xs
xsm
sm
md
lg

ผู้จัดการสุดสัปดาห์

x

โถ..สุเทพ พูดมาได้ ไม่มีเอี่ยว“พรรคเทือกสุบรรณ” “บิ๊กทหาร” เมิน - มุกชู “บิ๊กตู่” แป้ก “ขาใหญ่ ปชป.” ก็รู้ทัน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ผู้จัดการสุดสัปดาห์ - ทำท่าจะจุดไม่ติดซะแล้ว “พรรคมวลมหาประชาชน” ที่ออกหน้าโดย “กำนันเล็ก” ธานี เทือกสุบรรณ น้องชายคลานตามกันมาของ “กำนันเทือก” สุเทพ เทือกสุบรรณ ประธานมูลนิธิมวลมหาประชาชนเพื่อการปฏิรูปประเทศไทย (มปท.) และอดีตแกนนำ กปปส.

ดูคล้ายเป็นการออกตัวแรง ที่ไม่ได้เตี๊ยมกันมาก่อน อะไรๆ ก็เลยไม่เข้าที่เข้าทาง จนป่านนี้ที่ คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เปิดจดแจ้งให้ยื่นขอตั้งพรรคการเมืองมาเกินสัปดาห์แล้ว ก็ยังไม่เห็นเงา “กำนันเล็ก” จะโผล่ไปเข้าแถวกดบัตรคิว-กรอกแบบฟอร์มที่ออฟฟิศกกต.ซักที

ด้วย “ข้ออ้าง” ที่ดูจะฟังไม่ค่อยขึ้นเท่าไรว่า “ยังมีเวลาอีกเยอะ”

ไม่สมกับที่โฆษณาราวกับ “หนังฟอร์มยักษ์” ก่อนหน้านี้ ที่ “กำนันเล็ก” โวลั่นว่าจะกวาดที่นั่ง ส.ส.ไม่น้อยกว่า 30-50 เสียงเลยทีเดียว

แล้วที่ทำให้บรรยากาศกร่อยลงไปอีก ก็รายของ “พี่เทือก” ที่ออกมาพูดหลังจากที่ “กำนันเล็ก” ประกาศตั้งพรรคไม่นาน ออกไปในแนว “แตะเบรก - แทงกั๊ก” ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ว่า “น้องในไส้” กำลังจะไปตั้งพรรคการเมืองซะงั้น

“ส่วนตัวยังยืนยันในสัจจะที่เคยให้ไว้ ว่าจะไม่ยุ่งเกี่ยวกับการเมือง และไม่รับตำแหน่งทางการเมืองใดๆ รวมถึงแสดงเจตนาที่ชัดเจนว่า จะไม่ลงสมัครรับเลือกตั้ง และไม่ไปดำรงตำแหน่งกรรมการบริหารพรรค จะไม่มีการตั้งพรรคในนาม กปปส. เพราะภารกิจของ กปปส.ได้จบไปแล้วตั้งแต่วันที่ 22 พฤษภาคม 2557 ที่มีการทำรัฐประหาร แต่หากมีประชาชนต้องการสืบทอดเจตนารมณ์ของ กปปส. ก็สามารถ ตั้งพรรคการเมืองได้และผมพร้อมให้ คำปรึกษา แต่ทุกอย่างไม่เกี่ยวกับผม เพราะเป็นสิทธิของทุกคนที่สามารถทำได้”

เมื่อถามจี้ถึงกรณีที่น้องชายกำลังจะตั้ง “พรรคมวลมหาประชาชน” นั้น “สุเทพ” ตอบแบบไม่แคร์สังคมว่า “ไม่เกี่ยวกับโผ้มมมมม..” และถือเป็นสิทธิที่ “ธานี” จะทำได้ในฐานะประชาชน ไม่เกี่ยวกับการเป็นพี่ชาย-น้องชาย กันแต่อย่างใด

เป็นคำพูดที่ดูจะ “ไร้เดียงสา” ขึ้นมาอย่างกะทันหัน

ด้วยสถานะนักการเมืองสุดเขี้ยวอย่าง “เทพเทือก” ผนวกกับระบบ “กงสี-ครอบครัว” ตีความได้ไม่ผิดว่า การออกตัวของ “กำนันเล็ก” ก็ไม่ต่างจากที่ “กำนันเทือก” พูดออกมาเอง

ไม่ต้องไปฟังใครที่ไหน เอา “(อดีต) คนกันเอง” อย่าง นิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ที่ออกมาลากไส้ “พี่เทพ” เป็นขดๆว่า อย่างไรเสีย “พรรค กปปส.” ก็น่าจะมี แล้ว “สุเทพ” ก็คงส่งใครก็ได้มาเป็น “นอมินี” แทนตัวเอง

“คุณสุเทพไม่ได้พูดว่าจะไม่ตั้งพรรค ถ้าฟังดีๆ คุณสุเทพบอกว่าต้องฟังความเห็น กปปส.ก่อนว่าคิดอย่างไร” รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ว่าไว้

ยิ่งเมื่อถอดรหัสคำพูดของ “สุเทพ” ที่ระบุว่า “ภารกิจของ กปปส.ได้จบไปแล้วตั้งแต่วันที่ 22 พฤษภาคม 2557 ที่มีการทำรัฐประหาร...” ก็ยิ่งเสียราคา “ผู้นำมวลชน” ที่เคยได้รับการยกให้เป็น “ฮีโร่” จนมีแนวร่วมที่เรียกกันว่า “มวลมหาประชาชน” ออกมาเป็นหลักล้าน

การพูดแบบ “ไร้ความรับผิดชอบ” ว่างานของ กปปส.จบลงไปแล้วตั้งแต่มีรัฐประหารนั้น ทำราวกับว่าภารกิจของ กปปส.คือออกมาชุมนุมเพื่อเปิดทางให้ทหารออกมา “ยึดอำนาจ” หลงลืมไปหมดว่าตัวเองเป็นผู้แผดเสียงบนเวทีการชุมนุมถึงวาระ “ปฏิรูปประเทศ”

กลายเป็นน้ำคำนักการเมืองเขี้ยวลากดินคนเดิม ที่ดูจะเชื่อไม่ค่อยได้เท่าไร

ด้วยบรรทัดฐานเดียวกันนี้ จึงเชื่อไม่ได้เช่นกันว่า “สุเทพ” จะไม่มีส่วนรู้เห็นกับไอเดียการตั้งพรรคมวลมหาประชาชนของน้องชายตัวเอง เพราะตัวเขาเองก็เปรยมาตลอดว่า “อาจจำเป็นต้องจัดตั้งพรรคการเมือง” อีกทั้งพรรคที่ว่าก็จะขอ “ผูกเสี่ยว” ในการสนับสนุน “ลุงตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เสียด้วย

อ้าปากก็เห็นลิ้นไก่ ด้วย “สุเทพ” ผู้ทำตัวเป็น “เด็กดี” ในสายตาของ “บิ๊ก คสช.” แม้ว่าการขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศจะไปไม่ถึงไหนก็ตาม เมื่อ คสช.ปักหมุดว่าจะมีการเลือกตั้งราวเดือนกุมภาพันธ์ 2562 มีหรือ “นักการเมืองอาชีพ” อย่าง “กำนันเทือก” จะอยู่นิ่งได้

ในทางกลับกันคงพยายามเสนอตัวขอเป็น “นั่งร้าน” ในการต่อท่ออำนาจของ “รัฐบาล คสช.” ด้วยซ้ำ

เหตุไฉนจึงยังยึกยัก กลืนน้ำลายตัวเองบ่อยๆ ออกลูก “แทงกั๊ก” ไปเรื่อย

ก็คงด้วยรู้ดีว่า สถานการณ์ตอนนี้ต่างจากเมื่อ 3-4 ปีก่อน ทั้งตัว “สุเทพ และ กปปส.” เอง ที่ถูกจับได้ไล่ทันว่า แท้จริงแล้วก็ออกมาเคลื่อนไหวด้วยมีตัวตั้งเป็น “ผลประโยชน์ทางการเมือง” มากกว่าผลประโยชน์ส่วนรวมที่กล่าวอ้าง

อีกทั้งยังมีความพยายามเกาะเกี่ยววังวนอำนาจมาตลอดยุค คสช. โดยไม่สนใจขับเคลื่อนวาระปฏิรูปประเทศ หรือการตรวจสอบรัฐบาล คสช. อย่างที่เคยเคลื่อนไหวอย่างหนักจนโค่น “รัฐบาลยิ่งลักษณ์” เลย

แล้วยังมีผลสำรวจความคิดเห็นประชาชนจากสำนักต่างๆออกมา ที่ดูจะไม่เป็น “บวก” กับแนวทางตั้งพรรคของ กปปส. ทั้งการไม่เห็นด้วยพรรคการเมืองที่จะประกาศนโยบายสนับสนุน “พล.อ.ประยุทธ์” ให้เป็นนายกฯคนนอกภายหลังการเลือกตั้ง หรือคะแนนนิยมของ “ลุงตู่” และ คสช.ที่ตกต่ำอย่างต่อเนื่อง

ในขณะที่ กปปส.ก็เคลื่อนไหวอยู่ใน “แดนลบ” ส่วน “บิ๊กตู่” ที่หวังจะชูให้เป็นนายกฯก็เคลื่อนอยู่ใน “แดนลบ” เช่นกัน

ทู่ซี้เอา “ขั้วลบ” มาต่อกัน มีหวังช็อตตาย เจ๊งระเนระนาด

อีกทั้งยังมี “พรรคทางเลือก” ที่ชูรักแร้พร้อมสนับสนุนการต่อท่ออำนาจของ “รัฐบาล คสช.” อีกเพียบ การก่อร่างสร้าง พรรค กปปส. จึงไม่ใช่งานง่าย

เมื่อ “พลพรรคนกหวีด” ดูจะ “ไร้ราคา” ในสายตาคนทั่วไป หรือกระทั่ง “ขุนทหาร” ต่างจากเมื่อราว 4 ปีก่อน ทิศทางลมเช่นนี้แล้ว ประเมินไม่ยากว่า “ผู้แทน” ในสังกัดพรรค กปปส.คงจะแจ้งเกิดลำบาก

จึงไม่แปลกใจที่เมื่อมีข่าวจะตั้ง “พรรคมวลมหาประชาชน” กลับไม่ได้รับการตอบรับจาก “แกนนำ กปปส.” ซักเท่าใด ด้วยเหตุผลสวยหรูออกแนวไว้หน้ากันอย่าง “ขึ้นอยู่กับความสมัครใจของแต่ละคน”

ปรากฎว่าเมื่อเช็คชื่อกันดีๆแล้ว นาทีนี้ก็มีแค่ “กำนันเล็ก” กับ เชน เทือกสุบรรณ สองพี่น้องตระกูลเทือกสุบรรณ อดีต ส.ส.สุราษฎร์ธานี ที่จะลาออกไปสังกัดพรรคมวลมหาประชาชนเท่านั้น

ที่ยังออกลูกลังเลก็มีรายของ “ลูกหมี” ชุมพล จุลใส อดีต ส.ส.ชุมพร ที่ข่าวว่ามีปัญหาด้านสุขภาพ จนอาจไม่พร้อมในการเลือกตั้งหนหน้า ตลอดจน 2 อดีต ส.ส.กทม.อย่าง ณัฏฐพล ทีปสุวรรณ - พุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ ที่ยังรอตัดสินใจในนาทีสุดท้าย

ส่วนแกนนำรายอื่นเซย์โนกันหมด ไล่ตั้งแต่ วิทยา แก้วภราดัย - ถาวร เสนเนียม - สาทิตย์ วงศ์หนองเตย - ชินวรณ์ บุณยเกียรติ อดีตผู้แทนภาคใต้หลายสมัย ที่รู้ดีว่า ธรรมชาติการเมืองของแดนสะตอ หากทะลึ่งไปสวมเสื้อสีอื่นลงเลือกตั้ง มีหวังได้เป็น “ส.ต.สอบตก” แหงแก๋

เช่นเดียวกับแกนนำจากภูมิภาคอื่นอย่าง พ่อเลี้ยงชัยวุฒิ บรรณวัฒน์ แห่ง จ.ตาก หรือภาคอีสาน พ่อใหญ่อิสสระ สมชัย ผู้มีบทบาทสำคัญตลอดช่วงการชุมนุม กปปส. กลับประกาศก่อนใครเพื่อนว่าไม่ไปร่วม “พรรคลุงกำนัน” แน่นอน

ที่ตลกร้ายสุดๆ ก็รายของ “ลูกขิง” เอกนัฏ พร้อมพันธุ์ อดีต ส.ส.กทม. และอดีตโฆษก กปปส. หัวแก้วหัวแหวนของ ศรีสกุล เตชะไพบูลย์ หวานใจของ “ลุงกำนัน” ก็ยังเมิน “พรรคพ่อเลี้ยง” เช่นเดียวกับ “สาวตั๊น” จิตภัสร์ กฤดากร อดีตเซเลบฯ คนสำคัญของ กปปส.ก็ยังหมายมั่นที่จะได้เป็น ส.ส.ครั้งแรกในสีเสื้อประชาธิปัตย์เช่นกัน

เมื่อระดับ “แกนนำ - บิ๊กเนม” เมินกันเป็นแถบ ทำไปทำมาจาก “พรรค กปปส.” จะกลายเป็น “พรรคเทือกสุบรรณ” ซะมากกว่า

ไม่เท่านั้นยังเจอ ต้นสังกัดเก่าฟากฝั่ง พรรคประชาธิปัตย์ ตลบหลังด้วยการแก้เกมด้วยการ ส่งสัญญาณเน้นไปที่ “อดีต ส.ส.ภาคใต้” ให้แสดงความจำนงรายงานตัวกับพรรคทันที เพื่อยืนยันสถานะความชัดเจนว่า จะอยู่พรรคประชาธิปัตย์ต่อไปหรือไม่

นัยว่าเช็กชื่อครั้งสุดท้าย หากใครยังคิด “เหยียบเรือสองแคม” ก็หมดโอกาสสวมเสื้อประชาธิปัตย์ลงเลือกตั้งหนหน้า

มีหรือที่คนอย่าง “สุเทพ” จะยอมง่ายๆ ระดับนี้ไม่เดินดุ่มๆด้วยแผนการเดียว แผนเอ-แผนบี-แผนซี มีให้งัดมาใช้อีกเยอะ แม้รู้ดีว่าการตั้ง “พรรค กปปส.” ผลลัพธ์ที่ออกมาอาจจะเป็นแค่ “พรรคไม้ประดับ” แต่หากคิดจะเกาะเกี่ยวอยู่ใน “วงจรอำนาจ” อย่างไรเสีย “ของมันต้องมี” ก็เท่ากับว่า “พรรคมวลมหาประชาชน” เกิดแน่ โดยมี “ลุงกำนัน” ทำตัวเป็น “อีแอบ” อยู่เบื้องหลัง

การตั้ง “พรรคลุงกำนัน” จึงเป็นการเดินเกมขาหนึ่งเพื่อสร้าง “บ้านสำรอง” ไว้เท่านั้น อีกขาที่สำคัญคือการสั่งสมพลังให้กับพรรค แต่ครั้นจะลุ้นปั้น ส.ส.เอาเองก็ดูท่าจะหืดจับ

จึงน่าสนใจว่า การที่ “แกนนำ-บิ๊กเนม” ของ กปปส.ประกาศปักหลักอยู่กับ พรรคประชาธิปัตย์ จะเป็นแผน “ฝากเลี้ยง” หรืออาจถึงขนาดเดินเกมลึกตามกลยุทธ์ “ม้าไม้เมืองทรอย” ก่อนแอบเข้าไปยึดพื้นที่หรือไม่

ด้วยรัฐธรรมนูญ-กฎหมายใหม่นั้นค่อนข้างเอื้อให้ ส.ส.เป็นอิสระจากพรรคต้นสังกัด สามารถลงมติในสภาฯไม่ต้องอิงมติพรรค หาก “แกนนำ - บิ๊กเนม” ของ กปปส.แห่กันเข้าสภาฯในสีเสื้อประชาธิปัตย์ได้พอสมควร แล้วเกิดปล่อยให้ “เทพเทือก” สั่งซ้ายหันขวาหันได้ ทีนี้ล่ะยุ่งแน่

อย่าลืมว่า ก่อนหน้านี้ “สุเทพ” มีความพยายามในการเดินเกมยึดค่ายประชาธิปัตย์ เพื่อหวังไปเร่ขายเป็น “พรรคนอมินีทหาร” มาแล้ว แต่ก็ไม่สำเร็จ เมื่อเจอ “ขาใหญ่” ที่นำโดย ชวน หลีกภัย ประธานสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ ยืนจังก้าเป็นแบ็คให้ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรค ขวางไว้ได้

จากนั้น “ความหวาดระแวง” ที่ “ทีมอภิสิทธิ์” มีต่อ “ทีม กปปส.” ก็แผ่เข้าปกคลุม “ค่ายสีฟ้า” มาโดยตลอด ทำให้ไอเดีย “เลือกตั้งเชิงยุทธศาสตร์” ที่ล้อไปกับ “สูตรจัดสรรปันส่วนผสม” ที่จะใช้ในการเลือกตั้งหนที่จะถึงนี้ กับการ “เกี้ยะเซียะ” ขอเข้าป้ายเป็นที่ 2 ต่อจากผู้สมัครประชาธิปัตย์ เพื่อเพิ่มยอด ส.ส.บัญชีรายชื่อ ซึ่งทาง “ทีมสุเทพ” พยายามเขี่ยเข้าวงสนทนาของ “ขาใหญ่ ปชป.” ยังไม่ได้รับการตอบรับเท่าที่ควร

แม้จะแผนที่ดีในการร่วมกันกวาดที่นั่ง ส.ส.สู้กับ “ระบอบทักษิณ” แต่รู้ไส้รู้พุงกันว่า มันมีช่องให้ “ทรยศ - หักหลัง” กันได้นั่นเอง

ที่น่าสนใจคือท่าทีของ “อภิสิทธิ์” ที่พูดชัดว่า ไม่สามารถเดินไปแนวทางเดียวกับพรรคการเมืองที่จะสนับสนุน “ประยุทธ์” เป็นนายกฯ คนนอกหลังการเลือกตั้งได้ ด้วยขัดอุดมการณ์-หลักการของพรรคประชาธิปัตย์

ชอตนี้ถือเป็นการแทงสวนจุดยืนของ “พี่เทพ” เข้าอย่างจังแล้วก็ยังเป็นการส่งสัญญาณที่สร้างความหวาดหวั่นให้กับ “ทีม กปปส.” ที่ยังเกาะชายคาพรรคประชาธิปัตย์อยู่ด้วย

ด้วยภาวการณ์ที่ “พรรค กปปส.” ไม่ใช่ตัวเลือกแรกในใจ “บิ๊กทหาร” อีกทั้งยังไม่มีความมั่นใจในฐานเสียงของตัวเอง ด้วยรู้ดีกว่าพื้นที่ทับซ้อนอยู่กับพรรคประชาธิปัตย์อย่างแยกไม่ออก ครั้นคิดจะกลับบ้านเก่า ก็ดูจะไม่ต้อนรับ แค่ส่งเด็กในเครือไป “ฝากเลี้ยง” ไว้ ก็ยังมีความหวาดระแวงเคลือบอยู่ จนอาจทำให้ใครที่พะยี่ห้อ “เด็กกำนัน” อาจถูกเขี่ยทิ้งอย่างไม่ไยดีก็เป็นได้

จึงไม่แปลกที่ช่วงนี้ “กำนันเทือก” จะแทงกั๊ก เดินเกมการเมืองสะเปะสะปะ กลืนน้ำลายจนเคยตัวเช่นนี้




กำลังโหลดความคิดเห็น