สอดแนมการเมือง”
“ชัชวาลย์ ชาติสุทธิชัย”
โชคร้าย-ของชาติและประชาชนไทย ที่นักการเมืองมาจากการเลือกตั้งและรัฐประหาร-ไม่ต่างกัน..!!!
จั่วหัวแบบนี้ ทำเอา “สายเลือกตั้ง” มีคำถามมหาศาลว่า..
“..ยึดอำนาจรัฐด้วยการเลือกตั้ง..กับ..ยึดอำนาจรัฐด้วยปืน..จะเหมือนกันได้ไงวะ?”
แต่งานนี้ ต้องนั่งยัน-นอนยัน-หงายท้องยัน-ตีลังกายัน-ยืนยันอย่างมั่นใจ..ว่า..
ที่ผ่านมา “นักการเมือง” มาจาก “เลือกตั้ง” กับ “รัฐประหาร” เหมือนกันเปี๊ยบ! เพราะนักการเมืองทั้งสองรูปแบบ ล้วนสร้างผลงานกอบโกยประโยชน์ใส่ตัวกับพวกเท่านั้น
ทำให้การเมืองไทยที่ผ่านมา เป็นแค่เรื่อง “สมบัติชาติผลัดกันโกง” เป็นหลัก โดยไม่มีการปฏิรูปชาติทุกภาคส่วนอย่างแท้จริง อีกทั้งทำให้ชาติจมปลักอยู่ในวงจรอุบาทว์ทางการเมืองมาตลอด นั่นคือ
วงจรอุบาทว์หนึ่ง-คือ..การ “เลือกตั้ง” ไม่บริสุทธิ์ยุติธรรม ที่เป็น “ต้นธารชั่วร้ายของชาติ” ทำให้ชาติได้ “สมาชิกสภาผู้แทนราษฏร” ส่วนใหญ่ไร้ความดีและคุณภาพ
จนสภาฯชาติไทยมีสารพัดสมญา ทั้ง “สภาฯสารพัดสัตว์-สภาฯฝักถั่ว-สภาฯพายเรือให้โจรนั่ง-สภาฯ ทาสทุนสามานย์” เป็นต้น
ดังนั้น ผลงานส่วนใหญ่ของสภาฯ จึงมิได้ทำเพื่อชาติอย่างแท้จริง! มิได้ทำหน้าที่เลือก “นายกรัฐมนตรี” ที่ดีมีคุณภาพอย่างแท้จริง! มิได้ทำหน้าที่ออกกฎหมายเพื่อชาติอย่างแท้จริง! อีกทั้งมีการคอร์รัปชั่นในกิจกรรมต่างๆของสภาฯอีกด้วย ฯลฯ
รวมทั้ง “สมาชิกสภาฯ” โดยส่วนใหญ่ ยังตกอยู่ภายใต้การบงการของ “ฝ่ายรัฐบาล” ถึงขนาดไปสมรู้ร่วมคิด และสนับสนุนการคอร์รัปชั่นโกงชาติของรัฐบาลอีกด้วย
วงจรอุบาทว์สอง-คือ..สภาฯเลือก “นายกรัฐมนตรี” ที่ไม่ดีและไร้คุณภาพ ดังที่ “สภาฯทาสชิน” เลือก “นายกรัฐมนตรีตระกูลชิน” ให้ใช้อำนาจรัฐถอนทุนบวกกำไรจากธุรกิจการเมือง ด้วยการแสวงหาและกอบโกยประโยชน์สารพัดใส่ตนและพวกพ้อง ผ่านการคอร์รัปชั่นโกงชาติอย่างมโหฬาร ทั้งลับและเปิดเผย
เห็นชัดรึยังล่ะว่า..ต้นเหตุปัญหาอันชั่วร้ายของชาตินั้น เริ่มนับหนึ่งจาก..การเลือกตั้งไม่บริสุทธิ์ยุติธรรม ได้สมาชิกสภาฯส่วนใหญ่ที่ไร้ทั้งความดีและคุณภาพ! นับสอง- “สภาฯทาส” เลือก “นายกรัฐมนตรี” โดยไร้ทั้งความดีและคุณภาพ และโกงชาติอีกด้วย!
เมื่อ..เลือกตั้งโกง-สภาก็โกง-รัฐบาลจึงโคตรโกง! ประชาชนผู้รักชาติจึงจำต้องออกมาชุมนุมขับไล่รัฐบาลชั่วช้าสามานย์ จนกลายเป็นข้ออ้างให้เกิดการ..
วงจรอุบาทว์สาม-“กองทัพ” ออกมาทำ “รัฐประหาร” โค่นล้มรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งสกปรกและโกงชาติ แต่น่าเสียดาย ที่คณะรัฐประหารที่ผ่านมา มิได้รักชาติและประชาชนอย่างแท้จริง จึงมิได้ทำเพื่อชาติและประชาชนอย่างแท้จริง จึงมิได้ปฏิรูปชาติทุกภาคส่วนอย่างแท้จริง ทั้งที่ “ผู้นำและคณะรัฐประหาร” ล้วนรู้ถึงต้นเหตุปัญหา ที่ทำให้ชาติและประชาชนต้องจมปลักอยู่กับวิกฤตชั่วร้าย ในสภาพการณ์เช่นนี้มาโดยตลอด
ชัดไหมล่ะว่า..ชาติและประชาชนต้องเสียหายอย่างวินาศสันตะโร ทั้งในอดีต-ปัจจุบัน-จรดอนาคต ก็ด้วย “ผู้นำคณะรัฐประหาร-เยี่ยวไม่สุด” โดยทำแค่โค่นล้มรัฐบาลทุนสามานย์ แต่ไม่ยอมทำการปฏิรูปชาติทุกภาคส่วน แถม “คณะรัฐประหารบางคน” ยังดันคอร์รัปชั่นโกงชาติอีกด้วย
สุดท้าย คณะรัฐประหารที่ผ่านมา จึงมักแก้ปัญหาชาติแบบ“ แก้ผ้าเอาหน้ารอด” ด้วยการจัดให้มีการเลือกตั้งที่ไม่บริสุทธิ์ยุติธรรมซ้ำๆซากๆ ซึ่งแก้ต้นเหตุปัญหาชาติไม่ได้มาจนทุกวันนี้! โดย “ผู้นำและคณะรัฐประหาร” ที่ผ่านมา ไม่เคยรับผิดชอบใดๆทั้งสิ้น ต่อการนำชาติและประชาชนไปเสี่ยงลงทุนกับการทำรัฐประหาร ซึ่งแก้ต้นเหตุปัญหาชาติและประชาชนไม่ได้
แถม “รัฐประหารเสียของ” ยังเป็นที่มาของ “การเกิดวงจรอุบาทว์” ในชาติ! นั่นคือ เกิดเลือกตั้งไม่บริสุทธิ์ยุติธรรม! เกิดสภาฯและรัฐบาลที่ชั่วช้าสามานย์! เกิดการรัฐประหารที่ไม่ปฏิรูปชาติ! ที่เรียกกันว่า “สามเหลี่ยมวงจรอุบาทว์ทำลายชาติ” นั่นเอง
“..เอ๊ะ..งั้นถามหน่อย! ระหว่างนักการเมืองมาจากการเลือกตั้ง-ที่โกงชาติ กับ นักการเมืองมาจากรัฐประหาร-ที่ไม่ปฏิรูปและโกงชาติ! ใครดีใครชั่วมากกว่ากันล่ะ?..”
คำถามนี้..ทำเอาคิ้วใครหลายคนขมวดเป็นปม หลายคนต้องครุ่นคิดพักใหญ่ ก่อนที่ใครคนหนึ่งจะพูดว่า
“..ชั่วพอกันนั่นแหละ..แต่เคราะห์กรรมทั้งหมด..ชาติและประชาชนรับไปเต็มๆ..”
ทว่า..ใครอีกคนส่งเสียงดังฟังชัดโพล่ขึ้นว่า..
“..แต่ผมคิดว่า..ผู้นำและคณะรัฐประหารแย่กว่า! เพราะทำรัฐประหารโดยรู้อยู่แล้วว่า ผู้นำและรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งสกปรก คอร์รัปชั่นโกงชาติมโหฬาร แถมรู้อยู่แก่ใจว่า ต้องแก้ต้นเหตุปัญหาด้วยการปฏิรูปชาติ ให้คนดีได้ขึ้นบริหารชาติบ้านเมือง กีดกันคนชั่วไม่ให้มีอำนาจ..”
ดูเหมือนจุดนี้ บรรดา “คอการเมืองทุกวัย” มีความเห็นตรงกันเป๊ะว่า..
“..ผู้นำและคณะรัฐประหารชุดสามปอ ยังไม่ได้ทำ หรือยังทำไม่ได้ นั่นคือ ยังปราบปรามการคอร์รัปชั่นโกงชาติอย่างจริงจังให้ราบคาบไม่ได้! อีกทั้งยังไม่อาจสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชนว่า ผู้นำรัฐบาลและคณะรัฐประหาร จะทำให้คนดีได้ขึ้นบริหารชาติ และกีดกันคนชั่วมิให้มีอำนาจ..ไงล่ะ..”
ดังนั้น เวลาที่เสียไปเกือบ 4 ปี ในการบริหารชาติของ “ผู้นำรัฐบาลและรัฐประหาร” ชุดนี้ จึงยังแก้ต้นเหตุปัญหาอันใหญ่หลวงของชาติ ที่ก่อเกิดวิกฤตหลายหลากมิติ เช่น มิติเหลื่อมล้ำการกระจายรายได้อย่างเป็นธรรมทางเศรษฐกิจ ระหว่างคนรวยกับผู้มีรายได้น้อยและคนจน!
มิติเหลื่อมล้ำทางการเมือง ที่เต็มไปด้วยการคอร์รัปชั่นโกงชาติ ที่เริ่มจากการโกงเลือกตั้ง ที่ก่อให้เกิดสภาฯรับใช้กลุ่มทุนสามานย์ที่เป็นคนส่วนน้อย เพราะแทนที่สภาฯจะทำเพื่อชาติ กับประชาชนคนส่วนใหญ่ สภาฯกลับเลือกนายกรัฐมนตรีสามานย์ จนก่อเกิดรัฐบาลคอร์รัปชั่นโกงชาติอย่างมโหฬาร ต่อเนื่องตามมาอีกด้วย!
ที่สำคัญ “ผู้นำรัฐบาลและรัฐประหาร” ชุดนี้ บริหารชาติจนทำให้กระแสปฏิรูปชาติก่อนเลือกตั้ง แปรเปลี่ยนเป็นเลือกตั้งก่อนปฏิรูปชาติไปเสียแล้ว สร้างความผิดหวังต่อประชาชนผู้รักชาติเป็นอย่างยิ่ง
สภาพทางการเมืองในยามนี้ จึงเกิดมิติความคิดในหมู่ประชาชนที่รักชาติว่า
รัฐบาลมาจากการรัฐประหาร-มิได้ต่างอะไร-จากรัฐบาลมาจากการเลือกตั้งเลย เพราะมีการโกหกหลอกลวงประชาชนเหมือนกัน! มีการเล่นพรรคเล่นพวกเหมือนกัน! มีการคอร์รัปชั่นโกงชาติและประชาชนเหมือนกัน! อีกทั้งไม่ทำการปฏิรูปชาติอย่างจริงใจและจริงจังเหมือนกัน! ฯลฯ
แถม “คอการเมืองส่วนใหญ่” เชื่อว่า “อำนาจเผด็จการ” ถ้าอยู่ในมือคนดี ย่อมก่อเกิดผลงานที่ดีต่อชาติและประชาชนอย่างรวดเร็ว แต่ถ้าอำนาจเผด็จการไปตกอยู่ในมือคนไม่ดีล่ะ..
“..ผู้นำรัฐบาลรัฐประหาร ย่อมใช้อำนาจ เพื่อกอบโกยผลประโยชน์ใส่ตนและพวกพ้อง และใช้อำนาจรัฐอย่างไร้ความยุติธรรมต่อประชาชนผู้รักชาติ อีกทั้งมีโอกาสจะกลายเป็น“ คนบ้าอำนาจ” จนทำให้ประชาชนผู้รักชาติไร้สิทธิเสรีภาพ ในการนำเสนอความเห็นต่าง ในการรักษาทรัพยากรชาติอันมีค่า ในการปกป้องผลประโยชน์ชาติ..ฯลฯ”
อำนาจเผด็จการเกือบ 4 ปี ในมือ “ผู้นำรัฐบาลและรัฐประหาร” ขณะนี้ ผลงานที่ดี-ก็มีให้เห็น! ผลงานที่ไม่ดี-ก็มีไม่น้อย! แต่ผลงานปราบการคอร์รัปชั่นโกงชาติ-ไม่จริงใจ-ไม่จริงจัง-ไม่เจ๋ง! ผลงานการปฏิรูปชาติทุกภาคส่วน-ไม่จริงใจ-ไม่จริงจัง-จึงไม่มีให้เห็น!
รัฐบาลรัฐประหารเผด็จการแบบนี้..อยู่ไปก็ไลฟ์บอย-เสียของ! แบบนี้สู้เลือกตั้งมิดีกว่าหรือ? เพราะรัฐบาลมาจากการเลือกตั้งที่เป็น“เผด็จการรัฐสภา” ประชาชนยังมีเสรีภาพในการต่อสู้เพื่อผลประโยชน์ชาติมากกว่า..จริงไหม?
งานนี้..ต้องบอกตรงๆนะว่า ตัว “บิ๊กตู่” กับ “ผลงานบิ๊กตู่” โดยรวม-ไม่เจ๋ง(ว่ะ)! จึงทำให้ “กองเชียร์ผสม กองหนุน” รัฐบาลรัฐประหารยามนี้ ลดน้อยถอยลงอย่างน่าตกใจ จนรัฐบาลรัฐประหารชุดนี้ตกอยู่ในห้วง“ขาลง”!
“เรือแป๊ะตู่” ที่เคยแล่นฉิวในอ่าวไทย จึงโดนมรสุมโหมกระหน่ำจะล่มมิล่มแหล่ จนมีโอกาสจะ “อัปปาง” ลงตรงหน้าหมู่บ้าน “ไทยนิยมยั่งยืนสามปอ” ก่อนจะถึงปากอ่าวไทยเสียแล้วล่ะสิ..