xs
xsm
sm
md
lg

ผ่านกม.อีอีซีวันนี้-"สมคิด"กางแผนปั้มศก.ฐานราก

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ผู้จัดการรายวัน360- “สมคิด” นำทัพดรีมทีมเศรษฐกิจตอกย้ำศก.ไทยเทคออฟแล้ว กางแผนปั๊มความมั่งคั่งไปสู่เศรษฐกิจฐานรากกระจายความรวยให้ทั่วถึง ขับเคลื่อนนโยบายทุกด้านเชื่อมโยงคู่ขนาดเศรษฐกิจท้องถิ่น(Local Economy) ยันไม่คิดทำการเมืองแต่อนาคตเป็นเรื่องของดวงชะตา "สนธิรัตน์" เตรียมดันเป้าส่งออกปี 61 โตมากกว่า 6% "อุตตม" ชี้อีอีซีปีนี้ถือเป็นปีแห่ง Action ลุยโครงสร้างพื้นฐาน ขณะที่คลังอัดฉีดงบกลางปีเพิ่มปั๊มศก.ไหลลงสู่ฐานราก ด้านสนช เตรียมเห็นชอบ กม.อีอีซี วันนี้ ( 8 ก.พ.) ดันรมว.กลาโหม ร่วมนั่งบอร์ด คุมเศรษฐกิจ

นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ปาฐกถาหัวข้อ "ไทยแลนด์ เทคออฟ 2018" ว่า ตั้งแต่รัฐบาลนี้เข้ามาบริหารได้ทำให้เศรษฐกิจไทยเลิกทรุดและมีการเติบโตต่อเนื่องและปี 2561 เครื่องยนต์เศรษฐกิจทุกตัวพร้อมที่จะเดินหน้าต่อแต่จะเป็นการเติบโตที่เข้มแข็งเพราะรัฐบาลจะบริหารให้เกิดความสมดุลที่ให้มีการคู่ขนานกับเศรษฐกิจท้องถิ่น(Local Economy) เชื่อมโยงลงทุน ส่งออก ท่องเที่ยว กับภาคเกษตร ชุมชน วิสาหกิจขนาดกลางและย่อม(เอสเอ็มอี)

" ส่งออกปีที่แล้วก็โตเกือบ 10% ปีนี้พาณิชย์ได้ยินว่าจะโต 6% ก็คงต้องถามพาณิชย์อีกครั้งให้ชัด ส่วนการลงทุนตั้งเป้าปีนี้จะมียอดขอรับส่งเสริมการลงทุน 7.2 แสนล้านบาท การท่องเที่ยวโตอีก เอสเอ็มอีเองไม่เคยมีรัฐบาลชุดไหนที่ชูเท่ารัฐบาลชุดนี้แต่จะทำให้เข้มแข็งมันไม่ง่ายเราก็จะต้องพยายามให้ก้าวไปสู่ดิจิทัล ถ้าทุกอย่างสงบเครื่องยนต์เราก็พร้อมทำงาน โดยการเทคออฟเศรษฐกิจไทยขอให้ติดตามการจัดงาน ไทยแลนด์ เทคกิ้ง ออฟ ทูนิวไฮ ของสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน(บีโอไอ)" ซึ่งจะสะท้อนภาพได้อย่างดี"นายสมคิดกล่าว

ส่วนโครงการไทยนิยมยั่งยืนนั้นต้องเข้าใจว่า สิ่งที่รัฐบาลตั้งใจคือจะนำคนลงพื้นที่ในการขอข้อมูลเชิงลึก และการปฏิรูปประเทศที่ต้องทำแบบการเคลื่อนเพื่อให้ประชาชนรับรู้ว่ารัฐทำอะไรและจะช่วยเขาอย่างไรให้ถูกจุด ไม่ได้มีเจตนาไปหาเสียงไม่มีความจำเป็นเลยไม่มีใครคิดทำการเมืองถ้าอนาคตจะมีก็เป็นเรื่องของดวงชะตา ดังนั้นขอให้ทุกพรรคการเมืองสบายใจได้และให้ร่วมมือกันทำบ้านเมืองสงบเพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจไปข้างหน้าและเชื่อว่าไม่ว่าพรรคไหนก็มีหน้าที่เดียวกันคือทำให้บ้านเมืองเจริญ

นายอุตตม สาวนายน รมว.อุตสาหกรรม กล่าวว่า เศรษฐกิจไทยเทคออฟแล้วแต่ต้องบินให้เร็วและมีศักยภาพซึ่งไทยมียุทธศาสตร์ไทยแลนด์ 4.0 มีเป้าหมายชัดเจนโดยอุตสาหกรรมมีแผนไปสู่อุตสาหกรรม 4.0 ด้วยการมุ่งพัฒนาอุตสาหกรรมเป้าหมายใหม่ในพื้นที่ระเบียงเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก(อีอีซี) โดยปีนี้อีอีซีถือเป็นปีแห่งการ ACTION ที่จะเดินหน้าพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน 5 โครงการได้แก่ รถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน ท่าเรือมาบตาพุดเฟส 3 ท่าเรือแหลมฉบังเฟส 3 สนามบินอู่ตะเภา และโครงการศูนย์ซ่อมอากาศยาน ซึ่งจะมีการออก TOR ให้เกิดการลงทุน ขณะที่อุตสาหกรรมเป้าหมายก็มีการลงทุนต่อเนื่อง

"ขณะนี้ร่างพ.ร.บ.อีอีซีจะเข้าสู่การพิจารณาของสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) วันที่ 8 ก.พ.นี้ถ้า ผ่านก็เหลือแค่ขั้นตอนทางกฏหมายที่จะประกาศใช้ต่อไปซึ่งจะสร้างความเชื่อมั่นกับผู้ที่เกี่ยวข้อง และให้กับประชาชนผู้อยู่อาศัยในพื้นที่ ที่จะมีกฎหมายดูแลอย่างครอบคลุมทั่วถึง และอีอีซีถือเป็นเครื่องยนต์อีกตัวที่สำคัญต่อการขับเคลื่อนศก. ขณะเดียวกันเราก็จะเน้นที่จะพัฒนาเอสเอ็มอีที่เป็นฐานเศรษฐกิจสำคัญควบคู่ไปด้วยให้เกิดการเชื่อมโยงกันอย่างสมดุล"นายอุตตมกล่าว

นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า การทำให้คนไทยพ้นความยากจนต้องทำให้เศรษฐกิจโตแต่ต้องโตแบบยั่งยืนด้วยที่ผ่านมาคลังเน้นมาตรการแบบผ่อนคลายปีนี้ก็จะเพิ่มงบกลางปีอีก 1.5 แสนล้านบาทซึ่งจะทำให้ปีนี้ขาดดุลรวม 5.5 แสนล้านบาทโดยยืนยันว่าไม่กระทบต่อฐานะการคลังแต่อย่างใดโดยสิ่งที่ทำงบกลางปีเพิ่มจะเน้นมาดูแลผุ้มีรายได้น้อยให้ครอบคลุมมากขึ้น การปรับตัวของเกษตรกร ฯลฯ

"อีอีซีจะเป็นเครื่องยนต์ตัวใหม่ในการขับเคลื่อน ความมั่งคั่ง โดยยอมรับว่าเมื่อเศรษฐกิจโตความมั่งคั่งจะไหลจากบนล่างเหมือนกับน้ำ ถ้าปล่อยธรรมชาติไหลช้า รอไม่ได้รัฐบาลจึงมีโครงการปั๊มความมั่งคั่งไปสู่ระดับล่าง"นายอภิศักดิ์กล่าว

นายสนธิรัตน์ สนธิจีรวงศ์ รมว.พาณิชย์กล่าวว่า ทีมเศรษฐกิจชุดนี้มองตาก็รู้ใจคือสิ่งที่สำคัญในการขับเคลื่อนไปในทิศทางเดียวกันอย่างเหนียวแน่น โดยกระทรวงพาณิชย์หัวใจสำคัญคือการส่งออกที่จะเป็นตัวขับเคลื่อนจีดีพี การส่งออกจึงถือเป็นเครื่องจักรใหญ่ซึ่งปี 60 ส่งออกโต 9.9% และในปี 2561 จากการหารือของผู้ส่งออกเองได้มองเป้าหมายเติบโตไว้ที่ 6 % แต่กระทรวงพาณิชย์มีเป้าหมายที่มองไปมากกว่านั้นโดยจะรอตัวเลขชัดเจนหลังการหารือกับทูตพาณิชย์ทั่วโลก 21-22 ก.พ.นี้ก่อน

สำหรับ การขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานราก ซึ่งกระทรวงฯ จะให้ความสำคัญในการดูแลสินค้าเกษตร เพราะถ้าสินค้าเกษตรไม่ดี ก็ไม่ต้องพูดถึงการขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานราก ซึ่งจะเห็นได้ว่า หลังจากเข้ามารับตำแหน่งเกือบ 3 เดือน ได้มีการแก้ไขปัญหาสินค้าเกษตร โดยเฉพาะปาล์มน้ำมัน ได้แก้ปัญหาสต๊อกล้น จนกลับมาปกติ ทำให้ราคาปาล์มสดอยู่ที่ 3.80 บาทต่อกิโลกรัม (กก.) มีแนวโน้มขึ้นไปถึง 4 บาทต่อกก. ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ราคา 9.50-9.60 บาทต่อ กก. มันสำปะหลัง 2.40-2.45 บาทต่อ กก. และข้าวเปลือก โดยเฉพาะข้าวเปลือกหอมมะลิราคา 1.7 หมื่นบาทต่อตัน และยังได้ขับเคลื่อนในเรื่องผลไม้ ผลักดันให้ไทยเป็นมหานครผลไม้ของโลก

นอกจากนี้ ได้เข้าไปช่วยเหลือด้านค่าครองชีพให้กับประชาชนผู้มีรายได้น้อย โดยได้ผลักดันร้านค้าธงฟ้าประชารัฐ ซึ่งขณะนี้ได้ติดตั้งเครื่องรูดบัตรแล้ว 2 หมื่นแห่ง และอีก 2 เดือนข้างหน้าจะเพิ่มอีก 2 หมื่นแห่ง รวมเป็น 4 หมื่นแห่ง และทำการเชื่อมโยงตลาดนำสินค้าของเกษตรกร ผู้ผลิตชุมชนเข้าไปจำหน่าย ซึ่งจะช่วยให้เกิดการหมุนเวียนเศรษฐกิจฐานรากอย่างมาก ส่วนในเฟส 2 กระทรวงฯ ได้เน้นการฝึกอาชีพทั้งการทำร้านอาหาร เสริมสวย แม่บ้าน และสร้างอาชีพให้กับผู้มีรายได้น้อย ผ่านการลงทุนในแฟรนไชส์

นายกฤษฎา บุญราช รมว.กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวงว่า ปี 2560 ยางพาราส่งออกอันดับหนึ่ง มากกว่าข้าว และในปีนี้ก็พบว่าเศรษฐกิจโลกดีจึงคาดว่าการใช้ยางพาราจะเพิ่มมากขึ้น ประกอบกับพบว่ามีการพัฒนาเทคโนโลยีที่จะทำผลิตภัณฑ์จากยางมากขึ้นโอกาสที่ราคาจะกลับมาดีจึงมีมากและจุดเด่นคือยางพาราเก็บไว้ได้นานจึงมีแนวคิดที่จะนำสหกรณ์เกษตรมาทำให้เป็นผู้ประกอบการซึ่งเรามีเป้าหมายที่จะเทคออฟให้ดีขึ้นและระยะยาวจะให้ผลผลิตทางการเกษตรที่เกินหรือล้นตลาดจะไม่เกิดขึ้น

*** สนช.เตรียมเห็นชอบ กม.อีอีซี วันนี้
รายงานข่าวแจ้งว่า การประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ในวันนี้ (8 ก.พ.) มีวาระการพิจารณา ร่าง พ.ร.บ.เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก พ.ศ.... ในวาระที่ 2 และ 3 ซึ่งคณะกรรมาธิการ (กมธ.)วิสามัญ ที่มีนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานได้พิจารณาเสร็จแล้ว

ทั้งนี้ ร่าง พ.ร.บ.ดังกล่าว มีสาระสำคัญ คือ การกำหนดให้พื้นที่ จ.ฉะเชิงเทรา ชลบุรี และ ระยอง และพื้นที่อื่นใดที่อยู่ในภาคตะวันออกที่กำหนดเพิ่มเติมโดยพระราชกฤษฎีกา เป็นเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก และในกรณีที่มีความจำเป็นเพื่อประโยชน์ในการดำเนินการจัดทำโครงสร้างพื้นฐาน และระบบสาธารณูปโภคที่มีประสิทธิภาพ มีความต่อเนื่อง ประชาชนสามารถเข้าถึงได้โดยสะดวก และเชื่อมโยงกันอย่างเป็นระบบโดยสมบูรณ์ จะตราพระราชกฤษฎีกาให้พื้นที่บางส่วนในเขตจังหวัดอื่นที่ติดต่อ หรือเกี่ยวข้องกับพื้นและเฉพาะพื้นที่เท่าที่จำเป็นเพื่อประโยชน์ในการดำเนินการดังกล่าว ให้เป็นเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออกด้วยก็ได้

ขณะที่ มาตรา 8 ซึ่งเกี่ยวกับการป้องกันผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม คณะกมธ.วิสามัญฯ ได้กำหนดให้การดำเนินการโครงการ หรือกิจการใด ภายในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก ที่ต้องจัดทำรายงานประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม จากเดิมที่กำหนดให้ต้องจัดทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม มาตรา 10 ว่าด้วยคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก คณะกมธ.วิสามัญฯได้เพิ่มสัดส่วนให้ รมว.กลาโหม และรมว.ศึกษาธิการ เข้ามาเป็นกรรมการดังกล่าวด้วย แต่ยังคงให้นายกรัฐมนตรี ทำหน้าที่เป็นประธานกรรมการตามเดิม

มาตรา 51/1 เป็นบทบัญญัติที่ คณะกมธ.วิสามัญเขียนมาใหม่ เพื่อใช้มาตรการทางภาษีจูงใจให้บุคคลเข้ามาทำงานเขตส่งเสริมเศรษฐกิจพิเศษ โดยบัญญัติว่า เพื่อประโยชน์ในการส่งเสริม ให้บุคคลผู้มีความรู้ความสามารถพิเศษอันจะเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาเทคโนโลยีและก่อให้เกิดนวัตกรรมเข้ามาประกอบกิจการ หรือทำงานในเขตส่งเสริมเศรษฐกิจพิเศษ บุคคลดังกล่าวรวมทั้งคู่สมรส บุพการี และบุตร ที่อยู่ในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออกหรือเขตส่งเสริมเศรษฐกิจ อาจได้รับการลดหย่อนภาษี สิทธิเกี่ยวกับการเข้าเมือง และการขออนุญาตทำงาน และสิทธิอื่นเพิ่มเติม ทั้งนี้ ตามที่คณะกรรมการนโยบายประกาศกำหนดก็ได้


กำลังโหลดความคิดเห็น