xs
xsm
sm
md
lg

ถอนตัวเอื้อป้อม ชิ่งองค์กรโปร่งใสฯหนีปมนาฬิกาหรู ชี้กลัวอันดับคอร์รัปชันพุ่ง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


“รสนา” สับถอนตัวจากการเป็นสมาชิกองค์กรเพื่อความโปร่งใสนานาชาติ (TI) จากกรณี "ประวิตร นาฬิกาหรู" เพราะบางคนไม่อยากเห็นผลประเมิน ตอก "ประยุทธ์" ประกาศไม่ทนคอร์รัปชัน แต่ดันบอกเรื่องส่วนตัว ย้อนลูบหน้าปะจมูกตัวเอง “มานะ” เชื่อ TI ยังประเมินไทยเหมือนเดิม “ประธาน ป.ป.ช.” แจงถอนตัวคดีนาฬิกาหรู “บิ๊กป้อม” เหตุเป็นเจ้านายเก่า อาจขัดกฎหมาย แต่เชื่อ จนท.ทำงานถูกต้อง-เป็นมืออาชีพ

จากกรณีที่ นางจุรี วิจิตรวาทการ เลขาธิการมูลนิธิองค์กรเพื่อความโปร่งใสในประเทศไทย เปิดเผยว่า มูลนิธิฯได้ถอนตัวจากการเป็นสมาชิกองค์กรเพื่อความโปร่งใสนานาชาติ (TI) โดยอ้างว่า การชี้วัดของ TI ยังมีอคติและไม่สอดคล้องกับความจริงในประเทศไทย พร้อมยืนยันว่าการถอนตัวดังกล่าวไม่ใช่การประท้วงที่ประเทศไทยได้ผลการจัดอันดับทุจริตโลก (CPI) ต่ำลง หรือได้รับการกดดันจากรัฐบาลให้ดำเนินการดังกล่าว

วานนี้ (25 ม.ค.) น.ส.รสนา โตสิตระกูล อดีต ส.ว.กรุงเทพ ได้กล่าวถึงกรณีกังล่าวว่า ประเทศไทยเริ่มรายงานดัชนีความโปร่งใสขององค์กรความโปร่งใสนานาชาติ มาตั้งแต่ปี 2538 ขณะนั้นไทยได้คะแนน 3.8 เต็ม 10 แสดงว่า เรายังสอบตกเรื่องความโปร่งใส แต่หลังจากนั้นคะแนนความโปร่งใสของเราก็ไม่กระเตื้องขึ้น ยังคงวิ่งขึ้นลงอยู่ระดับนี้ เราไม่เคยได้คะแนนถึง 5 เต็ม10 ที่ถือว่าสอบผ่านแบบคาบเส้นเลยตลอด 22 ปี ที่ผ่านมา ทุกรัฐบาลที่ผ่านมาก็ไม่เคยสนใจว่าจะขยับฐานะดัชนีชี้วัดความโปร่งใสของไทยให้ดีขึ้นได้อย่างไร สิ่งที่รัฐบาลทำก็เป็นเพียงจัดงานอีเวนต์ปีละครั้งในวันที่ 9 ธ.ค.ของทุกปี หลังจากนั้นก็ไม่มีกิจกรรมใดที่ทำให้เกิดการร่วมมือกับเครือข่ายของประชาชน หรือมีการปราบปรามกวาดล้างการคอร์รัปชันในวงการเมือง และวงราชการอย่างจริงจังเหมือนผู้นำประเทศจีน ที่จัดการกับคนระดับสูงในพรรคคอมมูนิสต์ ซึ่งเป็นรัฐบาลพรรคเดียวแบบรัฐบาล คสช.

“ท่านนายกฯประยุทธ์ (พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา) เพิ่งประกาศนโยบาย หรือคำขวัญ เมื่อเดือนที่แล้ว (9 ธ.ค.60) ว่า “ประชาชนจะไม่ทนต่อการคอร์รัปชันอีกต่อไป” แต่พอมาเกิดเหตุกับ พล.อ ประวิตร วงษ์สุวรรณ เรื่องนาฬิกาฉาว ท่านก็พูดว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องส่วนตัว ไม่เกี่ยวกับการใช้งบประมาณแผ่นดิน คนโบราณจึงเรียกการทุจริตคอร์รัปชันว่า “การฉ้อราษฎร์ บังหลวง” และคนโบราณก็มีวาทกรรม คำว่า”ลูบหน้าปะจมูก” เข้ามาประกอบด้วย ถ้าผู้มีอำนาจไม่จัดการกับข้อครหาเรื่องคอร์รัปชัน เพราะลูบหน้าแล้วเจอจมูก เลยไม่กล้าตัดจมูก เพราะเป็นจมูกของตัวเอง การฉ้อราษฎร์ บังหลวง ก็จะเกิดขึ้นได้โดยไม่มีการแก้ไขนั่นเอง”

น.ส.รสนา กล่าวต่อว่า การประกาศถอนตัวของ TI ประเทศไทย จากการเป็นสมาชิก TI นานาชาติในครั้งนี้ เกิดขึ้นท่ามกลางข้อครหาเรื่องนาฬิกาหรู ของตำแหน่งเบอร์ 2 ในรัฐบาล คสช. ย่อมทำให้เกิดข้อวิพากษ์วิจารณ์มากมายว่า ใครบางคนคงไม่ต้องการเห็นตัวเลขดัชนีความไม่โปร่งใส ของประเทศไทยให้ระคายเคืองตา และเคืองใจใช่หรือไม่

ขณะที่ นายมานะ นิมิตรมงคล เลขาธิการองค์กรต่อต้านคอรัปชัน (ประเทศไทย) ได้โพสต์ผ่านเฟซบุ๊กระบุว่า ไทยไม่เคยถอนตัวจาก TI ตามที่มีการเสนอข่าว เนื่องจากการประเมินและจัดอันดับคอร์รัปชันของประเทศทั่วโลก เป็นการสำรวจข้อมูลอย่างอิสระโดย TI โดยไทยเป็นหนึ่งในประเทศที่ถูกประเมินและจัดอันดับทุกปีตั้งแต่ปี พ.ศ.2538 เป็นต้นมา และเชื่อว่าจะยังคงมีต่อไป โดยการประกาศผลการประเมินและจัดอันดับประจำปี 60 จะมีขึ้นในวันที่ 21 ก.พ.นี้

“เดิมที มูลนิธิเพื่อความโปร่งใสในประเทศไทยเป็นสมาชิก TI ด้วย แต่เมื่อราว 2 ปีที่แล้วได้ถอนตัวจากการเป็นสมาชิก เนื่องจากมีข้อจำกัดบางประการ โดยจะไม่มีผลกระทบใดๆ ต่อการประเมินและจัดอันดับคอร์รัปชัน” นายมานะ ระบุ

อีกด้าน พล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ ประธานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) กล่าวถึงกรณีการถอนตัวจากการพิจารณาสำนวนกรณีนาฬิกาหรูของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯและ รมว.กลาโหม ว่า มีกฎหมายที่เกี่ยวข้องลักษณะต้องห้ามที่ไม่ให้ตนเข้าไปทำหน้าที่ อาจจะมีเรื่องของความใกล้ชิด ซึ่งไม่ตรงเป๊ะนัก อีกทั้งตนเคยเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาของ พล.อ.ประวิตรมาก่อน ดังนั้นคิดว่าการเข้าไปร่วมพิจารณานั้นอาจจะทำให้มตินั้นเสียไป ตนจึงถอนตัว ซึ่งเป็นสิ่งที่ถูกต้องที่สุด

ผู้สื่อข่าวถามว่า แสดงว่ายอมรับว่าสนิทสนมกับ พล.อ.ประวิตร จริง พล.ต.อ.วัชรพล กล่าวยอมรับว่า แน่นอน เพราะตนเคยทำงานกับ พล.อ.ประวิตร จึงไม่เหมาะสมที่จะไปพิจารณาเรื่องนี้

เมื่อถามว่า การระบุว่าเป็นการยืมเพื่อนมาแล้วไม่ต้องแจ้งบัญชีทรัพย์สิน ตามกฎหมาย ป.ป.ช.ถือว่าไม่ต้องแจ้งหรือไม่ พล.ต.อ.วัชรพล กล่าวว่า ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่และคณะกรรมการเป็นผู้พิจารณา

เมื่อถามว่า ขณะนี้กลายเป็นว่ากระแสโจมตี ป.ป.ช.ว่าพยายามจะปกป้องเรื่องนี้ และจะกลายเป็นมวยล้มต้มคนดู พล.ต.อ.วัชรพล กล่าวว่า มันเป็นกระบวนการทำงาน แต่สื่อมวลชนอาจจะไปคาดการณ์กัน แต่กระบวนการทำงานก็มีแนวทาง และระเบียบปฏิบัติอยู่แล้ว ทางเจ้าหน้าที่และคณะกรรมการต้องทำงานอย่างถูกต้อง และเป็นมืออาชีพ.


กำลังโหลดความคิดเห็น