xs
xsm
sm
md
lg

กองหนุนป้อมโผล่ จับบอลโลกเป็นตัวประกัน ทิชาทวงสัญญาให้รักษาสัจจะ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ผู้จัดการรายวัน360 --"เสี่ยป้อม"มีกองหนุน เว็บ “change”รณรงค์ลงชื่อให้อยู่ต่อ เพื่อความมั่นคง และดูบอลโลกสบายใจ ขณะที่ อดีตสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ เรียกร้องให้ลาออก เผยผลโหวตไล่ "บิ๊กป้อม" ทะยานครึ่งแสน 'ทิชา' ชี้การไม่รักษาสัจจะ คือความเสื่อมของผู้ลั่นวาจา ปชป. ระบุ รัฐบาลขาขึ้นหรือลง ขึ้นอยู่กับผลงาน ชี้มาจาก 4 สาเหตุ ทั้งเรื่องความไม่โปร่งใส สืบทอดอำนาจ ปัญหาความเชื่อมั่น รวมถึงเรื่องศก.ปากท้อง จี้แก้ไขให้ตรงจุด "พีระศักดิ์" แจงโรดแมปเลือกตั้งอาจใช้กรอบเวลาเดิม ขึ้นอยู่กับความพร้อมของ"กกต.-พรรคการเมือง" คาดเลือกตั้งท้องถิ่น ส.ค.นี้

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวานนี้ (4ก.พ.) เว็บไซต์ www.change.org ได้มีการจัดแคมเปญรณรงค์เข้าชื่อสนับสนุน พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ให้อยู่ในตำแหน่งต่อไป หลังจากเจอกระแสสังคมกดดันอย่างหนักให้ลาออก จากกรณีพบว่าเจ้าตัวสวมใส่นาฬิกาหรู จำนวนมาก โดยทางเว็บได้มีการให้เหตุผล 4 ข้อ ในการสนับสนุน คือ

1. คสช. บริหารประเทศมา 3 ปีกว่า บ้านเมืองสงบเรียบร้อยดีหรือไม่ ?

2. ประเด็นนาฬิกาของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ทำให้บ้านเมืองวุ่นวายหรือไม่ ?

3. ขณะนี้ พล.อ.ประวิตร ได้ส่งเอกสารชี้แจงข้อเท็จจริงเรื่องนาฬิกาไปให้ ป.ป.ช. พิจารณาแล้ว เราควรจะรอผลการพิจารณาของ ป.ป.ช.ก่อนไหม ?

4. เราอยากดูบอลโลกอย่างสบายใจเหมือนชาวโลก ?

ทั้งนี้ ขณะรายงานข่าว มีผู้ร่วมสนับสนุนแล้ว16,764 คน โดยตั้งเป้าขออีกให้ถึง 25,000 คน

ด้านน.ส.รสนา โตสิตระกูล อดีตสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) และ อดีต ส.ว.กรุงเทพ กล่าวว่า พล.อ.ประวิตร ควรแสดงความรับผิดชอบ และแสดงมารยาททางการเมือง ด้วยการลาออก และให้นายกฯ ซึ่งเป็นผู้บังคับบัญชา สั่งการให้พล.อ.ประวิตร ลาออก เพื่อให้กลไกการตรวจสอบเดินหน้าต่อไป และป้องกันการรัฐประหาร เพราะขณะนี้สังคมกำลังจับตาการใช้อำนาจรัฐอยู่

ส่วนกรณีที่มีการแสดงพลังสนับสนุนให้ พล.อ.ประวิตร อยู่ต่อนั้น จะทำให้เกิดความขัดแย้งกับกลุ่มที่ไม่สนับสนุน หรือไม่นั้น น.ส.รสนา มองว่าไม่น่าจะขัดแย้ง เพราะมีผลสำรวจหลายสำนักออกมาตรงกันว่า ต้องการให้ พล.อ.ประวิตร แสดงความรับผิดชอบ ไม่ว่ากลบกระแสอย่างไร ก็ไม่สามารถลบล้างความรู้สึกของประชาชนได้ การปล่อยให้เป็นเช่นนี้ ต่อไปจะไม่ส่งผลดีต่อคะแนนนิยมของรัฐบาล ทั้งเห็นว่า ในช่วง 1 ปี ก่อนจะมีการเลือกตั้ง นายกฯ ควรสะสางปัญหา ก่อนที่จะมีเรื่องแทรกซ้อนเข้ามาอีก

น.ส.รสนา มองว่า เรื่องนาฬิกา เป็นเพียงยอดภูเขาน้ำแข็ง ยังมีปัญหาอื่นซ่อนอยู่เป็นจำนวนมาก พล.อ.ประวิตร ต้องพิสูจน์ตัวเอง ส่วนตัวเห็นว่า ในคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) มีคนใกล้ชิด พล.อ.ประวิตร ร่วมอยู่ด้วย อาจยิ่งตอกย้ำเรื่องระบบอุปถัมภ์ และความเกรงใจ ซึ่งจะทำให้กระแสยืดยาวออกไป นอกจากนี้ การที่เรื่องนาฬิกาหรู ลุกลามไปถึงการขอความร่วมมือนักศึกษาไม่ให้นำมาล้อเลียน ในงานฟุตบอลประเพณี จุฬา-ธรรมศาสตร์ และกรณี นิดาโพล ไปจนถึงการแสดงออกของภาคประชาชน จะทำให้เกิดกระแสสะท้อนกลับ ที่มีความรุนแรง หรือมากกว่า และจะทำให้เกิดการสร้างแนวร่วมที่ต่อต้านมากขึ้น โดยเตรียมจะไปยื่นหนังสือ ที่สำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) คณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดิน (คตง.) หากยังไม่คืบหน้า ก็จะไปยื่นหนังสือถึงนายกรัฐมนตรีต่อไป

ขณะที่ ความคืบหน้าแคมเปญรณรงค์ บนเว็บไซต์ change.org หัวข้อว่า "อยากให้รองนายกประวิตรฯ ลาออก ตามที่ท่านได้กล่าวไว้ เมื่อวันที่ 31 ม.ค. 61 ที่กระทรวงกลาโหม" โดย นางทิชา ณ นคร ผู้เชี่ยวชาญด้านเด็ก และเยาวชน อดีตสมาชิกสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.)โพสต์ข้อความว่า "การไม่รักษาสัจจะ คือความเสื่อมของผู้ลั่นวาจา ไม่ใช่ผู้ทวงถามความรับผิดชอบของผู้ลั่นวาจา" ทั้งนี้ ยอดล่าสุดมีผู้เข้าร่วมแคมเปญมากกว่า 57,745 คน แล้ว

**ชี้4ประเด็นทำรัฐบาลขาลง

นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึง กรณีที่นายกรัฐมนตรียอมรับว่าเป็นเรื่องปกติที่การทำงานในปีท้ายๆ ของรัฐบาล จะอยู่ในช่วงขาลง ว่า รัฐบาลอาจจะอยู่ในช่วงขาลงหรือขาขึ้นได้ทั้งนั้น ขึ้นอยู่กับการทำงานของรัฐบาล ถ้าทำงานดี มีผลงาน ประชาชนก็จะให้การสนับสนุน รัฐบาลก็จะอยู่ในช่วงขาขึ้น แต่ถ้าทำไม่ดี ไม่มีผลงานเข้าตาประชาชน ก็จะทำให้อยู่ในช่วงขาลงได้

ทั้งนี้ ปัจจัยที่ทำให้รัฐบาลอยู่ในช่วงขาลง น่าจะมาจากสาเหตุ 4 ประการ คือ

1. เรื่องความไม่โปร่งใส ซึ่งรัฐบาลถูกวิพากษ์วิจารณ์ มาเป็นระยะ จากความพยายามหาประโยชน์จากโครงการต่างๆ จนมาปะทุเป็นเชื้อไฟลามทุ่ง เมื่อผู้คนมุ่งจับจ้องมาที่เรื่องนาฬิกา

2. เรื่องการสืบทอดอำนาจ แต่เดิม พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา แสดงตนอยู่ในสถานะกรรมการ ต่อมาได้ประกาศตัวเป็นนักการเมือง และพยายามใช้กลไกต่างๆ ที่ตนเองสร้างขึ้นมา ผ่านแม่น้ำ 5 สาย รุกหนักในทางการเมืองมากขึ้น ทำให้สถานะของ พล.อ.ประยุทธ์ เป็นทั้งกรรมการ และผู้เล่นในสนามการเมืองไปพร้อมกัน ส่งผลให้ถูกมองถึงการสืบทอดอำนาจชัดเจนขึ้น

3. เรื่องความเชื่อมั่น เมื่อ พล.อ.ประยุทธ์ ในฐานะหัวหน้าคสช. และนายกฯ เข้ามามีอำนาจใหม่ๆ ได้ประกาศเรื่องการปฏิรูปประเทศ เรื่องการปรองดองของคนในชาติ แต่เวลาผ่านมาเกือบ 4 ปี การปฏิรูปไม่สามารถสัมผัสได้ โดยเฉพาะการปฏิรูปตำรวจ การปฏิรูปการศึกษา การปฏิรูปสังคม ลดความเหลื่อมล้ำ ในขณะที่การปฏิรูปการเมือง ก็มีการใส่วิธีการใหม่ๆ เข้าไปในรธน. และกฎหมายประกอบรธน. ซึ่งยังไม่สามารถยืนยันได้ว่าจะตอบโจทย์เรื่องปฏิรูปการเมือง ได้หรือไม่ ในขณะที่เรื่องการปรองดอง ก็ยังเป็นเรื่องล่องลอยอยู่ในอากาศ ไม่มีอะไรที่ส่งสัญญาณให้เห็นเป็นรูปธรรม ทำให้ความเชื่อมั่นในการแก้ไขปัญหาหลักๆ ของประเทศลดลง การเลือกตั้งที่ถูกเลื่อนมาตามลำดับ ก็ทำให้ความน่าเชื่อมั่นในตัว พล.อ.ประยุทธ์ ลดลง

4. การแก้ไขเศรษฐกิจ ปากท้องของประชาชน ถึงแม้รัฐบาลจะโฆษณาว่า เศรษฐกิจโดยรวมดีอย่างไรก็ตาม แต่ความจริงที่ประชาชนสัมผัสได้ ไม่ได้เป็นไปดังคำโฆษณา ประชาชนระดับฐานราก ยังอยู่ในสภาพชักหน้าไม่ถึงหลัง ศก.ฝืดเคือง เสียงบ่นระงมเรื่องศก.ไม่ดี มีทุกหย่อมหญ้า ซึ่งรัฐบาลก็คงทราบดี จึงมีความพยายามที่จะแก้ไข แต่เกือบ 4 ปี ก็ยังแก้ไขปัญหาปากท้องของประชาชนไม่ได้ จึงทำให้รัฐบาลยังอยู่ในช่วงขาลง

"จากสาเหตุปัจจัยทั้ง 4 ประการ ถ้านายกฯ ไตร่ตรองทบทวนดูให้ดี และหาวิธีการแก้ไข ก็อาจจะมีส่วนช่วยให้สภาวะขาลงเปลี่ยนแปลงไปในทิศทางที่ดีขึ้นได้ แต่ถ้าปล่อยให้ทุกอย่างเดินไปตามกลไกอำนาจต่างๆ โดยไม่ยอมแก้ไข ก็ย่อมทำให้กลายเป็นสภาวะขาลงมากยิ่งขึ้น ปัญหาซ้อนปัญหาจนยากที่จะเยียวยาแก้ไข จะส่งผลกระทบต่อประเทศชาติโดยรวม และไม่เกิดผลดีต่อใครทั้งสิ้น จึงอยากเห็นนายกฯ แก้ไขปัญหาให้ตรงจุด เพื่อหยุดสภาวะขาลง " นายองอาจ กล่าว

**คาดเลือกตั้งท้องถิ่น ส.ค.นี้

นายพีระศักดิ์ พอจิต รองประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) คนที่ 2 กล่าวถึงกรณีที่สังคม เรียกร้องให้มีการเลือกตั้งโดยเร็ว ว่า อาจมีการสื่อสารคลาดเคลื่อนว่า การเลือกตั้งจะเลื่อนไปอีก 90 วัน จากโรดแมปเดิม เพราะความจริงอาจจะไม่เลื่อนเลย หรือเลื่อนไม่เต็มกรอบระยะเวลา 240 วัน ก็ได้ ขึ้นอยู่กับพรรคการเมือง และกกต. ซึ่งเป็นหน่วยงานที่จัดการเลือกตั้งว่าจะใช้เวลาประสานกับรัฐบาล มากน้อยเพียงใด ดังนั้น เวลาที่เราขยายจึงเป็นการเผื่อไว้เท่านั้น ซึ่งอาจจะใช้เวลาน้อยกว่ากรอบเวลาที่กำหนดก็ได้

ทั้งนี้ การเลือกตั้ง จะให้เร็วตามที่หลายฝ่ายเรียกร้อง คงไม่ได้ เพราะต้องดำเนินการตาม รธน. และกม.ลูก อย่างไรก็ตาม ขณะนี้กระบวนการทางนิติบัญญัติกำลังจะเสร็จเรียบร้อยแล้ว

ส่วนกรณีกระแสข่าวว่า มีสมาชิก สนช. บางคน ประสานให้ กกต. โต้แย้งประเด็นการอนุญาตให้จัดมหรสพช่วงหาเสียงเลือกตั้งนั้น ในช่วงการพิจารณาประเด็นดังกล่าวในที่ประขุม สนช. ก็มีความเห็นหลากหลาย ทั้งเห็นด้วย และไม่เห็นด้วย จึงอาจจะมีสมาชิกอยากจะให้ กกต.โต้แย้ง แต่ก็เพื่อให้เกิดความชัดเจนว่าขัดรธน. หรือไม่ และถือเป็นเรื่องดี ที่จะมีการตั้ง กมธ.3 ฝ่าย

เมื่อถามว่า สังคมวิพากษ์วิจารณ์ สนช. พยายามออกกม. ที่สุ่มเสี่ยงขัดรธน. ซึ่งจะเป็นการขยายเวลาการเลือกตั้งออกไป นายพีระศักดิ์ กล่าวยืนยันว่า ไม่มีใครสามารถล็อบบี้ สนช.ให้ออกกม. สุ่มเสี่ยงขัดรธน.ได้ ดังนั้น ข้อวิจารณ์ดังกล่าว จึงมีโอกาสน้อยมาก

นายพีระศักดิ์ ยังกล่าวถึงการเลือกตั้งท้องถิ่นว่า ขณะนี้มีความคืบหน้าในส่วนของกกต. ที่จะนำร่าง กม.เกี่ยวกับการเลือกตั้งท้องถิ่น ไปดำเนินการรับฟังความเห็นประชาชน ตามรธน. มาตรา 77 วรรคสอง จากนั้นจะส่งให้ ครม.อีกครั้ง โดยคาดว่าจะส่งให้ สนช.ภายในเดือนมี.ค. ทั้งนี้ สนช.จะใช้เวลาในการพิจารณาประมาณ 2 เดือน เมื่อกม.มีผลบังคับใช้ คิดว่า กกต. จะจัดการเลือกตั้งท้องถิ่นได้ ประมาณเดือนก.ค.-ส.ค.นี้


กำลังโหลดความคิดเห็น