xs
xsm
sm
md
lg

ผู้จัดการสุดสัปดาห์

x

"หมอธี” ฮีโร่เป็นฮีร่วง รู้สึกผิดหรือแค่ยึดติดตำแหน่ง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ผู้จัดการสุดสัปดาห์ -จาก“ของจริง”ที่ไปกล่าวกับนักเรียนไทย และนักธุรกิจไทย ในงานเลี้ยงรับรองที่สถานเอกอัครราชทูตไทย ที่กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ เมื่อวันที่ 9 ก.พ. ถึงประเด็นนาฬิกาหรูของ “บิ๊กป้อม”พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ว่าหากเป็นตัวเองจะลาออกตั้งแต่เรือนแรกแล้ว กลายเป็น“ของปลอม”ทันทีที่กลับถึงประเทศไทย สำหรับ“หมอธี”นพ.ธีระเกียรติ เจริญเศรษฐศิลป์ รมว.ศึกษาธิการ

แรกๆ หลังปรากฏคำให้สัมภาษณ์ ทุกคนที่ได้ยินต่างให้คำชื่นชม “หมอธี”กันอย่างกว้างขวางว่า เป็นรัฐมนตรีน้ำดี เพราะกล้าวิพากษ์วิจารณ์ “บิ๊กป้อม”คนที่ในบรรดาแม่น้ำ 5 สาย ทั้งเกรงและกลัว ที่สำคัญ สามารถเขี่ยใครสักคนหนึ่งออกจากวงโคจรได้สบาย ในฐานะผู้มากบารมีตัวจริงในรัฐบาล และคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) แต่เจ้าของรหัส “เสมา 1”คนปัจจุบันกล้าหาญมากถึงมากที่สุด ที่กล้าพูด

ที่ผ่านมา“หมอธี”แทบจะเป็นรัฐมนตรีโลกลืมด้วยซ้ำ ตั้งแต่ยังเป็นแค่ รมช.ศึกษาธิการ แม้แต่มาเป็นรมว.ศึกษาธิการแล้วก็ตาม แต่พลันที่คำให้สัมภาษณ์ถูกเผยแพร่ภายใน 24 ชั่วโมง ไม่มีใครไม่รู้จักชายที่ชื่อ ธีระเกียรติ เจริญเศรษฐศิลป์ เรียกว่า ดังเป็นฮีโร่ภายในข้ามคืน

แม้แต่ตอนที่มีข่าวออกมาว่า “หมอธี”แสดงทัศนะดุเดือด ทุกคนอ่านแล้วยังเชื่อว่า หลักแน่น ยึดความถูกต้องเป็นหลัก การที่กล้าพูดย่อมแสดงให้เห็นว่า ไม่เกรงกลัวต่ออำนาจ หรือบารมีใคร ดังนั้นถ้ามีปัญหาจริง เจ้าตัวจะยื่นใบลาออก เพราะไม่สามารถทำงานร่วมกับคนที่มีมลทินติดตัวอย่าง “บิ๊กป้อม”ได้
 
แต่สุดท้ายนั่นเป็นเพียงสิ่งที่ทุกคนคิด เพราะสิ่งที่ รมว.ศึกษาธิการทำหลังจากล้อเครื่องบินถึงรันเวย์ประเทศไทย คือ หลบเลี่ยงนักข่าว

แรกๆ ข่าวครึกโครมว่า อาจจะตัดสินใจลาออกแน่ๆ เพราะคำสัมภาษณ์ต่อประเด็นแหวนแม่ นาฬิกาเพื่อนของ “บิ๊กป้อม”มันรุนแรง หนักหน่วง คงไม่สามารถร่วมงานกันได้อีกแล้ว การแยกย้ายคือทางออกที่ดีที่สุด อีกทั้งยังเป็นการแสดงจุดยืนว่า สิ่งที่“หมอธี”พูดนั้น เป็นคำพูดที่มาจากจิตสำนึกของตัวเองล้วนๆ

ทว่า“หมอธี”เลือกที่จะแจ้นเดินทางเข้าพบ “บิ๊กตู่”พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้า คสช. กับ“บิ๊กป้อม”เพื่อขอโทษขอโพยต่อเรื่องดังกล่าว แน่นอนการวิพากษ์วิจารณ์เพื่อนร่วมงานอย่าง“บิ๊กป้อม”ถือเป็นการเสียมารยาทจริง ในฐานะที่เป็นรัฐมนตรีอยู่ในครม.ด้วยกัน แทนที่จะเลือกพูดกันเป็นการภายใน แต่กลับออกไปพูดข้างนอก

เหมือนเป็นการประจานเรื่องความฟอนเฟะในรัฐบาล ดังนั้น การขอโทษดังกล่าว ถือเป็นเรื่องถูกต้อง
 
แต่การขอโทษของ“หมอธี”ครั้งนี้ เป็นการขอโทษที่เสียมารยาทจริง หรือเพราะตัวเองไม่สามารถปล่อยวาง ลาภ ยศ สรรเสริญได้ จึงต้องทำแบบนี้เพื่อรักษาเก้าอี้ตัวเองกันแน่ เพราะโดยวิสัยของ“คนจริง”แล้ว เมื่อพูดรุนแรงขนาดนั้น และคู่กรณีรับทราบแล้ว เพื่อรักษาจุดยืน จะขอโทษที่เสียมารยาทแต่จะไม่ทิ้งหลักการของตัวเอง คือ ยอมไขก๊อกเพื่อจบปัญหา

อย่างน้อยการลาออกก็เพื่อทำให้เห็นว่า“หมอธี”ไม่สามารถอยู่ร่วมกับคนลักษณะนี้ เพื่อตอกย้ำให้เห็นว่า ที่พูดแบบนั้นไม่ได้พูดเอาหล่อ เอาเท่ แต่พูดจากความรู้สึกจริงๆ ซึ่งถ้าทำแบบนี้ เจ้าตัวจะกลายเป็นรัฐมนตรีคนหนึ่งที่ทุกคนจดจะจำไปนานแสนนาน ในฐานะที่รังเกียจการคอร์รัปชัน และความไม่ถูกต้องทั้งหลายทั้งปวง

แต่เมื่อขอโทษขอโพย แล้วยังอยู่ในครม.ต่อ โดยอ้างว่า ยังมีความเชื่อมั่นในตัว“บิ๊กตู่”แบบร้อยเปอร์เซ็นต์ ตรงนี้กลายเป็นว่า คนไม่เชื่อว่า ที่อยู่เพราะเชื่อมั่นใน“บิ๊กตู่” แต่เพราะยังยึดติดกับเก้าอี้ ยังอยากมียศ มีตำแหน่ง เลยต้องทำเพื่อรักษาผลประโยชน์ตรงนี้เอาไว้ โดยไม่สนใจหลักการ หรือน้ำคำที่ตัวเองป่าวประกาศออกไป ที่ประเทศอังกฤษ

จากเป็น“ฮีโร่”เพียงชั่วข้ามคืน “หมอธี”เปลี่ยนร่างเป็น“ฮีร่วง”ไป
 
กลายเป็นว่า คำพูดที่ประเทศอังกฤษเป็นแค่คำพูดหล่อๆ ที่ต้องการสื่อสารออกมาให้ตัวเองดูดี หรือเรียกง่ายๆว่า เอาดีเข้าตัวไว้ก่อน โดยไม่คิดว่า มันจะหลุดมาถึงประเทศไทยจนเกิดเรื่องเกิดราว และการที่อ้างว่าเป็นความเห็นส่วนตัวนั้น ข้อนี้ยิ่งฟังไม่ขึ้น เพราะความเห็นส่วนตัวนี่แหละคือ ตัวตน จุดยืน ทัศนคติตัวเอง ซึ่งสำคัญมากๆ ในทุกๆ เรื่อง

การตัดสินใจเป็นฝ่ายขอโทษ จึงเป็นการรักษาตัวเองให้ยังมีตำแหน่งเท่านั้นในสายตาทั้งสังคม ไม่ใช่เพราะรู้สึกว่าเสียมารยาทต่อ "บิ๊กป้อม" จริงๆ ในขณะที่ “บิ๊กตู่”เอง ก็อยากจะให้เรื่องนี้จบโดยเร็ว ไม่ใช่เพราะไม่ได้ติดใจ

หากแต่ว่า ถ้าเอา“หมอธี”ออกจากครม. จะยิ่งกระเพื่อม จะถูกคนนินทา หมาดูถูกว่า ยอมทิ้งคนดี เพื่อปกป้องพี่ตัวเองอย่าง“บิ๊กป้อม”ที่คนทั้งสังคมไม่เชื่อน้ำคำ ว่า ยืมนาฬิกาเพื่อนมา

ขณะเดียวกัน ถ้าให้“หมอธี”ออก จะทำให้เสถียรภาพของรัฐบาลสั่นคลอนทันที เพราะรัฐมนตรีทะเลาะเบาะแว้งกัน ถือเป็นเรื่องใหญ่ จะกลายเป็นวาทกรรม คนดีๆไม่สามารถทำงานร่วมกับรัฐบาลชุดนี้ได้ แสดงว่ารัฐบาลก็ไม่ได้ใสสะอาดจริงอย่างที่เที่ยวโพนทะนา มันจึงไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากรีบสงบศึกโดยเร็วที่สุด

เพื่อหยุดลิ่มความขัดแย้งครั้งนี้ ที่มีโอกาสจะบานปลาย

กระนั้น แม้มันจะจบเร็วสมใจอยาก “หมอธี”ยังอยู่ที่เดิมไม่ไปไหน “บิ๊กป้อม”ไม่ได้พูดอะไร แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่า แค่ขอโทษแล้วมันจบเลย แต่มันเป็นไฟต์บังคับ ให้ต้องจบเพื่อรักษาส่วนรวม ทั้งที่ความจริง มนุษย์ที่มีรัก โลภ โกรธ หลง อย่าง “บิ๊กป้อม”ย่อมไม่โอเคกับการที่โดนรัฐมนตรีในรัฐบาลเดียวกันพูดในลักษณะนี้ เพื่อเอาดีเข้าตัว

อีกทั้งเรื่องแหวนแม่ นาฬิกาเพื่อน มันซาๆ ไปเยอะหลังเกิดกรณี “พรานไฮโซ”เปรมชัย กรรณสูต ประธานบริหาร บริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) เข้ามาแย่งซีน จนมีเวลาพักหายใจหายคอไปได้หลายวัน แต่อยู่ๆ คนรัฐบาลอย่าง“หมอธี”ดันไปพูดแบบนี้ ที่เป็นการดึงประเด็นนี้กลับมาสู่ความสนใจของสังคมอีกครั้ง เป็นใครก็ต้องเคืองเป็นธรรมดา เพียงแต่มันต้องจบ เพื่อรักษาองค์รวมของรัฐบาล 

แล้วบาดแผลครั้งนี้ย่อมไม่หายง่ายๆ แน่ คนอย่าง“บิ๊กป้อม”ไม่ลืมง่ายๆ ว่า ใครทำอะไรกับตัวเอง เพียงแต่จังหวะตอนนี้มันยังไม่ได้เท่านั้นเอง แต่เมื่อได้โอกาสเสือตะวันออกจะออกมาตะปบ เพื่อเป็นการเอาคืนแน่ๆ

แต่จะเอาคืนรูปแบบไหนอย่างไรไม่สำคัญ แต่ที่เกิดขึ้นแน่ๆ คือ การทำงานหลังจากนี้มันยากที่จะทำงานร่วมกันได้ อย่างไรก็มองหน้ากันไม่ติด ซึ่งมันไม่ส่งผลดีต่อการทำงานในรัฐบาลเลย
 
“หมอธี”ไม่ได้แค่ดึงเรื่องนาฬิกากลับมาอย่างเดียว แต่ตอนนี้ประเด็นเรื่องการถือครองหุ้นเกิน 5 เปอร์เซ็นต์ของรัฐบาล ก็กลับมาอีกครั้ง หลังจากตัวเองถูกตรวจสอบว่า เข้าข่ายผิดกฎหมาย ซึ่งมันไม่ได้ซวยคนเดียว 

แต่มันจะพารัฐมนตรีคนอื่นที่อยู่ในข่ายซวยด้วยเหมือนกัน



กำลังโหลดความคิดเห็น