xs
xsm
sm
md
lg

แนะ“เปรมชัย”รับสารภาพ โดนเพิ่มอีก“พยายามติดสินบน”

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

“หัวหน้าวิเชียร” ปิติ “ทูลกระหม่อมหญิงฯ” ทรงชื่นชมการทำงาน ขอบคุณ “คนไทย” ส่งกำลังใจให้มีพลังปกป้องป่า ซัด “เจ้าสัว” ไม่เกรงกลัว กม. ลั่นคนทุ่งใหญ่มีศักดิ์ศรี ไม่ต้องการเงินแม้แต่บาทเดียว "รมว.ทรัพย์" มั่นใจหลักฐานชัด “จรัมพร” แนะสารภาพ ไม่ต้องสู้คดีให้เสียเวลา "ประยุทธ์" ลั่นใครช่วยโดนลงโทษหมด "อ.ยักษ์" คาดคนประสานเปิดทางเข้าป่าเป็น “อดีตบิ๊กขรก.” เผยตัวละครลับชื่อย่อ “น.” อดีต ผอ.กระทรวงทรัพย์ รับจ๊อบที่ปรึกษา บ.ก่อสร้างยักษ์ใหญ่ ขอไฟเขียว “แก๊งพรานเปรมชัย” ล่าสัตว์ทุ่งใหญ่ ระทึก “สื่อนอก - ไซเตส" จับตาคดี

จากกรณีนายวิเชียร ชิณวงษ์ หัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวร ด้านตะวันตก ได้นำเจ้าหน้าที่เข้าทำการจับกุม ตัวนายเปรมชัย กรรณสูต ประธานบริหาร บริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) (บมจ.อิตาเลียนไทยฯ) พร้อมพวกรวม 4 คน พร้อมของซากสัตว์ป่าคุ้มครอง คือ ไก่ฟ้าหลังเทา ซากเนื้อเก้ง ซากเสือดำ ถูกชำแหละและถลกหนัง รวมถึงอาวุธปืนและเครื่องกระสุนจำนวนมาก เมื่อวันที่ 4 ก.พ.ที่ผ่านมา

วานนี้ (8 ก.พ.) ที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้มีการประชุมคณะกรรมการสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า ที่มี พล.อ.สุรศักดิ์ กาญจนรัตน์ รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกรณีการจับกุม นำโดย นายวิเชียร ชิณวงษ์ หัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวร ด้านตะวันตก เข้าร่วม

ภายหลังการประชุม นายวิเชียร กล่าวถึงกรณีที่ ทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตน์ ราชกัญญาสิริวัฒนาพรรณวดี โพสต์ให้กำลังใจและชื่นชมการทำงานของนายวิเชียร และ ทีมงานนั้น รู้สึกปลาบปลื้มใจมาก เหมือนน้ำทิพย์ตกลงมาบนยอดหญ้า ให้ชุ่มชื่นใจ และเป็นพระมหากรุณาธิคุณอย่างมาก สร้างกำลังใจให้เจ้าหน้าที่มีแรงจะทำงานต่อไปได้

“ในนามของทุ่งใหญ่ ขอขอบคุณพี่น้องชาวไทยทุกคน ที่ส่งกำลังใจให้เราต่อสู้ฝ่าฟันก้าวข้ามความกดดันเหตุการณ์ตรงนี้ แต่การปฏิบัติงานในครั้งนี้ ผมไม่ได้ทำคนเดียว มีทีมงานอีกกว่า 200 ชีวิตที่ช่วยปกป้องผืนป่าไว้ด้วย หากไม่มีกำลังเหล่านี้ เราคงทำงานไม่ราบรื่น กำลังใจของพวกท่านที่ส่งให้มามีพลังเป็นร้อยเท่าพันเท่าในการที่จะปกป้องทรัพยากรธรรมชาติของชาติไทยต่อไป” นายวิเชียร กล่าว

นายวิเชียร ยังเล่าถึงการเข้าจับกุมคณะของนายเปรมชัยด้วยว่า ตอนแรกเราก็เข้าไปเพื่อตักเตือนและให้คำแนะนำ ให้นักท่องเที่ยวได้ประพฤติตัวอย่างถูกต้อง เพียงแต่ว่ามีการเพิกเฉยและดื้อรั้นเกิดขึ้น มันก็เลยนำไปสู่การพบพิรุธสงสัย ถ้าเขาเชื่อเราแต่แรกตามที่แนะนำ เราจะไม่สามารถรู้ได้เลยว่าเขาเข้ามาล่าสัตว์ การที่กล้าพักแรมในเวลากลางคืนทั้งที่เป็นป่าลึกและไม่อนุญาตให้อยู่จุดนั้น ซึ่งเป็นเรื่องน่าแปลกใจ มีความแตกต่างจากผู้ที่มาลักลอบล่าสัตว์ทั่วไป มักจะแอบทำหลบหลีกจากเจ้าหน้าที่ แต่คณะของนายเปรมชัย มาแบบเปิดเผย เหมือนไม่มีความเกรงกลัวต่อกฎหมาย พอไม่ปฏิบัติตามก็จะมีข้อสงสัยว่าซ่อนอะไรอยู่หรือเปล่า จึงเดินหาและตรวจ จนค่อยๆ โผล่ขึ้นมาทีละเปลาะ

ผู้สื่อข่าวถามว่า มีใครมาเจรจากับโดยตรงหรือไม่ว่าขอให้ไม่เอาเรื่องหรือขอให้ยอม นายวิเชียร กล่าวว่า เป็นปกติ เพียงแต่ก็ไม่ได้พูดตรงๆ เขาไม่ได้เสนอว่าต้องเป็นกี่บาทกี่อะไร ก็เป็นการพูดหยั่งเชิงดูว่าเราจะมีท่าทีเอนเอียงไปทางเขาหรือไม่

เมื่อถามว่าทางเรารู้ว่าเขาเป็นผู้บริหารบริษัทใหญ่ในตอนไหน นายวิเชียร กล่าวว่า ในตอนที่เอาไปควบคุมตัว ในจุดเกิดเหตุก็มีการสอบถามว่าเป็นใครอะไร แต่เขาไม่ได้พูดเอง แต่เป็นผู้ติดตามที่บอกว่าเป็นเจ้านายใหญ่ของบริษัทนั้นบริษัทนี้ และมีการเอ่ยชื่อบริษัท ก็ทราบในตอนนั้น แต่ไม่ได้มีการเชื่อมโยงไปถึงใครที่จะมาช่วยเคลียร์คดีให้

”เขาก็ไม่ได้พูดว่าเป็นแขกวีไอพี แต่เป็นการสื่อให้เราทราบว่าเขาทำงานที่นี่ ชื่อนี้ แต่เราก็ไม่ได้สนใจอะไรและทำไปตามหน้าที่ จะเป็นใครก็ช่าง หากทำผิดก็ว่ากันไปตามกระบวนการทางกฎหมายโดยเด็ดขาด ผมขอเรียนว่า คนทุ่งใหญ่ศักดิ์ศรีเรามี ถึงแม้เราจะอยู่ในป่า เราไม่ได้ร่ำรวย แต่เราก็ไม่ได้ต้องการเงินจากคุณเปรมชัยแม้แต่บาทเดียว” นายวิเชียร ระบุ

ด้าน พล.อ.สุรศักดิ์ ในฐานะประธานคณะกรรมการสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่าแห่งชาติ เปิดเผยว่า มีพยานหลักฐานสำคัญที่พบว่ามีการกระทำความผิดจริง จึงหารือกันว่าทำอย่างไรจะรวบรวมข้อมูลหลักฐานให้สมบูรณ์ที่สุด แม้ว่านายเปรมชัยจะยืนกรานปฏิเสธ แต่พยานแวดล้อมความผิดนั้นชัดเจนทั้ง 9 ข้อหา โดยเรื่องนี้นายกรัฐมนตรีได้ย้ำว่าต้องดำเนินการอย่างตรงไปตรงมา พยานแวดล้อมและหลักฐานมีความชัดเจน เราต้องดำเนินคดีให้ถึงที่สุด

เมื่อถามถึงกระแสความเป็นห่วง นายวิเชียร ว่าจะถูกกลั่นแกล้งทางราชการนั้น พล.อ.สุรศักดิ์ กล่าวว่า เขาเป็นคนทำงานดี ได้รับการคัดเลือกให้มาอยู่ตำแหน่งนี้ และเขาก็ทำงานสำเร็จ ตนจึงไม่รู้ว่าการโยกย้ายนั้นจะอยู่บนพื้นฐานอะไร ส่วนเรื่องความปลอดภัยของเขาก็ต้องช่วยกันดูแล

ขณะที่ พล.ต.อ.จรัมพร สุระมณี อดีตรอง ผบ.ตร. ในฐานะผู้เชี่ยวชาญการตรวจสอบหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ กล่าวเสริมว่า อยากฝากถึงกลุ่มผู้ต้องหาว่า การปฎิเสธหรือการต่อสู้คดีอาจทำให้เสียเวลา เพราะเจ้าหน้าที่ได้เก็บพยานหลักฐานทั้งหมดไว้และมั่นใจว่าสามารถดำเนินคดีเอาผิดได้ ทั้งนี้หากผู้กระทำผิดยอมรับจะเป็นประโยชน์กับตัวเองมากกว่า เปลี่ยนวิกฤตสำนึกผิด แล้วนำความสามารถมาพัฒนาผืนป่า เชื่อว่าสังคมจะให้โอกาส

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เพจเฟซบุ๊ก “Gen.Prayun Chan-o-cha ทีมงาน” ซึ่งเป็นเพจทีมทำงานของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้โพสต์ข้อความว่า นายกฯย้ำเจ้าหน้าที่ กรณีเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวร กาญจนบุรี "ตรงไปตรงมา ห้ามช่วยใครเด็ดขาด" พร้อมโพสต์ภาพ พล.อ.ประยุทธ์ และมีข้อความบนภาพว่า "ทำคดีตรงไปตรงมา ห้ามช่วยใครเด็ดขาด ไม่ว่าจะผู้ถูกกล่าวหา ข้าราชการ หรือใครก็ตามที่เกี่ยวข้อง"

ด้าน นายวิวัฒน์ ศัลยกำธร รมช.เกษตรและสหกรณ์ กล่าวถึงกรณีที่มีกระแสข่าวระบุว่ามีอดีตบิ๊กในกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ทำหน้าที่เป็นผู้ประสานกับผู้ใหญ่ในกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเพื่ออำนวยความสะดวกให้คณะของนายเปรมชัยเข้าไปในพื้นที่ป่าทุ่งใหญ่นเรศวร ว่า ยังไม่ทราบว่าเป็น ใครที่เป็นอดีตบิ๊กเกษตรฯคนดังกล่าว ซึ่งเราไปตรวจสอบไม่ได้เพราะไม่ได้ทำงานในกระทรวงแล้ว เท่าที่ทราบในขณะนี้กระทรวงเกษตรฯก็ไม่มีใครไปยุ่งเกี่ยว ที่สามารถเข้าไปล่า สัตว์ป่าใกล้สูญพันธุ์ และเป็นสถานที่ไม่มีใครเข้าได้เป็นพื้นที่หวงห้าม หากลักลอบเข้า ต้องมีเจ้าหน้าที่รับผิดชอบต้องเคลียร์ทุกประเด็น ในเรื่องของการอำนวยความสะดวก ผู้เกี่ยวข้องคงหาได้ ว่าเข้าไปได้อย่างไร

รายงานข่าวจากกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติฯแจ้งว่า เบื้องต้นมีข้อมูลในเชิงลึกว่ามีอดีต ผอ.สำนักฯแห่งหนึ่งของกรมอุทยานฯ ชื่ออักษรย่อ “ผอ.น.” ซึ่งเกษียณอายุราชการไปแล้ว และทำงานในฐานะที่ปรึกษากับบริษัทก่อสร้างยักษ์ใหญ่ลำดับต้นๆ ของเมืองไทยได้โทรศัพท์ติดต่อมายัง น.ส.กาญจนา นิตยะ ผอ.สำนักอนุรักษ์สัตว์ป่า เมื่อต้นเดือน ก.พ.ที่ผ่านมาเพื่อขอให้อำนวยความสะดวกกับกลุ่มนายเปรมชัย แต่เนื่องจากเวลากระชันชิดจึงออกหนังสือไม่ทัน ประเด็นนี้แม้กลุ่มพรานมหาเศรษฐีจะอ้างว่าได้ขออนุญาตแล้วแต่เมื่อยังไม่ได้รับการพิจารณาจึงถือว่าเป็นการลักลอบเข้าไปซึ่งเป็นความผิดชัดเจน

“ประเด็นสำคัญอยู่ที่อดีต ผอ.น. ใช้ความเป็นข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ของกรมอุทยานฯและปัจจุบันเปลี่ยนสภาพไปเป็นที่ปรึกษา หรือลูกน้องของบริษัทก่อสร้างยักษ์ใหญ่มีส่วนทำให้ น.ส.กาญจนา รู้สึกเกรงใจหรือมีการสั่งด้วยวาจากับ เจ้าหน้าที่คนใดหรือเปล่าตรงนี้ต้องมีการสอบสวนและหากยังคงอยู่ในตำแหน่ง ผอ.สำนักอนุรักษ์สัตว์ป่าต่อไปก็อาจจะเป็นอุปสรรคต่อการสอบสวนหาข้อเท็จจริงซึ่งหากออกมาแนวนี้สถานการณ์ของ น.ส.กาญจนา จะอยู่หรือไปจึงล่อแหลมเป็นอย่างยิ่ง” แหล่งข่าว ระบุ

อย่างไรก็ตาม นายธัญญา เนติธรรมกุล อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช กล่าวถึงเรื่องที่มีกระแสข่าวในโซเซียลระบุว่า จะย้าย น.ส.กาญจนา ออกจากตำแหน่งว่า ยืนยันว่ายังไม่เคยคิดเรื่องนี้ และยังไม่เคยพูดเรื่องนี้เลย รวมทั้งยังไม่มีใครพูดเรื่องนี้ด้วย เพราะเวลานี้ น.ส.กาญจนาไม่ได้ทำความผิดอะไรเลย

ขณะที่ นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ออกมายอมรับว่า หลายประเทศสมาชิก อนุสัญญาว่าด้วยการค้าระหว่างประเทศซึ่งชนิดสัตว์ป่าและพืชป่าที่ใกล้สูญพันธุ์ (ไซเตส) จับตาคดีนี้เป็นจำนวนมาก สังเกตได้จาก สื่อต่างประเทศรายงานข่าวความคืบหน้าอย่างต่อเนื่อง เพราะเสือดำเป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม ที่ขึ้นอยู่ในบัญชีอนุรักษ์ ของ ไซเตส ตลอดจน พื้นที่ป่าทุ่งใหญ่นเรศวร ด้านตะวันตก ถูกจัดอยู่ในมรดกโลก

สำหรับกรณีคลิปเสียงการเจรจาในระหว่างจับกุมนายเปรมชัยนั้น พล.ต.อ. ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รอง ผบ.ตร. ระบุภายหลังการสอบปากคำ เจ้าหน้าที่ของกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช และบุคคลที่เกี่ยวข้องว่า เจ้าหน้าที่กรมอุทยานสัตว์ป่าและพันธุ์พืช ได้ร้องทุกข์ เอาผิดนายเปรมชัย กรรณสูต ประธานบริษัทอิตาเลียนไทย และพวก ในข้อหาติดสินบนเจ้าพนักงานเพิ่มเติม จากเดิมที่ตั้งข้อหาไว้ 9 ข้อหา รวมเป็น 10 ข้อหา จากความพยายามในการเจรจาขอให้ไม่ติดใจเอาความในเรื่องนี้ โดยมีความพยายามที่จะนำสิ่งของต่างๆมาบริจาคให้กับเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า หรือตามที่ทางเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าต้องการ ตามที่ข้อมูลส่วนหนึ่งที่ปรากฏผ่านคลิป ในขณะที่หนึ่งในเจ้าหน้าที่ได้อัดคลิปเอาไว้ระหว่างการเข้าจับกุม

“จากการตรวจสอบพบว่า เข้าข่ายติดสินบนเจ้าหน้าที่ แค่เริ่มพูดก็ถือว่าเข้าข่ายผิดแล้ว ตอนนี้เจ้าหน้าที่กำลังติดตามและรวบรวมข้อเท็จจริง ในส่วนของหลักฐานที่ระบุใครเป็นคนยิง ตอนนี้คือ ร่วมกันล่าสัตว์ป่า เท่ากับร่วมกันยิง ในหลักฐานที่พบซากหนังเสือกับเนื้อเสือมีรอยถูกยิง 5 รูชัดเจน ตอนนี้หลักฐานที่ได้มาถือว่าสมบูรณ์ โดยไม่จำเป็นต้องสนใจว่าใครเป็นผู้ยิง ซึ่งการนำปืนเข้าไปก็ถือว่าผิดแล้ว” พล.ต.อ. ศรีวราห์ กล่าว.


กำลังโหลดความคิดเห็น