบ แต่เพราะมันมีเงื่อนไขหลายอย่างที่ประชาธิปัตย์จะไปตามแนวทางของ“สุเทพ”ไม่ได้ทุกเรื่อง
               
       มัน เป็นสูตรสำเร็จ ในฐานะพรรคการเมืองตามระบอบประชาธิปไตย ที่ยึดภาพลักษณ์และหลักการมาแต่ไหน แต่ไร ดังนั้น พรรคประชาธิปัตย์ จึงไม่สามารถประกาศพร้อมสนับสนุน “บิ๊กตู่”เป็น อีกสมัยได้แบบเต็มปากเต็มคำ

ผิดกับอดีตกำนันท่าสะท้อน ที่วันนี้ไม่มีหัวโขนในนามพรรคอีกแล้ว การป่าวร้องว่าจะหนุนเนื่องใคร หรือแม้แต่นายทหาร ที่มาจากการรัฐประหาร ก็ไม่ผิด ไม่ต้องพะวง

ขณะเดียวกัน กปปส.และประชาธิปัตย์ ไม่มีทางอยู่คนละฝั่ง เพราะทั้งคู่มีศัตรูคนเดียวกันคือ พรรคเพื่อไทย ในฐานะตัวแทนของระบอบทักษิณ เมื่อถึงวันหนึ่ง หากมันถึงจุดที่ต้องเป็น“บิ๊กตู่”จริงๆ พรรคพระแม่ธรณีบีบมวยผม ไม่มีทางไปเป็นฝ่ายค้านร่วมกับพรรคเพื่อไทยแน่นอน

ขณะ ที่พรรคเพื่อไทยก็ไม่มีทางร่วมงานกับพรรคประชาธิปัตย์ เช่นเดียวกัน เพราะมวลชนสองฝั่งต่างเกลียดผู้นำของอีกฝ่ายชนิดเข้าไส้ ถ้าวันหนึ่งกลืนน้ำลาย ไปจูบปากกัน มีแต่มวลชนทั้งสองฟากจะตีจาก เพราะรับไม่ได้ ดังนั้น สูตรนี้ตัดทิ้งไปได้ในทางการเมือง

เมื่อเป็นเช่นนี้ ที่สุดประชาธิปัตย์ที่วันนี้ยังปฏิเสธการสนับสนุน“บิ๊กตู่”วันหนึ่งอาจจะต้องไปเป็นหนึ่งในองคาพยพของท็อปบูต ก็ได้ อย่าลืมว่า เมื่อถึงวันนั้น อะไรหลายๆ อย่าง มันจะเปลี่ยนแปลงไปไม่เหมือนวันนี้

“บิ๊กตู่”อาจถูกเข้าไปอยู่ในบัญชีของพรรคใดพรรคหนึ่ง ที่จะถูกเสนอเป็นนายกฯ หรือไม่ก็อาจจะมาในฐานะ “นายกฯคนนอก”ที่รัฐสภาปลดล็อกให้มาได้ ซึ่งไม่ว่าอย่างไร ทั้ง 2 วิธี ล้วนมาจากกลไกในรัฐธรรมนูญปี 2560 ที่เปิดช่องไว้ให้ ไม่ได้อยู่ดีๆ เสนอกันมาดื้อๆ

เมื่อถึงตรงนั้น ก็ถือว่า“บิ๊กตู่”มา ตามระบอบประชาธิปไตย ไม่ได้มีเงื่อนไขเหมือนวันนี้ ที่มาจากการยึดอำนาจ ประชาธิปัตย์ไม่ต้องพะวงเรื่องหลักการพรรค หรือภาพลักษณ์เรื่องพรรคการเมืองตามระบอบประชาธิปไตยที่ดันไปสนับสนุนทหาร ถ้าจะกลับลำในวันนั้น หันมาร่วมเป็นรัฐบาล ก็ไม่มีใครว่า หรือเสียหลักการ
                
     ตอนนี้ก็แค่รักษาสถานะ และรักษาราคา เพื่ออำนาจต่อรองในวันข้างหน้าเท่านั้น.




กำลังโหลดความคิดเห็น