ผู้จัดการรายวัน 360 - ตลาดหุ้นไทยผันผวนในแดนลบ ต่ำสุดติดลบว่า 52 จุด ก่อนจะมีแรงซื้อเข้ามาทำให้ดัชนีปิดที่ 1,788.43 จุด ลดลงอีก 21.89 จุด มูลค่าการซื้อขายคึกคักกว่า 1.24 แสนล้านบาท เผยนักลงทุนต่างชาติเทขายหุ้นสุทธิ 2 วันกว่า 7 พันล้านบาท ด้านนักวิเคาะห์แนะเก็งกำไรระยะสั้น วันนี้อาจร่วงต่อ หลังดาวโจนส์ฟิวเจอร์ยังลดฮวบ
บรรยากาศการลงทุนในตลาดหุ้นไทย วานนี้ (6 ก.พ.) ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ยังคงปรับตัวลดลงอย่างรุนแรงตามทิศทางตลาดหุ้นทั่วโลก โดยปรับตัวแตะระดับต่ำสุดที่ 1,758.31 จุด หรือลดลงจากวันก่อนกว่า 50 จุด ก่อนจะเริ่มมีแรงซื้อขายมาในช่วงบ่ายทำให้ดัชนีเริ่มปรับตัวเพิ่มขึ้น แตะระดับสูงสุดของวันที่ 1,792.17 จุด และปิดการซื้อขายที่ 1,788.43 จุด ลดลง 21.89 จุด หรือคิดเป็น 1.21% มูลค่าการซื้อขายตลอดทั้งวันคึกคักกว่า 124,498.18 ล้านบาท
โดยนักลงทุนต่างประเทศยังคงเทขายหุ้นออกมาอย่างต่อเนื่อง ยอดขายสุทธิ 2,198.95 ล้านบาท และนักลงทุนรายย่อยซื้อสุทธิ 7,594.17 ล้านบาท หากรวม 2 วันนักลงทุนต่างชาติขายสุทธิรวมกว่า 7,335 ล้านบาท และดัชนี 2 วัน ร่วงไปกว่า 38.84 จุด
สำหรับหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 3 อันดับแรก ได้แก่ บมจ.ปตท. (PTT) มูลค่าการซื้อขาย 11,559.81 ล้านบาท ราคาปิดที่ 484.00 บาท ลดลง 16.00 บาท บมจ.อินโดรามา เวนเจอร์ส (IVL) มูลค่า 6,213.70 ล้านบาท ปิดที่ 53.25 บาท ลดลง 0.25 บาท และบมจ.ท่าอากาศยานไทย (AOT) มูลค่า 6,081.28 ล้านบาท ปิดที่ 69.25 บาท ลดลง 0.50 บาท
นายประกิต สิริวัฒนเกตุ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล. กสิกรไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยได้รับแรงกดดันจากตลาดหุ้นต่างประเทศทั่วโลก รวมถึงปัจจัยจากการทำธุรกรรมโดยการใช้กลไกอนุพันธ์เข้ามาช่วย (บล็อกเทรด) ซึ่งจะมีกำไรมากกว่าหุ้น เช่น หุ้นได้กำไร 1% บล็อกเทรดจะได้กำไร 10-20% ทำให้ราคาหุ้นร่วงหนัก
อย่างไรก็ตาม ดัชนีที่ร่วงต่ำกว่า 1,800 จุด ไม่ได้มีนัยสำคัญที่สะท้อนว่าดัชนีตลาดหุ้นปรับลดลงอย่างผิดปกติ ซึ่งคาดว่าในช่วง 1-2 วันนี้ ดัชนีตลาดหุ้นจะปรับขึ้น จากการประกาศนโยบายของคณะกรรมการธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ซึ่งส่งสัญญาณว่าเงินเฟ้อต่ำกว่าเป้าหมาย ขณะเดียวกันมองว่าผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนขนาดเล็กๆ จะออกมาดี
นางสาวธีรดา ชาญยิ่งยงค์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล. ฟิลลิป กล่าวว่า ภาพรวมตลาดหุ้นไทยผันผวนรุนแรงในแดนลบตลอดทั้งวันตามตลาดหุ้นภูมิภาค โดยระหว่างวันดัชนีฯดิ่งลงไปกว่า 52 จุด ซึ่งยังคงมาจากประเด็นเรื่องของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯกดดันตลาด ทำให้นักลงทุนกังวลว่าตลาดหุ้นไทยจะเข้าสู่ช่วงพักตัว รวมถึงตลาดหุ้นไทยถือว่าระดับราคา (Valuation)
ส่วนแนวโน้มการลงทุนในวันนี้ (7 ก.พ.) ตลาดหุ้นไทยยังคงผันผวนรุนแรงในแดนลบ แต่อาจจะรีบาวน์ขึ้นมาระยะสั้น โดยให้กรอบดัชนีฯเคลื่อนไหวบริเวณแนวรับที่ 1,770 จุด ส่วนแนวต้าน 1,800 จุด ส่วนกลุยทธ์การลงทุนหากดัชนีตลาดหุ้นปรับตัวขึ้นมายืนเหนือ 1,780 จุด แนะนำให้เพิ่มความระมัดระวัง เลือก“เก็งกำไรระยะสั้น” ในหุ้นรายตัว ได้แก่ FPI-D-TTA
นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ กล่าวให้ความเห็นเพิ่มเติมว่า แนวโน้มดัชนีตลาดหุ้นไทยอาจจะมีการปรับตัวลดลงได้อีกในวันนี้ (7 ก.พ.) หลังจากที่ดัชนีดาวโจนส์ล่วงหน้ายังคงปรับตัวลดลง ซึ่งเป็นการส่งสัญญาณตลาดหุ้นวอลล์สตรีทอาจจะปรับตัวลดลงต่อเนื่อง ซึ่งจะส่งผลต่อบรรยากาศการลงทุนในตลาดหุ้นภูมิภาค รวมถึงตลาดหุ้นไทยด้วย
บรรยากาศการลงทุนในตลาดหุ้นไทย วานนี้ (6 ก.พ.) ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ยังคงปรับตัวลดลงอย่างรุนแรงตามทิศทางตลาดหุ้นทั่วโลก โดยปรับตัวแตะระดับต่ำสุดที่ 1,758.31 จุด หรือลดลงจากวันก่อนกว่า 50 จุด ก่อนจะเริ่มมีแรงซื้อขายมาในช่วงบ่ายทำให้ดัชนีเริ่มปรับตัวเพิ่มขึ้น แตะระดับสูงสุดของวันที่ 1,792.17 จุด และปิดการซื้อขายที่ 1,788.43 จุด ลดลง 21.89 จุด หรือคิดเป็น 1.21% มูลค่าการซื้อขายตลอดทั้งวันคึกคักกว่า 124,498.18 ล้านบาท
โดยนักลงทุนต่างประเทศยังคงเทขายหุ้นออกมาอย่างต่อเนื่อง ยอดขายสุทธิ 2,198.95 ล้านบาท และนักลงทุนรายย่อยซื้อสุทธิ 7,594.17 ล้านบาท หากรวม 2 วันนักลงทุนต่างชาติขายสุทธิรวมกว่า 7,335 ล้านบาท และดัชนี 2 วัน ร่วงไปกว่า 38.84 จุด
สำหรับหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 3 อันดับแรก ได้แก่ บมจ.ปตท. (PTT) มูลค่าการซื้อขาย 11,559.81 ล้านบาท ราคาปิดที่ 484.00 บาท ลดลง 16.00 บาท บมจ.อินโดรามา เวนเจอร์ส (IVL) มูลค่า 6,213.70 ล้านบาท ปิดที่ 53.25 บาท ลดลง 0.25 บาท และบมจ.ท่าอากาศยานไทย (AOT) มูลค่า 6,081.28 ล้านบาท ปิดที่ 69.25 บาท ลดลง 0.50 บาท
นายประกิต สิริวัฒนเกตุ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล. กสิกรไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยได้รับแรงกดดันจากตลาดหุ้นต่างประเทศทั่วโลก รวมถึงปัจจัยจากการทำธุรกรรมโดยการใช้กลไกอนุพันธ์เข้ามาช่วย (บล็อกเทรด) ซึ่งจะมีกำไรมากกว่าหุ้น เช่น หุ้นได้กำไร 1% บล็อกเทรดจะได้กำไร 10-20% ทำให้ราคาหุ้นร่วงหนัก
อย่างไรก็ตาม ดัชนีที่ร่วงต่ำกว่า 1,800 จุด ไม่ได้มีนัยสำคัญที่สะท้อนว่าดัชนีตลาดหุ้นปรับลดลงอย่างผิดปกติ ซึ่งคาดว่าในช่วง 1-2 วันนี้ ดัชนีตลาดหุ้นจะปรับขึ้น จากการประกาศนโยบายของคณะกรรมการธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ซึ่งส่งสัญญาณว่าเงินเฟ้อต่ำกว่าเป้าหมาย ขณะเดียวกันมองว่าผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนขนาดเล็กๆ จะออกมาดี
นางสาวธีรดา ชาญยิ่งยงค์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล. ฟิลลิป กล่าวว่า ภาพรวมตลาดหุ้นไทยผันผวนรุนแรงในแดนลบตลอดทั้งวันตามตลาดหุ้นภูมิภาค โดยระหว่างวันดัชนีฯดิ่งลงไปกว่า 52 จุด ซึ่งยังคงมาจากประเด็นเรื่องของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯกดดันตลาด ทำให้นักลงทุนกังวลว่าตลาดหุ้นไทยจะเข้าสู่ช่วงพักตัว รวมถึงตลาดหุ้นไทยถือว่าระดับราคา (Valuation)
ส่วนแนวโน้มการลงทุนในวันนี้ (7 ก.พ.) ตลาดหุ้นไทยยังคงผันผวนรุนแรงในแดนลบ แต่อาจจะรีบาวน์ขึ้นมาระยะสั้น โดยให้กรอบดัชนีฯเคลื่อนไหวบริเวณแนวรับที่ 1,770 จุด ส่วนแนวต้าน 1,800 จุด ส่วนกลุยทธ์การลงทุนหากดัชนีตลาดหุ้นปรับตัวขึ้นมายืนเหนือ 1,780 จุด แนะนำให้เพิ่มความระมัดระวัง เลือก“เก็งกำไรระยะสั้น” ในหุ้นรายตัว ได้แก่ FPI-D-TTA
นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ กล่าวให้ความเห็นเพิ่มเติมว่า แนวโน้มดัชนีตลาดหุ้นไทยอาจจะมีการปรับตัวลดลงได้อีกในวันนี้ (7 ก.พ.) หลังจากที่ดัชนีดาวโจนส์ล่วงหน้ายังคงปรับตัวลดลง ซึ่งเป็นการส่งสัญญาณตลาดหุ้นวอลล์สตรีทอาจจะปรับตัวลดลงต่อเนื่อง ซึ่งจะส่งผลต่อบรรยากาศการลงทุนในตลาดหุ้นภูมิภาค รวมถึงตลาดหุ้นไทยด้วย