ตัวแทนชาวบ้าน"กลุ่มรักบ้านเกิด" โวยขรก.เมืองเพชร กีดกันชาวบ้านรวมตัวยื่นเรื่องร้องเรียน"บิ๊กตู่" กรณีก่อสร้างโรงไฟฟ้าขยะ ที่ อ.บ้านลาด ซ้ำขู่จะดำเนินคดีหากทำให้เกิดความวุ่นวาย เผยล่าสุดนายกฯ เปลี่ยนโปรแกรม ไม่ลงพื้นที่ อ.บ้านลาด แล้ว ด้าน "วัชระ"แนะ "บิ๊กตู่" ควงภริยาเดินตลาด แล้วจะรู้ถึงความรู้สึกของประชาชน ที่มีต่อรัฐบาล พร้อมประมวล "5 ยิ่ง" ของรัฐบาลคสช. ที่บริหารงานมา 3 ปีเศษ "ยิ่งอยู่ยิ่งจน-ยิ่งโกง-ยิ่งโกหก-ยิ่งไม่มีอนาคต-ยิ่งสืบทอดอำนาจ"
จากกรณี นายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรีจะเดินทางลงพื้นที่ จ.สมุทรสาคร และจ.เพชรบุรี ระหว่างวันที่ 5-6 มี.ค. และจะมีการประชุมคณะรัฐมนตรีนอกสถานที่อย่างเป็นทางการ (ครม.สัญจร) ในวันที่ 6 มี.ค.ที่ จ.เพชรบุรีนั้น ก็มีรายงานข่าวว่า ผู้บริหารระดับสูงของ จ.เพชรบุรี มีข้อสั่งการขอให้ประชาชนในพื้นที่ งดการยื่นข้อร้องเรียนใดๆ รวมทั้งจะดำเนินคดีตามกฎหมาย หากมีประชาชนเคลื่อนไหวให้เกิดความวุ่นวาย ในช่วงการประชุมครม.สัญจร ในครั้งนี้
นายพสิษฐ์ ภวังคะนันท์ ตัวแทนชาวบ้านกลุ่มรักบ้านเกิด ที่คัดค้านการดำเนินโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานขยะ ของบริษัทเอกชน ในพื้นที่ ต.ท่าเสน อ.บ้านลาด จ.เพชรบุรี กล่าวว่า พวกเราได้เดินหน้าคัดค้านเรื่องนี้มากว่า 1 ปีแล้ว จนถึงวันนี้ยังไม่มั่นใจว่า สุดท้ายแล้วปัญหาของพวกตนจะได้รับการช่วยเหลือ หรือไม่ เมื่อทราบว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคสช. จะลงพื้นที่ตรวจราชการที่ อ.บ้านลาด ก็ได้ประสานเพื่อไปต้อนรับนายกฯ และขอไปยื่นหนังสือ ต่อนายกฯให้ได้รับทราบปัญหาโดยตรง แต่ข้าราชการ พร้อมด้วยผู้นำชุมชน กลับกีดกัน โดยเลือกเอากลุ่มคนที่ไม่ได้รับผลกระทบจากโรงไฟฟ้าพลังงานขยะดังกล่าวไปต้อนรับคณะของนายกฯ รวมทั้งยังพยายามกีดกันกลุ่มของพวกตนไม่ให้เข้าไปในพื้นที่ เพราะกลัวว่าพวกตนจะยื่นหนังสือถึงมือนายกฯ และขณะนี้ทราบว่านายกฯ ได้เปลี่ยนจุดลงพื้นที่เพื่อพบปะประชาชน โดยไม่ลงพื้นที่ อ.บ้านลาดแล้ว แต่พวกชาวบ้านก็ขอยืนยันว่า จะทำทุกวิถีทาง เพื่อให้ได้ร้องเรียนต่อนายกฯ ให้ได้ ไม่เช่นนั้นคงไม่มีใครมาเหลียวแลปัญหาของประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนจากโรงงานไฟฟ้าขยะ ที่จะก่อสร้างที่ ต.ท่าเสน อ.บ้านลาด จ.เพชรบุรี ซึ่งมีความไม่ชอบมาพากล และจะนำความเดือดร้อนมาสู่ชาวบ้าน
นายพสิษฐ์ กล่าวด้วยว่า กลุ่มคนรักบ้านเกิด พยายามคัดค้านการก่อสร้างโรงไฟฟ้าพลังงานขยะ แห่งนี้ มาตั้งแต่เดือน พ.ค.60 เนื่องจากพื้นที่โรงไฟฟ้าอยู่ใกล้ โรงเรียงวัดเขาทะโมน และวัดเขาทะโมน วิทยาลัยการอาชีพบ้านลาด และ แหล่งน้ำสาธารณะ ถือว่าอยู่ใจกลางชุมชน หากปล่อยให้มีการดำเนินการ จะกระทบกับความเป็นอยู่ของประชาชนในพื้นที่เป็นอย่างมาก อีกทั้งการรับฟังความคิดเห็นประชาชนก่อนหน้านี้ ก็ไม่ได้เปิดกว้าง มีการเกณฑ์คนที่ไม่ใช่คนในพื้นที่ ซึ่งไม่ได้รับผลกระทบไปให้ความคิดเห็น พวกตนซึ่งเป็นคนในพื้นที่ กลับไม่มีโอกาสแสดงความคิดเห็น
"ตั้งแต่รวมตัวกันคัดค้าน ก็ถูกคุกคามจากผู้มีอิทธิพลในพื้นที่ที่สนับสนุน และมีผลประโยชน์จากการก่อสร้างโรงไฟฟ้า และก่อนหน้านี้พยายามยื่นหนังสือร้องเรียนไปยังหน่วยราชการหลายครั้ง ก็ไม่มีความคืบหน้า และเราไม่รู้ว่าขณะนี้การขออนุญาตโครงการดังกล่าว เดินหน้าถึงไหนแล้ว ชาวบ้านก็ได้แต่หวาดระแวง กลัวว่าเขาจะเริ่มสร้าง แล้วไม่สามารถหยุดยั้งได้อีก พอนายกฯ มาลงพื้นที่แล้ว ข้าราชการไม่ให้ร้องเรียนถึงความเดือดร้อนอีก ก็ไม่รู้จะให้นายกฯเหนื่อยมาทำไม" นายพสิษฐ์ กล่าว
** “วัชระ”สะท้อน”5ยิ่ง”ของรัฐบาลคสช.
นายวัชระ เพชรทอง อดีต ส.ส. พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึง กรุงเทพโพลล์ ที่ระบุว่า รัฐบาลได้คะแนนเพิ่มขึ้นทุกด้าน แต่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี มีคะแนนลดลงเกือบทุกด้าน ว่าเมื่อรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ มีคะแนนเพิ่ม แล้วเหตุใดตัวของผู้นำรัฐบาล จึงมีคะแนนนิยมลดลง สิ่งนี้ย่อมแสดงออกถึงนัยยะสำคัญของผู้คนในสังคมว่า ความนิยมต่อตัว พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เริ่มลดลงตามลำดับ แม้ประชาชนที่ถูกสำรวจจะมองว่ารัฐบาลมีผลงานก็ตาม แต่ที่ดีกว่าผลสำรวจก็คือ ขอเสนอแนะให้ พล.อ.ประยุทธ์ ไปเดินจ่ายตลาดกับ รศ.นภาพร จันทร์โอชา ภริยา สองต่อสอง โดยจะไปตลาดสด ตลาดนัด หรือตลาดริมฟุตบาธ ที่ไหนก็ได้ แล้วพล.อ.ประยุทธ์ จะรู้ว่าความจริงกับในโพล มันแตกต่างกันลิบลับ
ทั้งนี้ ความรู้สึกของพี่น้องประชาชนในขณะนี้ พอสรุปประมวลได้อย่างสังเขปเป็น 5 ยิ่ง คือ
1. ประชาชนรู้สึกว่า ตนเองยิ่งจนลงๆ "ยิ่งอยู่ ยิ่งจน" รัฐบาลไม่สามารถแก้ไขปัญหาทางเศรษฐกิจได้ ของแพง สินค้าเกษตร ราคาตกต่ำ รัฐบาลเข้าข้างนายทุน คนรวย เสียงเรียกร้องของชาวบ้านไม่เคยมีความหมาย
2. ประชาชนเห็นว่า "ยิ่งอยู่ ยิ่งโกง" พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี พูดเด็ดขาด ขึงขัง ปราบโกง แต่คนรอบข้างในแม่น้ำ 5 สายโกงเป็นว่าเล่น แตะไปที่กระทรวงไหน ก็พบการทุจริต โกงแม้กระทั่งเงินคนจน คนไร้ที่พึ่ง คนป่วยโรคเอดส์
3. ประชาชนเห็นว่าคำพูดของท่าน เชื่อถือไม่ได้ "ยิ่งอยู่ ยิ่งโกหก" ท่านสัญญาจะปฏิรูปบ้านเมืองเมื่อ 3 ปีที่แล้ว แต่ไม่มีอะไรเป็นรูปธรรมจับต้องได้เลยแม้แต่น้อย เวลาของประเทศที่สูญหายไปใครจะรับผิดชอบ
4. ประชาชนเห็นว่าท่าน "ยิ่งอยู่ ยิ่งไม่มีอนาคต" แม้จะมีแผนยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี แต่ประชาชนไม่ได้มีส่วนกำหนดอนาคตด้วยตนเองแต่อย่างใด มิหนำซ้ำยังเอื้อประโยชน์ต่อนายทุนต่างชาติ ให้เช่าที่ดินได้ 99 ปี อนาคตของประเทศจะไม่เป็นอาณานิคมของชาติ หมดหรือ
5. ประชาชนเห็นว่า ท่าน "ยิ่งอยู่ ยิ่งสืบทอดอำนาจ" ท่านไม่เคยมองตนเอง เกือบ 4 ปีที่ผ่านมา มีอำนาจตาม มาตรา 44 สูงสุด เด็ดขาด แต่ผู้เดียวในประเทศ กลับไม่ใช้อำนาจปฏิรูปประเทศ ยังหลิ่วตาให้จัดตั้งพรรคการเมืองทหาร หรือสนับสนุนพล.อ.ประยุทธ์ ให้เป็นนายกฯ คนนอกสมัยหน้าอีก แสดงว่าท่านไม่รู้จักคำว่าพอ ประชาชนจึงเห็นว่า ท่านอยากเป็นนายกฯ ไปเรื่อยๆไม่มีที่สิ้นสุด
"ผมจึงขอให้พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้โปรดพิจารณาความรู้สึกนึกคิดของพี่น้องประชาชนในขณะนี้ ว่าเขาอึดอัดมาก อยู่อย่างสิ้นหวัง ผลโพล แค่ภาพลวงตาเหมือนปลายยอดภูเขาน้ำแข็ง ที่โผล่พ้นน้ำมาเท่านั้น ถึงวันนี้ท่านต้องยอมรับความจริงว่า คณะรัฐประหาร และรัฐบาลของท่าน ประสบความล้มเหลวอย่างสิ้นเชิง ในการปฏิรูปประเทศ และการปราบปรามการทุจริต คอร์รัปชัน" นายวัชระ กล่าว