ผู้จัดการรายวัน360 -- "ดีเอสไอ" พบ "เสี่ยกำพล" โกยรายได้จากธุรกิจอาบอบนวด เดือนละกว่า 50 ล้าน ซื้อหุ้น โอนเงินหมุนเวียน หลายบัญชี เผยยังไม่ออกหมายเรียก อดีต ผบ.ตร. มาสอบ หลังพบเส้นทางการเงินโยงไปถึง
จากกรณีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) สนธิกำลังกับหลายหน่วยงาน เข้าตรวจค้นสถานบริการ อาบอบนวด วิคตอเรีย ซีเครท ในซอยศูนย์วิจัย 4 ถนนพระราม 9 แขวงบางกะปิ เขตห้วยขวาง กทม. ซึ่งต่อมาศาลได้ออกหมายจับผู้เกี่ยวข้อง 8 ราย รวมถึง น.ส.ศศิธร วิระเทพสุภรณ์ หุ้นส่วนใหญ่อาบอบนวดดังกล่าวในข้อหาค้ามนุษย์ และอื่นๆ และยังได้ อายัดทรัพย์ นายกำพล วิระเทพสุภรณ์ อายุ 61 ปี และ นางนิภา วิระเทพสุภรณ์ หรือ ธีระตระกูลวัฒนา อายุ 68 ปี ภรรยานายกำพล ไปแล้วกว่า 300 ล้านบาท และข้อมูลจากการตรวจสอบเส้นทางการเงินพบว่า การโอนเงินจำนวนกว่า 300 ล้านบาท ไปยัง อดีต ผบ.ตร. ท่านหนึ่ง
เมื่อวานนี้ (4ก.พ.) พ.ต.อ.ไพสิฐ วงค์เมือง อธิบดี ดีเอสไอ เปิดเผยว่า การออกหมายเรียก อดีต ผบ.ตร. มาสอบถามข้อมูลนั้น ขณะนี้ ดีเอสไอ ยังไม่มีการออกหมายเรียก และยังไม่ขอให้ความเห็นในเรื่องนี้ เพราะอยู่ระหว่างขั้นตอน การตรวจสอบข้อมูลให้มีความชัดเจนก่อน ไม่อยากพูดอะไรออกไป เพราะอาจจะทำให้เกิดความเสียหาย แต่ดีเอสไอ ขอยืนยันว่า ดำเนินการทุกอย่างตามพยาน หลักฐาน ความเชื่อมโยงทั้งตัวบุคค และเอกสาร ที่ตรวจยึดได้จากการเข้าตรวจค้น ขอเวลาในการตรวจสอบข้อมูลก่อน ไม่ต้องห่วง ไม่มีการกลั่นแกล้งใครแน่นอน
แหล่งข่าวจาก กรมสอบสวนคพิเศษ(ดีเอสไอ) กล่าวว่า ดีเอสไอ พบเส้นทางเงินที่มีการโอนให้กับอดีต ผบ.ตร. ท่านหนึ่ง เป็นช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา เนื่องจากมีการตรวจเส้นทางการเงินย้อนหลังของ นายกำพล กว่า 10 บัญชี ตั้งแต่ปี 2557 พบว่า มีการโอนเงินเข้าบัญชีชื่อ อดีต ผบ.ตร. ซึ่งไม่ได้เป็นเงินก้อนที่อายัดไว้ และเป็นเส้นทางเงินโอนออกจากบัญชีนายกำพล ก่อนหน้านี้ ดังนั้น ดีเอสไอ จึงต้องการทราบถึง ที่มาของเงินจำนวนดังกล่าว
อย่างไรก็ตาม สำหรับพยานหลักฐาน ในส่วนของเซิรฟ์เวอร์ ของวิคตอเรีย ซีเครท ที่ ดีเอสไอ อายัดไว้ กำลังแกะข้อมูลในส่วนของบัญชีรายรับ รายจ่าย ร่วมถึงรายชื่อกลุ่มบุคคลที่เกี่ยวข้อง รวมถึงการกู้ไฟล์กล้องวงจรปิด ซึ่งมีความคืบหน้าไปพอสมควร
แหล่งข่าวยังระบุอีกว่า สำหรับเงินรายได้ของงสถานบริการ อาบอบนวด ที่นายกำพล เป็นเจ้าของกิจการนั้น มีบัญชีรายได้ต่อเดือน กว่า 50 ล้านบาท ซึ่งเส้นทางเงินได้โอนเข้าบัญชีของนายกำพล จากนั้นมีการนำไปลงทุนในหลายส่วน ร่วมถึงการซื้อหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ ก่อนโอนไปมา หมุนเวียนในบัญชี ดังนั้น จึงทำให้การสืบหาที่มาของเงินค่อนข้างยาก และซับซ้อน แต่ได้ประสานทาง กลต. ให้ช่วยตรวจสอบในหุ้นตัวที่มีการซื้อขาย อีกด้วย
จากกรณีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) สนธิกำลังกับหลายหน่วยงาน เข้าตรวจค้นสถานบริการ อาบอบนวด วิคตอเรีย ซีเครท ในซอยศูนย์วิจัย 4 ถนนพระราม 9 แขวงบางกะปิ เขตห้วยขวาง กทม. ซึ่งต่อมาศาลได้ออกหมายจับผู้เกี่ยวข้อง 8 ราย รวมถึง น.ส.ศศิธร วิระเทพสุภรณ์ หุ้นส่วนใหญ่อาบอบนวดดังกล่าวในข้อหาค้ามนุษย์ และอื่นๆ และยังได้ อายัดทรัพย์ นายกำพล วิระเทพสุภรณ์ อายุ 61 ปี และ นางนิภา วิระเทพสุภรณ์ หรือ ธีระตระกูลวัฒนา อายุ 68 ปี ภรรยานายกำพล ไปแล้วกว่า 300 ล้านบาท และข้อมูลจากการตรวจสอบเส้นทางการเงินพบว่า การโอนเงินจำนวนกว่า 300 ล้านบาท ไปยัง อดีต ผบ.ตร. ท่านหนึ่ง
เมื่อวานนี้ (4ก.พ.) พ.ต.อ.ไพสิฐ วงค์เมือง อธิบดี ดีเอสไอ เปิดเผยว่า การออกหมายเรียก อดีต ผบ.ตร. มาสอบถามข้อมูลนั้น ขณะนี้ ดีเอสไอ ยังไม่มีการออกหมายเรียก และยังไม่ขอให้ความเห็นในเรื่องนี้ เพราะอยู่ระหว่างขั้นตอน การตรวจสอบข้อมูลให้มีความชัดเจนก่อน ไม่อยากพูดอะไรออกไป เพราะอาจจะทำให้เกิดความเสียหาย แต่ดีเอสไอ ขอยืนยันว่า ดำเนินการทุกอย่างตามพยาน หลักฐาน ความเชื่อมโยงทั้งตัวบุคค และเอกสาร ที่ตรวจยึดได้จากการเข้าตรวจค้น ขอเวลาในการตรวจสอบข้อมูลก่อน ไม่ต้องห่วง ไม่มีการกลั่นแกล้งใครแน่นอน
แหล่งข่าวจาก กรมสอบสวนคพิเศษ(ดีเอสไอ) กล่าวว่า ดีเอสไอ พบเส้นทางเงินที่มีการโอนให้กับอดีต ผบ.ตร. ท่านหนึ่ง เป็นช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา เนื่องจากมีการตรวจเส้นทางการเงินย้อนหลังของ นายกำพล กว่า 10 บัญชี ตั้งแต่ปี 2557 พบว่า มีการโอนเงินเข้าบัญชีชื่อ อดีต ผบ.ตร. ซึ่งไม่ได้เป็นเงินก้อนที่อายัดไว้ และเป็นเส้นทางเงินโอนออกจากบัญชีนายกำพล ก่อนหน้านี้ ดังนั้น ดีเอสไอ จึงต้องการทราบถึง ที่มาของเงินจำนวนดังกล่าว
อย่างไรก็ตาม สำหรับพยานหลักฐาน ในส่วนของเซิรฟ์เวอร์ ของวิคตอเรีย ซีเครท ที่ ดีเอสไอ อายัดไว้ กำลังแกะข้อมูลในส่วนของบัญชีรายรับ รายจ่าย ร่วมถึงรายชื่อกลุ่มบุคคลที่เกี่ยวข้อง รวมถึงการกู้ไฟล์กล้องวงจรปิด ซึ่งมีความคืบหน้าไปพอสมควร
แหล่งข่าวยังระบุอีกว่า สำหรับเงินรายได้ของงสถานบริการ อาบอบนวด ที่นายกำพล เป็นเจ้าของกิจการนั้น มีบัญชีรายได้ต่อเดือน กว่า 50 ล้านบาท ซึ่งเส้นทางเงินได้โอนเข้าบัญชีของนายกำพล จากนั้นมีการนำไปลงทุนในหลายส่วน ร่วมถึงการซื้อหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ ก่อนโอนไปมา หมุนเวียนในบัญชี ดังนั้น จึงทำให้การสืบหาที่มาของเงินค่อนข้างยาก และซับซ้อน แต่ได้ประสานทาง กลต. ให้ช่วยตรวจสอบในหุ้นตัวที่มีการซื้อขาย อีกด้วย