ผู้จัดการรายวัน360- ครม.อนุมัติขึ้นต่าแรงขั้นต่ำ 8-20 บาทต่อวัน แบ่งเป็น 7 ระดับ มีผล 1 เม.ย.นี้ ยันศึกษาแล้ว เหมาะกับไทย เทียบสูตรต่างประเทศ ดูแลคุณภาพชีวิตลูกจ้างได้ พร้อมคลอด 3 มาตรการช่วยเอสเอ็มอีที่ได้รับผลกระทบ ระบุมาตรการนำค่าจ้างมาหักลดหย่อนภาษีทำรัฐสูญรายได้กว่า 5.4 พันล้าน ด้านนายกฯ เผย ครม.รับทราบขึ้นค่าแรง จี้ผู้ประกอบการระดับล่างขึ้นทะเบียน เป็นข้อมูลให้รัฐช่วยทั่วถึง
นายณัฐพร จาตุศรีพิทักษ์ โฆษกประจำรองนายกรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจ แถลงผลการประชุม ครม. ว่า ที่ประชุมเห็นชอบ การกำหนดอัตราค่าจ้างขั้นต่ำ ปี 2561 ตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ สำหรับการปรับอัตราค่าจ้างขั้นต่ำขึ้น 5-22 บาทต่อวันในทุกจังหวัด แบ่งออกเป็น 7 ระดับ ได้แก่ 308 บาทต่อวัน จำนวน 3 จังหวัด 310 บาทต่อวัน 22 จังหวัด 315 บาทต่อวัน 21 จังหวัด 318 บาทต่อวัน 7 จังหวัด 320 บาทต่อวัน14 จังหวัด 325 บาทต่อวัน 7 จังหวัด และ 330 บาทต่อวัน 3 จังหวัด ให้มีผลผลบังคับใช้ตั้งแต่ วันที่ 1 เม.ย.61
นอกจากนี้ รัฐบาลได้ออกมาตรการคุ้มครองผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบจากการขึ้นค่าแรงขี้นต่ำ 3 มาตรการ คือ 1.มาตรการลดหย่อนภาษี โดยให้ผู้ประกอบการนำรายจ่ายที่จ่ายเป็นค่าแรงให้ลูกจ้างมาลดหย่อนภาษีได้ไม่เกิน 1.15 เท่า มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 เมษายนถึงสิ้นปีนี้ สำหรับผู้ประกอบการที่จะลดหย่อนได้คือ ต้องมีรายได้ไม่เกิน 100 ล้านบาท และมีลูกจ้างไม่เกิน 200 คน ซึ่งคาดจะสูญเสียรายได้ประมาณ 5,400 ล้านบาท
2.การช่วยเหลือผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อม หรือ เอสเอ็มอี วงเงิน 5,000 กว่าล้านบาท โดยให้มีการจัดตั้งคณะทำงาน จากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องลงพื้นที่คัดเลือกผู้ประกอบการเข้าร่วมโครงการจัดสัมมนาและอบรมพัฒนาสถานประกอบการ จากการประเมินพบว่าการขึ้นค่าแรงจะส่งผลต่อผู้ประกอบการเอสเอ็มอี 0.5-1% แต่จากการอบรมเข้าโครงการจะช่วยลดต้นทุนเอสเอ็มอี 10% คาดว่าจะมีเอสเอ็มอีเข้าร่วม 50,000 แห่ง มีผู้ประกอบการ 250,000 คน โดยไม่จำกัดว่าต้องเป็นเอสเอ็มอีในระบบเท่านั้น 3.การยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคล 50% สำหรับผู้ประกอบการที่มีการนำเครื่องจักรมาปรับปรุงและนำระบบดิจิทัลและอินเทอร์เน็ตมามาใช้จัดการธุรกิจ โดยให้ยกเว้น 3 ปี และขยายขอบเขตการอบรมบุคลากรของผู้ประกอบการให้มากขึ้น
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เรื่องค่าแรงงานวันนี้รับทราบแล้ว ในที่ประชุม ครม.เสนอเข้ามา แต่มาตรการทางการเงินการคลัง ก็ต้องออกมาช่วยดูแล ช่วยเหลือทางด้านภาษีให้กับธุรกิจเอสเอ็มอีต่างๆ วันนี้ยังกังวลเรื่องเศรษฐกิจระดับล่าง ผู้ประกอบการหลายรายไม่ได้ขึ้นทะเบียน เพราะทุกคนก็กลัวจะเสียภาษี แต่ถ้าขึ้นบัญชีก็จะได้รู้ว่ามีอยู่เท่าไหร่ จะมีมาตรการมาช่วยได้ แต่ถ้าไม่ช่วยกันแบบนี้จะแก้อย่างไร
“เอสเอ็มอี มี3 ล้านรายวันนี้ขึ้นทะเบียนไม่ถึง 1 ล้านราย เพราะทุกคนกลัวภาษี แต่ก็อยากได้สิ่งที่รัฐบาลจะช่วยเหลือ ถ้ามันไม่มีบัญชีจะช่วยอย่างไร กฎหมายว่าอย่างไร จะจ่ายเงินให้ใครได้ไหม ถ้าไม่มีใบกำกับภาษี ” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวต่อว่า
นายณัฐพร จาตุศรีพิทักษ์ โฆษกประจำรองนายกรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจ แถลงผลการประชุม ครม. ว่า ที่ประชุมเห็นชอบ การกำหนดอัตราค่าจ้างขั้นต่ำ ปี 2561 ตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ สำหรับการปรับอัตราค่าจ้างขั้นต่ำขึ้น 5-22 บาทต่อวันในทุกจังหวัด แบ่งออกเป็น 7 ระดับ ได้แก่ 308 บาทต่อวัน จำนวน 3 จังหวัด 310 บาทต่อวัน 22 จังหวัด 315 บาทต่อวัน 21 จังหวัด 318 บาทต่อวัน 7 จังหวัด 320 บาทต่อวัน14 จังหวัด 325 บาทต่อวัน 7 จังหวัด และ 330 บาทต่อวัน 3 จังหวัด ให้มีผลผลบังคับใช้ตั้งแต่ วันที่ 1 เม.ย.61
นอกจากนี้ รัฐบาลได้ออกมาตรการคุ้มครองผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบจากการขึ้นค่าแรงขี้นต่ำ 3 มาตรการ คือ 1.มาตรการลดหย่อนภาษี โดยให้ผู้ประกอบการนำรายจ่ายที่จ่ายเป็นค่าแรงให้ลูกจ้างมาลดหย่อนภาษีได้ไม่เกิน 1.15 เท่า มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 เมษายนถึงสิ้นปีนี้ สำหรับผู้ประกอบการที่จะลดหย่อนได้คือ ต้องมีรายได้ไม่เกิน 100 ล้านบาท และมีลูกจ้างไม่เกิน 200 คน ซึ่งคาดจะสูญเสียรายได้ประมาณ 5,400 ล้านบาท
2.การช่วยเหลือผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อม หรือ เอสเอ็มอี วงเงิน 5,000 กว่าล้านบาท โดยให้มีการจัดตั้งคณะทำงาน จากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องลงพื้นที่คัดเลือกผู้ประกอบการเข้าร่วมโครงการจัดสัมมนาและอบรมพัฒนาสถานประกอบการ จากการประเมินพบว่าการขึ้นค่าแรงจะส่งผลต่อผู้ประกอบการเอสเอ็มอี 0.5-1% แต่จากการอบรมเข้าโครงการจะช่วยลดต้นทุนเอสเอ็มอี 10% คาดว่าจะมีเอสเอ็มอีเข้าร่วม 50,000 แห่ง มีผู้ประกอบการ 250,000 คน โดยไม่จำกัดว่าต้องเป็นเอสเอ็มอีในระบบเท่านั้น 3.การยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคล 50% สำหรับผู้ประกอบการที่มีการนำเครื่องจักรมาปรับปรุงและนำระบบดิจิทัลและอินเทอร์เน็ตมามาใช้จัดการธุรกิจ โดยให้ยกเว้น 3 ปี และขยายขอบเขตการอบรมบุคลากรของผู้ประกอบการให้มากขึ้น
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เรื่องค่าแรงงานวันนี้รับทราบแล้ว ในที่ประชุม ครม.เสนอเข้ามา แต่มาตรการทางการเงินการคลัง ก็ต้องออกมาช่วยดูแล ช่วยเหลือทางด้านภาษีให้กับธุรกิจเอสเอ็มอีต่างๆ วันนี้ยังกังวลเรื่องเศรษฐกิจระดับล่าง ผู้ประกอบการหลายรายไม่ได้ขึ้นทะเบียน เพราะทุกคนก็กลัวจะเสียภาษี แต่ถ้าขึ้นบัญชีก็จะได้รู้ว่ามีอยู่เท่าไหร่ จะมีมาตรการมาช่วยได้ แต่ถ้าไม่ช่วยกันแบบนี้จะแก้อย่างไร
“เอสเอ็มอี มี3 ล้านรายวันนี้ขึ้นทะเบียนไม่ถึง 1 ล้านราย เพราะทุกคนกลัวภาษี แต่ก็อยากได้สิ่งที่รัฐบาลจะช่วยเหลือ ถ้ามันไม่มีบัญชีจะช่วยอย่างไร กฎหมายว่าอย่างไร จะจ่ายเงินให้ใครได้ไหม ถ้าไม่มีใบกำกับภาษี ” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวต่อว่า